ลิเวอร์พูล ยังห่างไกลความสมบูรณ์แบบที่เคยเป็น

ลิเวอร์พูล ยังห่างไกลความสมบูรณ์แบบที่เคยเป็น
มันอาจจะไม่ใช่ชัยชนะที่ถึงใจ สะใจ หรือประทับใจอะไรมากมาย แต่มันก็ยังเป็นชัยชนะเหนือทีมที่เตรียมตัวมาพร้อมสำหรับการเยือนแอนฟิลด์ในเกมนี้

ชื่อชั้นของฟูแล่มไม่ได้ใหญ่โตน่าเกรงขามอะไรหรอกครับ แต่พวกเขาเป็นทีมที่ดีทีมหนึ่ง มาร์โก ซิลวา ทำงานได้อย่างน่าชื่นชม ใส่ความมั่นใจลงไปให้นักเตะกล้าเล่นตามแนวทางที่วางเอาไว้ อันดับสิบบนตารางคะแนนมีประตูได้เสียไม่ติดลบก่อนลงสนามบอกเรื่องนี้ชัดเจน

ฟูแล่มกล้าต่อบอลจากแดนหลัง มีนักเตะที่สร้างความแตกต่างได้อย่าง วิลเลียน อันเดรียส เปเรยร่า บ๊อบบี้ รีด เมเนอร์ โซโลมอน และมีความหนักหน่วงในแดนหน้าจาก อเล็กซานดร้า มิโตรวิช

การติดโทษแบน 8 เกมของดาวยิงเซิร์บส่งผลต่อทีม ต้องตั้งหลักกันพักใหญ่ เขาช่วยทีมไม่ได้มา 7 สัปดาห์เต็มๆ รวมทั้งเกมนี้ ไม่อย่างนั้นอันดับบนตารางพรีเมียร์ลีกของฟูแล่มอาจจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำ

ฤดูกาลนี้ฟูแล่มชนะไบรท์ตันแบบไป-กลับ เก็บสี่คะแนนจากเชลซี แพ้แมนฯ ซิตี้ กับแมนฯ ยูไนเต็ด แค่ประตูในช่วงทดเวลา ขึ้นนำอาร์เซน่อลก่อนโดนแซงนาที 86 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แพ้นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดนาที 89 ที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ไม่แพ้ลิเวอร์พูลในนัดเปิดฤดูกาล

พวกเขาไม่ง่ายเหมือนชื่อหรือความรู้สึกยามได้ยิน เล่นฟุตบอลที่ดี มีแบบแผน กับเกมนี้ซิลวาและลูกทีมรู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไรที่เมอร์ซี่ย์ไซด์ ลิเวอร์พูลกำลังเร่งเครื่องเต็มที่ชนะมา 4 นัดรวด นักเตะตัวหลักกลับมาฟิตสมบูรณ์ เกมรุกอันตราย มีอาวุธใหม่เพิ่มเติมด้วยบทบาทของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รวมทั้งเสียงเชียร์เข้มข้นในแอนฟิลด์ แต่เราก็ไม่เห็นความลนลานหรืออาการหัวซุกหัวซุนของขุนพลเจ้าสัวน้อยเลย

ฟูแล่มยังกล้าเล่น กล้าต่อบอลในแบบที่ตัวเองเป็น ไม่รีบร้อนเตะบอลทิ้งให้พ้นตัวเมื่อถูกวิ่งเข้าใส่ ทั้งยังมีเป้าหมายตามกลวิธี รับให้แน่น มีสมาธิ เคลื่อนที่ช่วยกันปิดช่องว่างให้ครบทุกจุดแล้วตอบโต้ทันทีเวลาเจ้าบ้านเสียการครองบอลโดยมีเป้าหมายที่ วิลเลียน แฮร์รี่ วิลสัน และ คาร์ลอส วินิซิอุส ที่เก็บบอลและพาบอลไปกับตัวได้

บอลโต้ของฟูแล่มทำได้ดีมาก และเหมาะสมกับธรรมชาติของเกมนี้ที่แนวรับลิเวอร์พูลจะดันขึ้นสูงถึงเกือบกลางสนามเพื่อบีบพื้นที่เอาบอลมาครอบครองต่อเนื่อง นี่คือเรื่องที่ต้องให้เครดิตผู้มาเยือนด้วย

มันก็ถูกนั่นล่ะครับ ลิเวอร์พูลควรจะทำได้ดีกว่านี้ เกมชวนอึดอัด ชนะได้แค่เต็มกลืนเท่านั้นเอง แต่หงส์แดงไม่ใช่ทีมแรกที่ต้องเจอความอึดอัดและหวาดเสียวในการรับมือฟูแล่มซีซั่นนี้ อย่างที่บอกไปทั้ง แมนฯ ซิตี้ อาร์เซน่อล นิวคาสเซิ่ล แมนฯ ยูไนเต็ด สี่ทีมในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกล้วนเจอความยากทั้งสิ้น หรือกระทั่งไบรท์ตันที่ร้อนแรงก็ยังไม่มีแต้มติดมือเลยแม้แต่คะแนนเดียว

อันที่จริงแล้วลิเวอร์พูลทำได้ตามเป้าหมายคือการเก็บสามคะแนน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ณ ตอนนี้

ถ้าได้ชัยชนะสวยๆ เหมือนเกมถล่มลีดส์ ถล่มแมนฯ ยูไนเต็ด ถล่มบอร์นมัธ มันย่อมวิเศษแน่นอนอยู่แล้ว แต่สกอร์สวยหรูยังเป็นเรื่องรองจากการเอาชนะได้ในเวลาที่ทีมกำลังอยู่ในโมเมนตัมแห่งชัยชนะ

ลิเวอร์พูลยังไม่เคยชนะได้ 5 เกมติดต่อกันเลยในฤดูกาลนี้ ท่ามกลางบททดสอบ คำถาม และคำดูถูกดูแคลนมากมาย พวกเขาค่อยๆ กลับมาอย่างมั่นคง แคแร็กเตอร์ที่แสดงออกมาในเกมไล่ตีเสมออาร์เซน่อล 2-2 เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสู่ความเชื่อมั่น ประกอบกับความลงตัวที่มากขึ้นในรายละเอียดแต่ละจุด ลิเวอร์พูลก็เดินหน้าอย่างแข็งแรงที่สุดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา

เพียงแค่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับผลงานของตัวเองในฤดูกาลนี้นะครับ ไม่ได้หมายความว่ากลับมาแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นแล้ว ลิเวอร์พูลชนะ 5 เกมรวดก็จริงแต่ยังมีความไม่แน่นอนและจุดสลบที่มองเห็นอยู่ ที่ชัดเจนคือความหนักแน่นในเกมรับที่ยังหายไป

เราสัมผัสไม่ได้เลยถึงความอุ่นใจเวลาเป็นฝ่ายป้องกันแบบที่เคยรู้สึก ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่คล็อปป์ลงมือแก้ไขในช่วงปิดซีซั่น ขันเกมรับก่อนเกลาเกมรุก ด้วยเกมรับคือพื้นฐานความสำเร็จของทีมมาตลอด ส่วนจะแก้ด้วยวิธีไหนคงต้องรอดูกัน อาจจะเสริมด้วยเซนเตอร์แบ๊กคนใหม่ หรือเน้นไปที่จิ๊กซอว์ในแดนกลาง หรืออาจจะเป็นทั้งสองตำแหน่งไปเลย

สิ่งที่ผมเห็นใน 90 นาทีที่แอนฟิลด์คือความพยายามของนักเตะลิเวอร์พูลที่วิ่งไล่บีบกดดันผู้มาเยือน ช่วยกันเล่นเพื่อชิงเอาบอลมาไว้ในครอบครอง ต้องการประตูอย่างแรงกล้าเพื่อเดินหน้าต่อตามโมเมนตัมที่สร้างมา แต่ขณะเดียวกันก็เสียวสันหลังทุกทีเมื่อฟูแล่มได้โต้กลับ ความปราดเปรียวของวิลเลียนกับวิลสันเขย่าขวัญได้พอสมควร

การลงสนามของ ดาร์วิน นูนเญซ น่าสนใจ เขาต้องต่อสู้กับแรงกดดันที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ โกดี้ คักโป ที่เป็นนักเตะใหม่เหมือนกันแต่ปรับตัวเข้ากับทีมได้แล้ว เกมนี้คล็อปป์เลือกพักคักโปแล้วมอบตำแหน่งตัวจริงให้หัวหอกอุรุกวัย นอกจากเหตุผลเรื่องการพักร่างกายของดาวเตะดัตช์ที่เล่นมาตลอดในช่วงหลังแล้วก็ยังน่าจะเป็นการส่งบททดสอบเพิ่มเติมให้นูนเญซได้เผชิญ

อย่างน้อยการได้เล่นในแอนฟิลด์มีเสียงเชียร์หนุนหลังจากแฟนบอลน่าจะช่วยนูนเญซได้ ขณะเดียวกันตัวสำรองที่มีให้เลือกใช้หลายคนก็ยังน่าจะเอาอยู่ถ้ามีอะไรผิดแผนขึ้นมา

ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เรื่องความมุ่งมั่นของดาร์วิน เขาวิ่งและวิ่งอย่างไม่หยุด ขยันเข้าหาบอลทุกจังหวะเช่นเดียวกับการปรี่เข้าใส่คู่ต่อสู้ยามที่ทีมไม่ได้ครองบอล แต่ความนิ่งที่เคยเริ่มมองเห็นอยู่พักหนึ่งคล้ายจะสูญหายไปอีกแล้ว ยังมีความไม่มั่นใจในการตัดสินใจให้เห็น มีจังหวะผิดพลาดจากความเกร็งเกินไป และมันก็คงจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่คล็อปป์เน้นเป็นพิเศษในช่วงปรีซีซั่น ทำอย่างไรให้กองหน้าคนนี้มีความนิ่งและเล่นอย่างผ่อนคลายเหมือนที่เคยเป็นสมัยถล่มประตูให้เบนฟิก้า

ถึงกระนั้น ความขยันของเขาก็นำมาซึ่งประตูชัยของทีม ไม่มีจุดโทษลูกนั้นก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเหมือนกัน

ในภาพดีๆ มันคือเกมที่แฟนบอลได้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะชนะ นักเตะทุกคนมีอารมณ์ร่วมกับเกมสูง ทั้งตอนที่ยังยิงไม่ได้และตอนที่ต้องการประตูเพิ่ม รวมทั้งการต่อสู้เพื่อป้องกันประตูจนเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ

ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนำพาให้การเล่นไม่ไหลลื่นนัก แต่ก็ไม่มีใครเล่นแย่อย่างเลวร้ายจนรับไม่ได้ กองกลางยังคงเอาตัวรอดได้แม้ไม่โดดเด่น ทั้ง เคอร์ติส โจนส์ ที่ยังคงถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเล่นแบบประคองตัว ไม่มีบอลสร้างสรรค์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เสียงบ่นว่าเป็นอาแปะเริ่มกลับมาให้ได้ยินอีกครั้ง ทว่าทั้งคู่ก็ช่วยทีมได้ดีในด้านความสมดุลเกมรับ-เกมรุก

ไม่เด่นอย่างที่แฟนบอลอยากเห็นหรอก แต่ก็ไม่ได้แย่จนชวนโมโหอะไรขนาดนั้น อันที่จริงบทบาทของเฮนโด้เป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว เขามีประโยชน์ต่อทีมในแง่การสนับสนุนและช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เขาไม่ใช่จอมทัพที่จะมาจ่ายบอลคิลเลอร์พาส แต่จะใช้มันสมองอ่านเกมและพละกำลังคอยวิ่งไปเป็นตัวเลือกให้เพื่อน วิ่งไปปิดพื้นที่ว่างที่เพื่อนเติมขึ้นไปตามแท็กติก วิ่งอ้อมหลังเพื่อนเพื่อดึงคู่แข่ง วิ่งทำทาง วิ่งขึ้นไปบีบคู่ต่อสู้ วิ่งลงมาช่วยเกมรับ ควบคุมจังหวะและสั่งการ เป็นหน้าที่ปิดทองหลังพระโดยแท้

คนที่เห็นว่าเขาเป็นแค่อาแปะก็จะยังคงเห็นเขาเป็นอย่างนั้น คนที่เห็นเขาเป็นมากกว่าอาแปะก็จะเห็นเขาเป็นมากกว่านั้น ก็เขาเป็นอาแปะมาตลอดอยู่แล้วตามบทบาทที่เจ้านายสั่ง เขาก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไปแม้เรี่ยวแรงจะเริ่มอ่อนล้าไปบ้าง แต่ไหวหรือไม่ไหวตัวเขาและเจ้านายเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ใช่คนอื่น

คนที่คงจะต้องมีอะไรเพิ่มมากกว่านี้เห็นจะเป็นโจนส์

ด้วยอายุและพรสวรรค์ของเขา ผมเชื่อว่าคล็อปป์มองเห็นอะไรในตัวโจนส์มากกว่านี้ ถ้าผู้จัดการทีมยังอดทนและให้โอกาส แฟนบอลก็น่าจะอดทนและให้โอกาสรอดูเขาเติบโต

อย่าลืมว่าที่ผ่านมาเขายังขึ้นมาเป็นตัวหลักไม่ได้ เกมให้เล่นก็มีไม่มาก แน่นอนมันเพราะเหตุผลหลายๆ ข้อ เขายังดีไม่พอหรอกนั่นสำคัญที่สุด หรืออาการบาดเจ็บรบกวนก็ใช่ แถมรุ่นพี่ตัวหลักก็ยอดเยี่ยมดร็อปใครไม่ได้เลย แต่เขาก็มีของอยู่ในตัว มีพลังที่รอวันปลดปล่อย และเรื่องตรงนี้คล็อปป์ย่อมเป็นคนตัดสินใจ ถ้าเขายังไม่บอกว่าพอก็หมายความว่าโจนส์ยังอยู่ในแผน

ลิเวอร์พูลยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบที่เคยเป็น นั่นคือเรื่องที่เราทุกคนมองเห็น แต่ทีมอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่เจเนอเรชั่นใหม่ การสอดรับของบุคลากรเก่า-ใหม่อาจทำได้ไม่ราบรื่นทว่าส่วนหนึ่งมันมีเรื่องผิดแผนเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ใช่ว่าทีมทำงานเฉยเมยหรือนิ่งดูดายไม่เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเลยเสียเมื่อไหร่

คล็อปป์และทุกคนพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อนำทีมกลับขึ้นไปสู่จุดเดิมให้ได้อีกครั้ง ตามแนวทางทำงานที่เคยนำความสำเร็จยิ่งใหญ่มาสู่สโมสร แฟนบอลอาจจะอดทนได้บ้างอดทนไม่ได้บ้าง พอใจกับชัยชนะแค่ 1-0 บ้างไม่พอใจที่ไม่ชนะแบบถล่มทลายบ้างนั่นย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครหยุดอยู่กับที่อยู่แล้ว และลิเวอร์พูลเวลานี้ชนะมา 5 นัดติดต่อกันแล้ว

รายละเอียดอาจจะยังไม่เนี้ยบ ใน 5 เกมนี้เสียประตูถึง 4 เกมแถมบางเกมยังเลือดตาแทบกระเด็น แต่ทีมก็เก็บ 15 คะแนนเต็ม มันดีกว่าได้แค่ 9 แต้ม 8 แต้ม หรือ 11 แต้มตั้งเยอะ

ฤดูกาลหน้าคือของจริงและแน่นอนว่าด้วยมาตรฐานอย่างคล็อปป์และลิเวอร์พูลย่อมมีเป้าหมายที่การกลับไปอยู่บนจุดเดิมให้ได้อีกครั้ง แต่ฤดูกาลนี้ก็ยังสนุกอยู่ พื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกยังมีให้ลุ้น หลายคนก็ยังไม่ยอมแพ้

เรื่องไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็มีทั้งคนยอมแล้วและคนที่ยังไม่ยอม ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง คนที่ยอมแพ้ก็ไม่จำเป็นต้องมาไล่ดูถูกคนที่ยังไม่ยอมแพ้ด้วยคำพูดประมาณว่าโลกสวยบ้าง ไม่มองความเป็นจริงบ้าง ยังหวังอยู่อีกเหรอบ้าง ส่วนคนที่ยังไม่ยอมก็ไม่จำเป็นต้องด่ากลับแรงๆ ว่าคนที่ยอมแล้วนั้นใจไม่สู้ ไม่ศรัทธาในทีม เป็นแฟนบอลตัวปลอม มันก็จะทะเลาะกันเปล่าๆ เพราะเขาอาจจะยังเชื่อในทีมแต่ไม่เชื่อว่าคู่แข่งแย่งพื้นที่กันจะพลาดให้ก็ได้

เราคุยกันด้วยเหตุผลและพยายามใช้คำพูดที่สร้างสรรค์กันดีกว่าครับ สังคมการพูดคุยจะมีประโยชน์ขึ้นอีกเยอะเลย

อันที่จริงการไม่ยอมแพ้แล้วสุดท้ายไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายอะไรเลย อย่างน้อยคุณก็ได้ฟันฝ่าอุปสรรคที่เจอมา ได้ต่อสู้และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคว้ามันมาให้ได้แม้ความหวังจะริบหรี่

ความพยายามอาจจะไม่สำเร็จได้หลายครั้งแต่มันไม่เคยสูญเปล่าหรอก มันสั่งสมเป็นความแข็งแกร่งด้านจิตใจ ลิเวอร์พูลเองก็เคยหัวคะมำหลายหน แต่ก็นับไม่ถ้วนเช่นกันที่ลุกขึ้นมากระชากความริบหรี่เหล่านั้นทิ้งแล้วเดินหน้าสู่แสงสว่างเรืองรอง

สู้กันต่อกับ 4 เกมที่เหลือ เบรนท์ฟอร์ด เลสเตอร์ ซิตี้ แอสตัน วิลล่า และ เซาแฮมป์ตัน..

พยายามและทำให้ดีที่สุด ถ้าชนะรวด 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาลได้จะเยี่ยมมาก มันคือการชนะตัวเองและจุดประกายต่อยอดให้กับฤดูกาลใหม่ ส่วนผลลัพธ์บนตารางคะแนนจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้มันเป็นไป เราบังคับผลของทีมอื่นไม่ได้อยู่แล้ว..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport