ฟานไดค์ลั่นลิเวอร์พูลฟอร์มตกเปล่าเอี่ยวกับฟุตบอลโลก

ฟานไดค์ลั่นลิเวอร์พูลฟอร์มตกเปล่าเอี่ยวกับฟุตบอลโลก
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ลั่น ผลงานที่ดร็อปลงของ ลิเวอร์พูล มันไม่ได้มีเอี่ยวกับศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่จะฟาดแข้งกันในช่วงปลายปีนี้ พร้อมบอกว่าสิ่งที่ควรทำก่อนถึงรายการใหญ่ในระดับทีมชาติคือการได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การพยายามเลี่ยงอาการบาดเจ็บ

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล กล่าวว่าการที่ศึก ฟุตบอลโลก 2022 จะเตะกันในช่วงปลายปีนี้มันไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมของตนฟอร์มตกแต่อย่างใด

ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เพิ่งชนะในลีกได้เพียง 2 เกมจากการลงเล่น 6 นัด ต่างกับซีซั่นก่อนที่พวกเขาคว้าชัยชนะในลีกได้ถึง 4 เกมจากช่วง 6 นัดแรก ซึ่งบางคนตั้งประเด็นว่ามันอาจจะเป็นเพราะนักเตะหลายคนไม่อยากเข้าปะทะหนักๆ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บ โดยอย่างกรณีของ ฟาน ไดค์ เขายังไม่เคยได้ลงเล่นรายการใหญ่ๆ ร่วมกับทัพ "อัศวินสีส้ม" มาก่อนเลย เพราะศึก ยูโร ครั้งล่าสุด เขาก็ต้องอดช่วยบ้านเกิดจากการที่ตอนนั้นอยู่ระหว่างการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า

หลังโดนถามว่าการที่ในช่วงปลายปีนี้มีศึก ฟุตบอลโลก 2022 มันเป็นปัจจัยที่ส่งผลกับฟอร์มของ ลิเวอร์พูล หรือไม่นั้น ฟาน ไดค์ ก็ตอบว่า "ไม่เลย ไม่เลยสักนิด ผมรับประกันกับคุณได้เลยว่ามันไม่ใช่แบบนั้นแม้แต่นิดเดียว เราไม่ได้เจอกับสถานการณ์นี้เพราะเรื่องนั้นเลย"

"ผมพอเข้าใจได้นะว่าทำไมหลายคนถึงคิดกันแบบนั้น เพราะพอเราออกสตาร์ตฤดูกาลได้แย่แบบนี้น่ะทุกคนก็จะหาเหตุผลกันว่า -มันเป็นเพราะอะไร ?- เพราะฤดูกาลนี้เราออกสตาร์ตได้แย่กว่าซีซั่นก่อนมากๆ แต่ผมรับปากกับคุณได้เลยว่ามันไม่ใช่หนึ่งในเหตุผลสำหรับเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียว"

"คุณจะให้ความสำคัญแบบนัดต่อนัด และเราก็กำลังทำแบบนั้นกันอยู่ ผมสามารถพูดได้แค่ในกรณีของตัวเองเท่านั้น และผมก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองเลย ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น (การสนเกม ฟุตบอลโลก มากไป) ผมก็คิดว่าคุณจะเจอปัญหาแน่ๆ สถานการณ์ตอนนี้ก็แค่ต้องดูกันแบบเกมต่อเกมเท่านั้น นั่นรวมถึงเกมระดับทีมชาติด้วย"

"แน่นอนว่าผมอยากไปเล่นรายการนั้น แต่ในความคิดของผมน่ะ การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรายการที่ว่าไม่ใช่การให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ แต่เป็นการได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง, ทำให้ตัวเองฟิตเข้าไว้, รักษาสภาพความฟิตให้ได้ และมีช่วงเวลาที่ดีต่างหาก"


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport