แมนฯ ซิตี้ ฟอร์มแกร่งไล่ถลุง อาร์เซน่อล ขาดลอย 4-1 เดอ บรอยน์ เหมาสอง-จ่ายหนึ่ง ส่วน ฮาลันด์ ยิงหนึ่ง-จ่ายสอง พาทีมชนะ 7 เกมติดในลีก มีเพิ่ม 73 คะแนน แม้อยู่ที่สองตามปืนใหญ่ 2 แต้ม แต่มีเกมในมือ 2 นัด ส่วน "เดอะ กันเนอร์ส" สะดุด 4 เกมติด มี 75 คะแนน แม้นำจ่าฝูงแต่โอกาสลุ้นแชมป์ยากเต็มที
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ชี้ชะตาแชมป์ พรีเมียร์ลีก คืนวันพุธที่ 26 26 เมษายน 2566 "เรือใบสีฟ้า" แชมป์เก่า รองจ่าฝูง ต้อนรับ "ปืนใหญ่" จ่าฝูง ของตาราง
แมนฯ ซิตี้ ชนะได้ถึง 11 จาก 12 เกมหลังสุดรวมทุกรายการหลังถล่มเอาชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 3-0 ในเกม เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ ส่วนเกมลีกนัดล่าสุดเปิดบ้านเชือด เลสเตอร์ 3-1 ทำให้ เรือใบสีฟ้า รั้งรองจ่าฝูงหลังมี 70 แต้มจากการลงสนามไปแล้ว 30 เกมในซีซั่นนี้ โดยมีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูง 5 แต้ม แต่เจ้าบ้านแข่งน้อยกว่า 2 เกม
ทางด้าน อาร์เซน่อล เสมอมา 3 เกมติดต่อกันในลีกหลังเปิดบ้านเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-3 ในเกมลีกนัดล่าสุด ทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ รั้งจ่าฝูงหลังมี 75 แต้มจากการลงสนามไปแล้ว 32 เกมในซีซั่นนี้พร้อมกับมีแต้มทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูง 5 แต้ม แต่ทีมเยือนแข่งมากกว่า 2 เกม
เปิดฉากครึ่งแรก 3 นาที "ปืนใหญ่" หวิดงานเข้าจากจังหวะความผิดพลาดของ แอรอน แรมส์เดล ตะปปบอลออกมาไม่ดีเกือบเข้าทาง เควิน เดอ บรอย โชคดี โธมัส ปาร์เตย์ ตามมาขวางช่วยไว้ได้ทัน
นาทีที่ 7 "เรือใบสีฟ้า" ทะยานออกนำ 1-0 จากบอลยาวของ จอห์น สโตนส์ ทิ้งขึ้นมาให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ ขยับมาเชื่อมแทงเร็วถึง เควิน เดอ บรอยน์ สอดมาเก็บพาแหวกขึ้นมาหน้ากรอบ 18 หลาฝั่งขวาได้ช่องซัดโค้งหนีมือ แอรอน แรมส์เดล เสียบเสาแรกงามหยด
ต่อมานาทีที่ 26 จากจังหวะสวนกลับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ถอยมาเก็บแทงให้ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดเดี่ยวกระชากขึ้นมาจากครึ่งสนามพาแตะเข้าเขตโทษได้ช่องหักข้อด้วยซ้ายติดบล็อค เบน ไวท์ ตามมาขวางได้ทัน
จากจังหวะต่อเนื่อง เออร์ลิง ฮาลันด์ เก็บบอลในเขตโทษฝั่งขวาโยกเผาเครื่อง ร็อบ โฮลดิ้ง ตัดเข้าในได้ช่องอัดด้วยซ้ายติดมือ แอรอน แรมส์เดล ล้มตัวควักทิ้งออกมาเหลือเชื่อ
นาทีที่ 32 คราวนี้เป็น แจ็ค กรีลิช เก็บบอลทางฝั่งขวาดึงจังหวะยกเข้าเขตโทษให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ โฉบสลัดหนีตัวประกบเลือกตะบันตามน้ำยัดเสาแรกติด แอรอน แรมส์เดล ตะปปทิ้งออกมา
ก่อนหมดครึ่งแรก 10 นาทีเกมเปิดมากขึ้น "ปืนใหญ่" ตอบโต้บ้าง โธมัส ปาร์เตย์ สอดมาปั่นหน้ากรอบ 18 หลาเสียดายไม่โค้งหลุดออกหลัง ก่อนเป็น เออร์ลิง ฮาลันด์ แลกหมัดทันควันได้อัดด้วยซ้ายในเขตโทษถากเสาออกนิดเดียว
ต่อมานาทีที่ 41 แมนฯ ซิตี้ เร่งเครื่องต่อเนื่อง อิลคาย กุนโดกัน พาบอลแหวกเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายตบย้อนตั้งให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ ชาร์จตามน้ำก็ยังไปตรงตัว แอรอน แรมส์เดล
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+2 เจ้าถิ่น ขยับหนีเป็น 2-0 จากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษฝั่งขวา เควิน เดอ บรอยน์ หยอดเข้ากรอบ 6 หลาข้ามมาให้ จอห์น สโตนส์ ลอยมาขวิดสวนตัว แอรอน แรมส์เดล เสียบหน้าต่างเสาไกล ผู้ตัดสิน จับล้ำหน้าในทีแรกก่อนรอเช็คจาก วีเออาร์ แล้วเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ของ "เรือใบสีฟ้า"
หมดครึ่งเวลาแรก แมนฯ ซิตี้ 2 อาร์เซน่อล 0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 53 ยังคงเป็น เจ้าถิ่น ทำได้ดีกว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่เกมนี้โอกาสเยอะจนกลายเป็นใช้เปลืองได้จังหวะกดเต็มข้อก็ยังไม่ผ่าน แอรอน แรมส์เดล เหมือนเดิม
นาทีที่ 54 "เรือใบสีฟ้า" ยำห่างตามคาด 3-0 เออร์ลิง ฮาลันด์ เชื่อมบอลในเขตโทษไหลออกซ้ายให้ เควิน เดอ บรอยน์ สอดมาซัดผ่าน แอรอน แรมส์เดล เข้าไปอย่างง่ายดาย
นาทีที่ 77 แมนฯซิตี้ เร่งเครื่องไม่หยุดคราวนี้เป็น มานูเอล อคานจี หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาเสียดายจังหวะหักเข้าในยังลึกไปติด จอร์จินโญ่ หวดทิ้งออกมาได้ทัน
10 นาทีสุดท้าย อาร์เซน่อล หวังหาประตูปลุกใจจากฟรีคิกหน้าเขตโทษฝั่งขวา บูคาโย่ ซาก้า วิ่งมาปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งข้ามกำแพงเหินข้ามคานหลุดออกหลัง
นาทีที่ 84 จากบอลประสานงานของตัวสำรอง รีส เนลสัน แทงเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ สอดมาเก็บตะบันแหวกบล็อค ไคล์ วอล์คเกอร์ ผ่านหน้าประตูได้เสียว
แต่แล้วอีก 2 นาทีต่อมา "ปืนใหญ่" ตีไข่แตกไล่มาจนได้ เลอันโดร ทรอสซาร์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าเขตโทษฝั่งขวาทิ่มเร็วตั้งให้ ร็อบ โฮลดิ้ง ปั่นตามน้ำด้วยขวาเสียบเสาแรกงามหยด
นาทีที่ 90+5 เจ้าถิ่น ปิดกล่องเป็น 4-1 ฟิล โฟเด้น เก็บบอลหน้ากรอบ 18 หลาแทงแฉลบ ร็อบ โฮลดิ้ง ไหลเข้าเขตโทษถึง เออร์ลิง ฮาลันด์ โฉบมาล่อเป้าผ่าน แอรอน แรมส์เดล ไม่พลาด
หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม แมนฯ ซิตี้ 4 อาร์เซน่อล 1
รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (3-2-4-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อคานจี - จอห์น สโตนส์, โรดรี้ - แบร์นาร์โด ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช - เออร์ลิง ฮาลันด์
เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : แอรอน แรมส์เดล - เบน ไวท์, ร็อบ โฮลดิ้ง, กาเบรียล มากัลเญส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ - กรานิต ชาก้า, โธมัส ปาร์เตย์ - บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ - กาเบรียล เชซุส
เทรนเนอร์ : มิเกล อาร์เตต้า
ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์