ศึกแย่งท็อปโฟร์กลับมาคึกคัก

ศึกแย่งท็อปโฟร์กลับมาคึกคัก
ความพ่ายแพ้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นทันทีของทั้งลิเวอร์พูลและไบรท์ตัน

การแย่งตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับมาคึกคักขึ้นแม้โอกาสจะยังอยู่ในมือทีมอันดับสามและสี่อย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตาม แต่ด้วยช่องว่างที่แคบลง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความตื่นเต้นมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

โดยเฉพาะสำหรับลิเวอร์พูลที่เคยแทบไม่มีความหวัง แต่นับเฉพาะ 4 เกมหลังสุดทีมหงส์แดงเก็บได้มากกว่านิวคาสเซิ่ล 3 แต้ม และมากกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด 5 แต้ม

จากที่เคยห่างก็กลับแคบลง แม้จำนวนเกมจะเหลือน้อยลง

มองดูตารางคะแนนอีกครั้ง ผมคิดว่าเดอะค็อปหลายคนแอบลุ้นมากขึ้นกับพื้นที่ท็อปโฟร์ ทำนองว่ารู้แหละว่ายากแต่โอกาสมันก็เปิดกว้างขึ้นกว่าเดิมแล้วนี่หว่า

แน่นอนครับรวมไปถึง ไบรท์ตัน ที่น่าสนใจเป็นพิเศษด้วย สี่เกมหลังสุดเก็บได้ถึง 9 คะแนนและที่สำคัญคือแนวทางการเล่นอันแข็งแกร่งของพวกเขา

สำรวจดูสถานการณ์ล่าสุดและโปรแกรมที่เหลืออยู่ของ นิวคาสเซิ่ล แมนฯ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล และ ไบรท์ตัน ดูอีกทีก่อนลงสนามกันในสัปดาห์นี้ เราย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะยังมั่นใจว่าอันดับ 3 กับ 4 ไม่เปลี่ยนหน้า แต่บางคนอาจเริ่มไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้ว..

ตารางคะแนนล่าสุด

3. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เตะ 33 นัด มี 65 คะแนน

4. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตะ 33 นัด มี 63 คะแนน

5. ลิเวอร์พูล เตะ 34 นัด มี 59 คะแนน

6. ไบรท์ตัน เตะ 32 นัด มี 55 คะแนน


โจทย์เบื้องต้นของ นิวคาสเซิ่ล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทำแต้มใน 5 นัดที่เหลือให้ได้ตามเป้าหมายนั่นคือคะแนนที่อย่างน้อยที่สุดจะสามารถสลัด ลิเวอร์พูล กับ ไบรท์ตัน พ้นได้

แต้มสูงสุดที่ลิเวอร์พูลสามารถทำได้คือ 71 คะแนน ขณะที่แต้มสูงสุดที่ไบรท์ตันอาจไปถึงคือ 73 คะแนน นั่นคือทั้งสองทีมชนะรวดในโปรแกรมเตะที่เหลืออยู่

นั่นหมายความว่า นิวคาสเซิ่ล ต้องการอีก 7 คะแนนเพื่อสลัดลิเวอร์พูล และ 9 คะแนนเพื่อทิ้งขาดไบรท์ตัน ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการ 9 คะแนนเพื่อหนีพ้นลิเวอร์พูล และ 11 คะแนนเพื่ออยู่ในจุดที่ไบรท์ตันตามไม่ทันแน่นอน

ว่ากันถึงความรอบคอบในเรื่องนี้ ทั้ง นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องดูไปที่ ไบรท์ตัน ไม่ใช่ลิเวอร์พูล เพราะทีมนกนางนวลมีโอกาสเก็บแต้มสูงสุดได้มากกว่าหงส์แดง สลัดพ้นลิเวอร์พูลสำเร็จไม่ได้การันตีความปลอดภัยในพื้นที่ท็อปโฟร์ สลัดพ้นไบรท์ตันต่างหากถึงจะยืนยันว่าทีมได้ไปแชมเปี้ยนส์ ลีกแน่ๆ

ทีมสาลิกาดงจึงต้องการ 9 คะแนนจากคะแนนเต็ม 15 แต้มในห้านัดสุดท้าย

ทีมปีศาจแดงจึงต้องการ 11 คะแนนจากคะแนนเต็ม 15 แต้มในห้านัดสุดท้าย

อยู่ในข่ายที่ทำได้ แต่ไม่ง่าย.. ถ้าต้องการตีตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีกร้อยเปอร์เซนต์โดยไม่ต้องลุ้นผลของใครอื่นก็ต้องวางโจทย์ไว้อย่างนั้น

เรามาดูโปรแกรมที่เหลืออยู่ของทั้ง 4 ทีมกันอีกครั้งครับ แล้วลองพิจารณากันดูถึงความยาก-ง่ายที่แต่ละทีมต้องเจอ

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (33 นัด 65 คะแนน)

-อาร์เซน่อล (เหย้า)

-ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)

-ไบรท์ตัน (เหย้า)

-เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)

-เชลซี (เยือน)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (33 นัด 63 คะแนน)

-เวสต์แฮม (เยือน)

-วูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า)

-บอร์นมัธ (เยือน)

-เชลซี (เหย้า)

-ฟูแล่ม (เหย้า)

ลิเวอร์พูล (34 นัด 59 คะแนน)

-เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)

-เลสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)

-แอสตัน วิลล่า (เหย้า)

-เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน)

ไบรท์ตัน (32 นัด 55 คะแนน)

-เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)

-อาร์เซน่อล (เยือน)

-นิวคาสเซิ่ล (เยือน)

-เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า)

-แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)

-แอสตัน วิลล่า (เยือน)

นิวคาสเซิ่ล กับ ไบรท์ตัน มีเกมเสี่ยงระดับห้าดาวอยู่มากกว่าหนึ่งเกม ทีมสาลิกาดงต้องเจออาร์เซน่อลที่กำลังลุ้นแชมป์ ขณะที่ทีมนกนางนวลไม่เพียงต้องเจอทีมปืนใหญ่เช่นกันแต่ยังต้องเตะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าด้วย

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือทั้งสองทีมมีโปรแกรมต้องมาตัดแต้มกันเองในเกมที่ 35 ของฤดูกาล

การพบกันเองหมายความว่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งทีมหรืออาจจะทั้งคู่ที่มีโอกาสขาดทุนแต้มให้ แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ในสัปดาห์นั้น

ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล เองก็มีเกมเสี่ยงเช่นกัน เพียงแต่ถ้าดูกันแค่ความหนักของชื่อชั้นคู่แข่งในเบื้องต้นแล้วสองทีมคู่อริแห่งศึกแดงเดือดจะมีงานที่เบากว่านิวคาสเซิ่ลและไบรท์ตัน อย่างน้อยก็หนึ่งเกมแน่ๆ ทั้งสองทีมต้องมาวัดกันเอง

คาดเดาไม่ได้เลยนะครับว่าแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไป สถานการณ์จะพลิกผันไปทางไหนบ้าง บางทีอะไรที่ว่าง่ายอาจจะกลับยาก และงานที่ว่ายากอาจกลับง่ายก็ได้

ศรัทธาใคร ศรัทธามัน.. เชื่อมั่นใคร เชื่อมั่นมัน

5 เกมสุดท้ายของฤดูกาลสำหรับนิวคาสเซิ่ลและแมนฯ ยูไนเต็ด

6 เกมสุดท้ายของฤดูกาลสำหรับไบรท์ตัน

และ 4 เกมสุดท้ายของฤดูกาลสำหรับลิเวอร์พูล

สู่ความตื่นเต้นที่แท้จริงในช่วงท้ายฤดูกาลครับ..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport