เทน ฮาก ไหวมั้ย? 4 ข้อแก้ไม่ตก แมนยู ชวดท็อปโฟร์ชัวร์

เทน ฮาก ไหวมั้ย? 4 ข้อแก้ไม่ตก แมนยู ชวดท็อปโฟร์ชัวร์
ทำไปทำมา แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องพกความกดดันอย่างหนักลงสนามในเกม พรีเมียร์ลีก เสาร์นี้ซะแล้วแมตช์ต้อนรับการมาเยือนของ วูล์ฟส์

จากที่มองกันว่า ผีแดง จะคว้าพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างสบายแฮ ปรากฏว่าทีมของ เอริค เทน ฮาก เริ่มมีฟอร์มที่เป๋ไปเป๋มาในช่วงท้าย สวนทางกับ ลิเวอร์พูล ที่ชนะรวดหกนัดขยับขึ้นมาหายใจรดต้นคอในอันดับห้าแล้ว แถมลดช่องว่างของคะแนนลงเหลือแต้มเดียวเท่านั้นแม้จะลงเล่นมากกว่า ผีแดง หนึ่งนัด

ยิ่งเมื่อมองถึงโปรแกรมที่เหลืออยู่ หงส์แดง มีแววชนะรวดเก้านัดได้ไม่น้อยในอีกสามเกมข้างหน้าเนื่องจากโมเมนตัมเหวี่ยงมาเข้าทางพวกเขาเต็มๆแล้ว

จะมีก็แค่ต้อนรับ แอสตัน วิลล่า ที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องออกแรงมากหน่อย แต่กับนัดเยือน เลสเตอร์ ในวันจันทร์นี้ และนัดปิดซีซั่นที่ต้องไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน สองทีมที่มีโอกาสตกชั้นสูง ลิเวอร์พูล ไม่น่าจะพลาดการคว้าหกแต้มเต็ม

สำหรับ ผีแดง ไม่มีเกมไหนที่ง่ายอีกต่อไปแล้วหลังพวกเขาออกนอกบ้านแพ้สองเกมติดต่อกันให้กับ ไบรท์ตัน และ เวสต์แฮม ชนิดที่ฟ้องให้เห็นว่าทีมจาก โรงละครแห่งความฝัน หมดเรี่ยวหมดแรงกันแล้วเนื่องจากฟอร์มในครึ่งหลังเป็นรองคู่แข่งบานเบอะ

จากอาการแผ่วปลายเร่งสปีดไม่ขึ้นนี่เองที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสิทธิ์อกหักไม่น้อย แถมโปรแกรมที่เหลือก็ไม่ถึงกับง่ายเนื่องจากต้องฟัดกับทั้ง เชลซี ที่เริ่มฟื้นแล้ว รวมถึง ฟูแล่ม แม้จะได้เล่นในบ้านก็เถอะ

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงตอนนี้ เทน ฮาก พาทีม ผีแดง แพ้ในเกมลีกต่อหนึ่งซีซั่นมากกว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่คนก่อนด้วยซ้ำเนื่องจาก เร้ด เดวิลส์ ปราชัยมากถึงเก้านัดเข้าไปแล้ว และไม่รู้ว่าสถิติที่น่าตกใจนี้จะหยุดอยู่เพียงเท่านี้หรือเปล่า

แต่ขณะเดียวกัน แชมป์ คาราบาวคัพ ซึ่งเคยมีลุ้นคว้าสามโทรฟี่ประสบกับปัญหาต้องลงเล่นอย่างถี่ยิบรวม 57 นัดแล้ว มันจึงส่งผลร้ายต่ออาการหมดแรงข้าวต้มของนักเตะอย่างช่วยไม่ได้

เข้าอีหรอบนี้ เทน ฮาก จึงตัดสินใจให้นักเตะได้พักจากการซ้อมสองวันเต็มหลังเกมแพ้ เดอะ แฮมเมอร์ส แต่มันจะส่งผลดีหรือเปล่าก็ต้องรอดูกัน

จะอย่างไรก็ตาม หาก เทน ฮาก  หวังเสริมทัพด้วยการคว้าตัวสตาร์ดังมาร่วมทีม เขาจำเป็นต้องจบซีซั่นด้วยการพา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าอันดับท็อปโฟร์ให้ได้เพื่อโน้มน้าวให้ดาวดังยินดีย้ายมาค้าเกือกกับถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ เคน , ดีแคลน ไรซ์ หรือใครก็ตาม

แต่ก็นั่นแหละ ก่อนหน้านี้ ผีแดง เสียท่าให้กับ เซบีย่า ในถ้วย ยูโรปาลีก มาแล้วทั้งๆที่สถานการณ์น่าจะแบเบอร์ต่อการเข้ารอบ มันจึงบ่งบอกให้เห็นว่าสาวก เร้ด อาร์มี่ ไม่อาจคาดหวังทีมรักได้มากนักในระยะนี้

และนี่คือปัญหา 4 ข้อสำคัญที่กุนซือดัตช์จำเป็นต้องแก้ไขให้ได้ หาไม่แล้วก็อาจต้องวืดการโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับอริเบอร์หนึ่ง

1. ต้องจบสกอร์ให้เด็ดขาด


หลายเกมหลังจะเห็นได้ว่า เทน ฮาก บ่นอุบถึงการทิ้งโอกาสของทีมโดยเฉพาะในครึ่งแรกที่มีจังหวะคลำเป้ามากกว่าฝ่ายตรงข้าม แต่พวกเขายิงประตูได้ไม่มากพอ และมันส่งผลร้ายต่อเกมในครึ่งหลังเนื่องจากคู่แข่งมีกำลังวังชาที่ดีกว่า

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าทีมอันดับสี่ของตาราง พรีเมียร์ลีก เช็กบิลคู่แข่งได้อย่างจุ๋มจิ๋มแค่ 49 ประตูเท่านั้นซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับทีมในกลุ่มบนของตารางอย่าง ลิเวอร์พูล 67 ประตู , สเปอร์ส 64 ประตู , ไบรท์ตัน 63 ประตู , นิวคาสเซิ่ล 61 ประตู , อาร์เซน่อล 83 ประตู และ แมนฯ ซิตี้ 89 ประตู

จากตัวเลขดังกล่าว บอกได้เลยว่า ผีแดง ยิงประตูได้เท่ากับ เดอะ ฟ็อกซ์ เป๊ะทั้งๆที่ทีมอันดับสามจากท้ายตารางแพ้คู่แข่งมากถึง 21 นัด

และแน่นอน มันน่าหนักใจที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แต่พึ่งพา มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นหลักเพราะหากไม่ได้ 16 ประตูของกองหน้าทีมชาติ อังกฤษ ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะรั้งอันดับสี่อยู่ในเวลานี้

เทียบจากซีซั่นก่อนในยุคของ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิก แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาแบบเดียวกันนี้ไม่มีผิดเนื่องจากสอยตาข่ายในลีกได้แค่ 57 ประตู และเก็บแต้มได้น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ของสโมสร 58 แต้ม

จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ เทน ฮาก ต้องติวเข้มการยิงประตูให้เฉียบขาดอย่างเกมล่าสุดกับ เวสต์แฮม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ง้างไก 19 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบแค่ 4 ครั้งโดยที่ไม่มีประตูตอบแทน

และในเมื่อฟุตบอลแพ้ชนะกันที่การยิงประตู ไม่ใช่การครองบอล หรืออะไรอื่น มันจึงน่าลุ้นว่าสุดท้ายแล้ว ผีแดง จะชวดอันดับท็อปโฟร์ด้วยสาเหตุที่ว่านี้หรือเปล่า

2. มีแรงเล่นแค่ 45 นาที


อย่างที่ได้เห็นในหลายเกมหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับปัญหาไม่มีแรงเหลือให้เล่นในครึ่งหลัง และโดนทั้ง เซบีย่า และ สเปอร์ส ทวงคืนสองเม็ดในครึ่งหลังเนื่องจากพวกเขาไม่มีพละกำลังมากพอที่จะโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 90 นาที

และไม่ต่างอะไรกับเกมล่าสุดที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม เพราะแม้จะเสียประตูให้ทีมเจ้าบ้านในครึ่งแรก แต่ ผีแดง หมดปัญญาที่จะทวงคืนเนื่องจากเร่งเกมในครึ่งหลังไม่ขึ้นอีกตามเคย

ฉะนั้นแล้ว จึงสมควรต้องจับตามองเกมในครึ่งหลังนัดต้อนรับ หมาป่า ในวันเสาร์นี้ให้ดีว่าพลพรรค ผีแดง จะเจอกับเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยเดิมอีกหรือเปล่า

3. ดาบิด เด เคอา


ฟุตบอลสมควรแพ้ชนะกันเป็นทีมก็จริง แต่ความผิดพลาดแบบเด็กประถมของมือกาวอย่าง ดาบิด เด เคอา ถือว่าส่งผลร้ายต่อทีมในช่วงท้ายซีซั่นหลังปล่อยให้ลูกยิงที่ไม่มีความรุนแรงของ ซาอิด เบนราห์มา ดาวเตะทีม ขุนค้อน ผ่านมือเข้าไปเป็นประตูชัยของสโมสรแห่งกรุงลอนดอน

และจากสถิติที่มีการเปิดเผยออกมา เด เคอา พลาดมหันต์จนทำให้ทีมเสียประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้สี่ครั้งแล้วซึ่งเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดเทียบเท่ากับ อูโก้ โยริส นายทวารวัยดึกของ สเปอร์ส

แม้อันที่จริง ผู้รักษาประตูสแปนิชจะงัดซูเปอร์เซฟมาช่วยทีมได้หลายนัด และหลายจังหวะ แถมมีคลีนชีตในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้มากที่สุด 15 นัดด้วย

แต่ในเมื่อบุญปาบมันหักล้างกันไม่ได้ ความผิดพลาดของนายทวารเจ้าของค่าแรงมหาศาลสัปดาห์ละ 375,000 ปอนด์จึงอาจทำให้ทีมเสียหายหนักจนถึงขั้นต้องหล่นลงสู่อันดับห้าของตารางหลังจบซีซั่นก็เป็นได้

ขณะเดียวกัน เขาอาจเสียตำแหน่งมือหนึ่งของทีมในซีซั่นหน้าด้วยตามกระแสข่าวที่ว่าเจ้าตัวตกลงที่จะต่อสัญญาได้แล้วโดยยินดีรับค่าแรงลดลง แต่บางที เทน ฮาก อาจคว้านายทวารมือหนึ่งคนใหม่มาเสียบแทน

ถึงตอนนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เด เคอา เครียดขนาดไหนที่มีส่วนทำให้ทีมแพ้ เวสต์แฮม และเชื่อได้เลยว่าเกมต้อนรับ วูล์ฟส์ ซึ่งสามารถเล่นกันได้ด้วยความสบายใจเนื่องจากไม่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นแล้วจะเป็นเกมที่เจ้าตัวกดดันอย่างมหาศาล

และที่สำคัญ หากว่าทีม หมาป่า บุกมายิงประตูนำได้ก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด จะเก็บได้สักแต้มในรังตัวเองหรือเปล่าก็ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง

4. สามทหารเสือเสียสถิติ


สถิติมีไว้ทำลาย และในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พ่ายเป็นเกมแรกจนได้หากส่ง กาเซมีโร่ , คริสเตียน เอริคเซ่น และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงเล่นเป็น 11 คนแรกในเกมบุกไปดวลกับ ขุนค้อน

ก่อนหน้านี้ 20  นัดที่สามมิดฟิลด์ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกัน แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานสวยหรูชนะ 16 นัด และเสมอ 4 นัดก่อนโดน เดอะ แฮมเมอร์ส ทุบสถิติ

อย่างไรเสีย เรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ กาเซมีโร่ กับ เอริคเซ่น เริ่มมีฟอร์มที่ตกลงไปหลังกรำศึกมานาน จะมีก็แค่ บรูโน่ เท่านั้นที่ยังยืนระยะได้

อย่างในเกมกับ เวสต์แฮม เอริคเซ่น ต้องโดนเปลี่ยนตัวอีกตามเคยให้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ลงไปแทน

นอกจากดาวเตะทีมชาติ ออสเตรีย แล้ว ผีแดง ยังมี เฟร็ด เป็นตัวเลือกอีกราย แต่สตาร์ทีมชาติ บราซิล ไม่เคยพึ่งพาได้สักเท่าไหร่อยู่แล้ว และรวมถึง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ด้วยที่ไม่มีประโยชน์ใดๆกับทีมในยามที่ยังไม่ล้มเจ็บ

ต้องอย่าลืมว่า กาเซมีโร่ กับ เอริคเซ่น มีอายุ 31 ปีแล้ว และทั้งสองลงสนามเป็นจำนวน 46 และ 39 นัดตามลำดับ

มองดูแล้ว เทน ฮาก กำลังคิดหนักเป็นแน่ว่าจะมีการโรเตชั่นแผงกลางดีหรือไม่เพราะจะว่าไปหากเขาตัดสินใจส่ง เฟร็ด  ลงเล่นเป็นตัวจริง แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด คงมีเคืองด้วยตระหนักดีถึงขีดความสามารถของพ่อค้าแข้งแซมบ้าเซิ่นเจิ้นรายนี้

แต่ที่มากไปกว่านั้นคือบรรดาตัวริมเส้นอย่าง เจดอน ซานโช่ และ อันโตนี่ ก็ฝากความหวังไม่ได้เช่นกัน ตลอดจนกองหน้าอย่าง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ดูลีลาการเล่นแล้วชวนให้น่าอึดอัดอย่างแรง

นี่แหละถึงต้องเตือนแฟนบอล ปีศาจแดง เอาไว้ว่าอย่าช็อกหมดสติเด็ดขาดหากว่าสุดท้ายแล้วยอดกุนซือดัตช์จะประคับประคองสถานการณ์ไม่สำเร็จ


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport