มันยังไม่ใช่เกมตัดสินแชมป์หรอกนะครับ จะยังไม่มีใครทำแต้มทิ้งขาดหลังจบเกมนี้ แต่ความสำคัญของมันอยู่ในระดับประมาณนั้นได้เหมือนกัน
ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหลัง อาร์เซน่อล อยู่ 5 แต้มแต่ลงเตะน้อยกว่าอยู่ 2 นัด ถ้าเก็บชัยชนะในเกมที่เล่นน้อยกว่าทั้ง 2 นัดได้ก็จะแซงหน้าขึ้นมานำ 1 แต้ม
ให้เผอิญว่าหนึ่งในเกมที่เหลืออยู่ของทั้งสองทีมนั้นคือการพบกันเองที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม มันจึงเป็นเกมในลักษณะที่เรียกว่า เกม 6 คะแนน อานุภาพของชัยชนะเกมนี้เกมเดียวเหมือนคูณสอง มันรุนแรง สวิงไป-กลับระหว่างฝ่ายชนะกับฝ่ายแพ้ได้ถึงขนาดนั้น
และเกม 6 คะแนนนี้ จะเกิดขึ้นในคืนนี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
นาทีนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับความไว้วางใจจากนักวิจารณ์และแฟนบอลมากกว่า เพราะไม่เพียงมีคุณภาพที่สูงกว่าด้วยขุมกำลังระดับโลกล้นทีมและประสบการณ์ลุ้นแชมป์ที่เหนือกว่าเท่านั้น ผลงานล่าสุดก็ยังแข็งแกร่งเหลือเกินอีกด้วย นับเฉพาะในลีก 9 นัดหลังสุดชนะ 8 เสมอ 1 และ 5 เกมหลังชนะรวด
เราต่างรู้ดีถึงคุณสมบัติข้อนี้ของซิตี้ เข้าสู่ปลายฤดูกาลเมื่อไหร่จะได้เห็นภาพนี้เสมอ คือการเร่งเครื่องชนะต่อเนื่องไม่มีสะดุด
ชนะ 8 นัดติด ชนะ 11 นัดติด ชนะ 15 นัดติด ชนะ 18 นัดติด..
ซิตี้ทำมันราวกับเป็นงานประจำปี เป็นประเพณีอันดีงามของสโมสรที่ต้องสืบสานตลอดไป
จะใส่วงเล็บไปด้วยว่า "โดยไม่สนใจคนอื่น" "โดยไม่เกรงใจใคร" หรือ "โดยไม่เห็นใจชาวบ้านชาวช่อง" ก็ได้ทั้งนั้นแล้วแต่อารมณ์ของผู้ที่ต้องพบเจอมันกับตัว
อาร์เซน่อลกำลังเผชิญหน้ากับธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าทึ่งนี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ การรับมือกับแรงกดดันของการลุ้นแชมป์คือเรื่องที่ซิตี้ผ่านมันมาแล้วอย่างโชกโชนและช่ำชอง คล้ายกับการออกรบบนสมรภูมิสงครามที่ตัวเองรู้หมดว่าอันตรายอยู่ตรงไหนบ้าง เชี่ยวชาญแตกฉานในแบบที่แทบจะเดินทอดน่องไปกับมันก็ยังได้
อันที่จริงซิตี้ก็ต้องรับมือกับความกดดันเหมือนกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบประสบการณ์และการทำให้เห็นมาแล้ว พวกเขาไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีก ภาระเรื่องนี้ถูกผลักไปอยู่กับอาร์เซน่อล ผู้ท้าชิงของพวกเขาในฤดูกาลนี้มากกว่า
ทีมปืนใหญ่มีผลงานที่น่าประทับใจมาก นำเป็นจ่าฝูงอยู่หลายสัปดาห์ เก็บชัยชนะสำคัญๆ หลายนัด เกมที่เล่นดีก็ชนะ เกมที่เล่นไม่ดีก็ยังชนะ เกมที่ต้องการชัยชนะอย่างรุนแรงก็สามารถไล่บดบี้จนคว้าชัยได้สมหวัง
เมื่อหันมาดูตารางคะแนนอีกที ผู้ไล่ตามทั้งหลายควรจะต้องท้อกันไปเองแล้ว และมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละครับ พวกเขาทิ้งอันดับสาม 16 คะแนน ทิ้งอันดับสี่ 16 คะแนน ทิ้งอันดับห้า 22 คะแนน
แต่ให้เผอิญว่าทีมอันดับสองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้คิดอย่างนั้น.. แค่นั้นเอง
ในด้านหนึ่งอาร์เซน่อลต้องเจอกับความโรคจิตของทีมเรือใบสีฟ้ามันก็ใช่ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องวนกลับมาที่พวกเขาเอง การเสียคะแนนติดๆ กันในสามนัดล่าสุดคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง นำลิเวอร์พูล 2-0 เสมอ 2-2 นำเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 เสมอ 2-2 และต้องเหนื่อยไล่ตีเสมอทีมหนีตกชั้นอย่างเซาธ์แฮมป์ตันในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
อาร์เซน่อลเริ่มแสดงอาการทนรับแรงกดดันไม่ไหวออกมาไหม? ตรงนี้เริ่มเป็นคำถาม เพียงแต่คำตอบยังเปิดกว้าง อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าใช่ และก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าไม่
การที่พวกเขาสะดุดทำผลงานไม่ได้อย่างที่ผ่านมาคงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเป็นเพราะการไล่ตามมาข้างหลังอย่างไม่ลดละของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะในขณะที่หันหลังกลับไปก็เห็นทีมอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือทีมอื่นๆ ค่อยๆ ถูกทิ้งห่างออกไปทุกที แต่กลับมีซิตี้ทีมเดียวเกาะติดมาเรื่อยๆ ด้วยระยะที่ไม่ห่างไปจากเดิม ตรงกันข้ามกลับคืบกระชั้นเข้ามายิ่งกว่าเดิมจนเริ่มมองเห็นรอยยิ้มแสยะ
น่าขนลุก หวาดหวั่น และเสียวสันหลังในเวลาเดียวกัน
ใน 9 นัดหลังสุดที่แมนฯ ซิตี้ ชนะ 8 และเสมอ 1 นั้น อาร์เซน่อลเก็บคะแนนได้น้อยกว่าทีมเรือใบสีฟ้า 4 คะแนน แต่ถ้าดูลึกลงไปในรายละเอียด 5 เกมหลังสุดที่ซิตี้ชนะรวด อาร์เซน่อลเก็บคะแนนได้น้อยกว่าพวกเขา 6 แต้ม และถ้าจะยิ่งดูให้ลึกไปอีก 6 คะแนนที่ถูกรวบเข้ามาเรื่อยๆ นั้นเกิดขึ้นในชั่วระยะเพียงแค่ 3 เกมหลังสุดเท่านั้น
และจาก 6 คะแนนใน 3 เกมล่าสุด มันอาจกลายเป็น 9 คะแนนใน 4 เกมล่าสุดได้ทันทีถ้าผลการแข่งขันที่เอติฮัด สเตเดี้ยม คืนนี้จบลงด้วยชัยชนะของทีมสีฟ้า
จากคะแนนเต็ม 12 อาร์เซน่อลจะเก็บได้แค่ 3 ขณะที่ซิตี้กวาดเรียบทุกแต้มไม่มีตกหล่น
ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่และจากประสบการณ์ที่ได้เห็นความน่ากลัวของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงรันอินก่อนเข้าเส้นชัย ผมคิดว่าทีมเรือใบสีฟ้าพร้อมกว่า และรู้ว่าจะควบคุณสถานการณ์อย่างไร
ซิตี้อาจจะไม่ลุยแหลกเพื่อเอาชนะเกินไปจนเสี่ยงถูกเกมโต้กลับเล่นงานก็ได้ ในเมื่อเกมนี้ไม่ได้บังคับให้พวกเขาต้องชนะให้ได้สถานเดียว แต่เพียงแค่ไม่แพ้ก็จะกระชากชะตากรรมมาอยู่ในมือตัวเองได้เป็นครั้งแรก
แค่ผลเสมอก็จะคว้าโอกาสมาถือไว้ในมืออย่างจริงๆ จังๆ แต้มยังตามหลังก็จริงแต่ความหวังทั้งหมดอยู่กับตัวเองไม่ต้องพึ่งใครอื่น ชนะรวดทุกเกมที่เหลือก็จะคว้าแชมป์ได้อีกสมัย
โจทย์ของซิตี้จะเป็นอย่างนั้นทันทีถ้าพวกเขาไม่แพ้อาร์เซน่อลในคืนนี้ และถ้าอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นเมื่อไหร่พวกเขาไม่เคยทำมันหลุดมือเลย
ลิเวอร์พูลที่ชนะ 15 เสมอ 2 ไม่แพ้เลยใน 17 เกมสุดท้ายแถมระหว่างนั้นยังมีการชนะ 10 เกมรวด เก็บ 92 คะแนนเมื่อซีซั่นที่แล้ว หรือกระทั่งชนะรวดใน 9 นัดสุดท้ายกวาด 97 คะแนนเมื่อฤดูกาล 2018/19 ก็ยังเป็นเพียงแค่พระรอง เพราะซิตี้ก็ชนะรวดตามที่ภารกิจที่ต้องทำได้เช่นกัน
นี่คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ที่สมแล้วกับการเป็นแชมป์ จะโค่นพวกเขาลงได้ต้องทำให้ดีที่สุดและไม่เปิดโอกาสให้พวกเขากลับไปถือความได้เปรียบอยู่ในมือเด็ดขาดแม้จะเพียงเล็กน้อย
แต่ถึงกระนั้น สำหรับอาร์เซน่อลแล้ว 90 นาทีคืนนี้ก็เป็นสภาวะที่ไม่มีอะไรต้องเสีย
เสมออย่างเจ็บปวดมา 3 เกมติดต่อกันจนถูกนักวิจารณ์และแฟนบอลมองว่าพ่ายแพ้ต่อแรงกดดัน แต่โอกาสก็ยังไม่ได้หลุดลอยไปไหน มันอยู่ในมือของพวกเขา
ชะตากรรมยังคงอยู่ในมือของตัวเอง กุมมันเอาไว้เองไม่ต้องพึ่งพาใครเช่นกัน
ถ้าชนะรวดในทุกเกมที่เหลือ อาร์เซน่อลก็จะยังได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก เพียงแต่หนึ่งในเกมที่ต้องชนะรวดนั้นคือเกมคืนนี้ด้วย
ยาก.. แน่นอนอยู่แล้วครับว่ามันยากเป็นบ้ากับการบุกไปชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงอีสต์แลนด์ส แต่จะให้ก้มหัวยอมรับความยากนั้นแล้วยอมแพ้แต่โดยดีคงไม่มีทาง
พยายามกันมาจนถึงขนาดนี้แล้ว อาร์เซน่อลคงจะใส่สุดตัว สู้แบบถวายชีวิต ทั้งนักเตะ.. และแฟนบอล
เรื่องที่ว่ายากๆ มันก็อาจเกิดขึ้นจริงได้เหมือนกัน..
เกมแห่งฤดูกาลที่เอติฮัด สเตเดี้ยม รอพวกเราอยู่ในค่ำคืนนี้ครับ
ตังกุย