ลิเวอร์พูล นำก่อน 3-0 ในเวลาแค่ 15 นาทีหลังจากนั้น สเปอร์ส ก็ตีตื้นเป็น 3-1 และ 3-2 กระทั่งนาที 93 ไล่ตีเสมอเป็น 3-3 นาทีต่อมา ดิโอโก้ โชต้า ยิงประตูชัยให้พวกพรี่ๆ และนี่คือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอกสั้นๆ
1️. ดราม่าโคตรๆ หักมุมซ้อนหักมุม ใครไม่ได้ดูสดๆ ถือว่าพลาดอย่างแรง ขอบอก
2. ตอน ลิเวอร์พูล นำเร็ว แถมนำห่างตั้ง 3-0 มันคือการเช็คบิลล์เรียบร้อย แต่หลังจากนั้น พวกพรี่ๆ ก็ออกลูกประมาท ย่ามใจ ถอนตีนจากคันเร่ง แถมเกมรับหละหลวม และอุดมด้วยความผิดพลาดจวนเจียนจะเสียประตูหลายหนจนถูกตีไข่แตกจนได้
แต่อยู่ดีๆ สเปอร์ส ก็เล่นเหมือนกลับชาติมาเกิดใหม่ได้เฉยเลย เฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่นาทีที่ 30 เป็นต้นไปที่บุกเป็นระยะ
3. ครึ่งหลัง สเปอร์ส ที่ตาม 1-3 พยายามเล่นอย่างรัดกุม และอดทน เพื่อไม่ให้เสียประตูเพิ่ม แล้วค่อยๆ หาจังหวะเข้าทำอย่างใจเย็น ก่อน ซน ฮึง มิน จะหลุดเข้าไปยิงไล่มา 2-3 จุดประกายความหวังให้มันกลับมาอีกครั้ง
แล้วมันคลาสสิกตรงที่ผู้ทำประตูตีเสมอให้คลับไก่ในช่วงทดเวลสบาดเจ็บ คือนักเตะที่เด็กหงส์เกลียดขี้หน้ามากที่สุด แถมยังทำประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไม่ได้อย่าง ริชาร์ลิซ่อน
...ว่าแล้วกองหน้าสายพันธุ์แซมบ้าผู้นี้ก็ฉลองอย่างสุดเหวี่ยง ด้วยการถอดเสื้อเต้นระบำไก่ในคราบพญาโต้ง
4. เกมควรจะจบด้วยสกอร์ 3-3 ซึ่งแค่นี้ก็คลาสสิกพอแล้ว
บัดดล ลูกัส มูร่า ก็บรรจงถวายพานทองแท้ให้ ดิโอโก้ โชต้า หลุดไปสับไกเสียบเสาไก...ซะอย่างนั้น
'เจ๊ตเข้' ผมเผลออุทานออกมาเป็นภาษาคลิงก้อนโบราณ ก่อนพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า...ฟายยยย !!!
5. แม้เกมรับของ ลิเวอร์พูล จะเพียบด้วยจุดบกพร่อง แต่เกมรุกยังมีทีเด็ดนะครับ
คู่แข่งผิดพลาดแค่ครั้งเดียว พวกเขาก็ฉวยโอกาสมำประตูได้เลย
ส่วน สเปอร์ส น้านนนนน
ผมขอยกคำพูดหลังจบเกมนี้ของกูรูลูกหนังอย่าง แกรี่ เนวิลล์ มาอธิบาย
น้าเนฟกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคลับไก่ที่ แอนฟิลด์ ว่า...
"นี่แหละยืนยันถึงความเป็น ท็อตแน่ม ได้มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น"
หรือแปลความหมายได้อีกอย่างว่า...
นี่แหละ...สเปอร์ส
ทีมที่ชอบแพ้แบบ "..." (กรุณาเติมคำในช่องว่างเอาเอง)
"บอ.บู๋"