คืนวันอังคารนี้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เจอศึกหนักต่อเนื่องในเวที พรีเมียร์ลีก เพราะจะต้องบุกไปเยือน เชลซี ที่เพิ่งมีการปลดกุนซือ แกรม พ็อตเตอร์ มาหมาดๆ และแน่นอนว่า สามแต้ม คือเป้าหมายหลักสำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในการลุ้นติดท็อปโฟร์ แม้บุกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบสู้ไม่ได้ 1-4 เมื่อคืนวันเสาร์ก็ตาม และนี่คือชุด 11 ผู้เล่นตัวจริง ลิเวอร์พูล ในระบบ 4-2-3-1 ที่ คล็อปป์ น่าจะเลือกใช้ดวลกับ เชลซี ในเกมบิ๊กแมตช์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ thisisanfield.com)
- ผู้รักษาประตู : อลีสซง เบ็คเกอร์
แม้เพิ่งเสีย 4 ประตู ในเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ ยอดโกลเลือดแซมบ้าวัย 30 ปี ยังคงเป็นผู้เล่นที่สโมสรขาดไม่ได้ และเตรียมลงเฝ้าเสาให้ ลิเวอร์พูล เป็นนัดที่ 222 (รวมทุกรายการ)
- แบ็กโฟร์ : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิกาส)
แนวรับน่าจะยังเป็นชุดเดิมจากเกมที่แล้ว แต่ คล็อปป์ แย้มว่า อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่งสำหรับเกมนี้ ดังนั้น ซิมิกาส จึงมีลุ้นได้เป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้ายแทน โรเบิร์ตสัน ที่ทำผลงานน่าผิดหวังในเกมพ่ายยับต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เช่นกัน
- แดนกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่
เกมที่แล้ว คล็อปป์ เหมือนใช้ระบบการเล่น 4-2-3-1 ดังนั้นเราก็อาจจะได้เห็นแผนการเล่นแบบนี้อีกครั้งในเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่มันก็มีโอกาสไม่น้อยเช่นกันที่ คล็อปป์ จะกลับมาเล่น 4-3-3 ตามเดิม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ก็จะลงต่ำมายืนร่วมกับ ฟาบินโญ่ และ เฮนเดอร์สัน ในแผงมิดฟิลด์ เพราะ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ยังคงไม่พร้อมคืนสนาม
- แนวรุก : ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ
ถ้าเป็นระบบ 4-2-3-1 ตามคาด เอลเลียตต์ จะได้เล่นฝั่งขวาในแผงแนวรุกสามคน ร่วมกับ กัคโป และ นูนเญซ ที่นัดนี้คงจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงด้านซ้ายแทน ดีโอโก้ โชต้า ขณะที่ในรายของ หลุยส์ ดิอาซ ยังคงไม่พร้อม แต่ถ้าเป็นระบบ 4-3-3 เอลเลียตต์ ก็จะลงไปเล่นในแผงมิดฟิลด์ และเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, กัคโป และ นูนเญซ เล่นเป็นสามประสานแนวรุกตามที่คุ้นเคย
- หน้าเป้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ซาลาห์ สตาร์ทด้วยการยืนเป็นหน้าเป้าในเกมเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็คอยสลับไปเล่นฝั่งขวา ซึ่งแผนการเล่น 4-2-3-1 แบบนี้ คล็อปป์ อาจจะเลือกใช้อีกครั้งในการเจอกับ เชลซี แต่ระหว่างเกมจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง
Subinho