ชักจะยังไงซะแล้วสำหรับการคว้าอันดับท็อปโฟร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้หลังจากพวกเขาบุกมาแพ้ นิวคาสเซิ่ล แบบหมดสภาพ 2-0 ชนิดที่ สาลิกาดง น่าจะขยี้ ผีแดง ได้อย่างขาดลอยมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
จากความปราชัยที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 เม.ย. ส่งผลให้อันดับตารางบังเกิดความพลิกผันทันทีเนื่องจากรองแชมป์ คาราบาวคัพ ขยับขึ้นสู่อันดับสามเหนือแชมป์ คาราบาวคัพ ได้แล้วด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า และส่งผลให้การคว้าโควต้าฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นนี้ยังไม่อาจการันตีอะไรได้ทั้งนั้น
1. เจ้าบ้านจัดทัพชุดเดิม
นิวคาสเซิ่ล จัดทีมชุดเดิมต้อนรับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเป็นทีมชุดเดียวกับที่พวกเขาบุกไปกำชัยเหนือ ฟอเรสต์ 2-1 ก่อนเข้าสู่ช่วงเบรกเกมทีมชาติ
จากโผดังกล่าว เท่ากับว่า นิค โป๊ป กับ สเวน บ็อตมัน ที่ถอนตัวออกจากการรับใช้ชาติเนื่องจากบาดเจ็บเรียกความฟิตได้ทันเวลาตามคาด และลงบู๊ได้ทั้งคู่
ขณะเดียวกัน สาลิกาดง ยังได้ คัลลั่ม วิลสัน กองหน้า และ แอนโธนี่ กอร์ดอน ปีกที่ย้ายมาจาก เอฟเวอร์ตัน หายเจ็บกลับมานั่งรอที่ข้างสนามด้วย
2.ผีแดง โรเตชั่นสามตำแหน่ง
เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนโผตัวจริงสามรายจากเกม เอฟเอคัพ รอบแปดทีมนัดชนะ ฟูแล่ม 3-1 บุกมาดวลกับ นิวคาสเซิ่ล คู่ปรับเก่าในนัดชิงถ้วย คาราบาวคัพ
นอกจาก ราฟาแอล วาราน จะฟิตสมบูรณ์กลับมาทวงตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟไปจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แล้ว อีกสองตำแหน่งเป็นขุนพลทางฝั่งขวาทั้งคู่เนื่องจาก อาร่อน วาน บิสซาก้า ป่วยจึงเสียตำแหน่งแบ็คขวาให้กับ ดีโอโก้ ดาโลต์
ด้าน อันโตนี่ ปีกขวาทีมชาติ บราซิล ก็เขี่ย เจดอน ซานโช่ ที่ยังโชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจหล่นไปนั่งในซุ้ม ขณะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่โดดเด่นกับทีมชาติ สกอตแลนด์ ได้ลงเล่นแทน กาเซมีโร่ ที่ยังติดโทษแบนต่ออีกเกมตามความคาดหมายโดยเป็นการลงเล่นเกมลีกตัวจริงหนแรกของเขานับตั้งแต่เกมแพ้ อาร์เซน่อล 3-2 เมื่อเดือนม.ค.
อย่างไรก็ดี เกมนี้ ผีแดง มี อ็องโตนี่ย์ มาร์กซิยาล กองหน้าเฟรนช์แมนนั่งเป็นตัวสำรองด้วยหลังจากเขาไม่ได้ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก เลยนับตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.
3. แรชฟอร์ด 250
มาร์คัส แรชฟอร์ด สร้างสถิติลงเล่นเป็นตัวจริงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ครบ 250 นัดแล้วหลังมีชื่อออกสตาร์ตเกมบุกมาเยือน นิวคาสเซิ่ล แม้เจ้าตัวจะบาดเจ็บเล็กน้อยจนขอถอนตัวออกจากการรับใช้ทีมชาติ อังกฤษ
ขณะเดียวกัน กองหน้าผิวสีมีผลงานที่ฉกาจฉกรรจ์ในซีซั่นนี้ด้วยเนื่องจากไม่มีนักเตะคนไหนยิงประตูชัยในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ให้กับต้นสังกัดมากไปกว่าเขาอีกแล้ว (9จาก14ประตู)
พร้อมกันนี้ มีดาวเตะ ผีแดง แค่สองรายเท่านั้นที่มีผลงานในด้านเดียวกันนี้ในหนึ่งซีซั่นของรายการเดียวกันเหนือกว่า แรชฟอร์ด คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (12 ประตู ซีซั่น 2007/08) และ เวย์น รูนีย์ (10 ประตู ซีซั่น 2009/10)
4. ตัวตนของ สาลิกาดง
ต้องถือว่า เอ็ดดี้ ฮาว นายใหญ่ เดอะ แม็กพายส์ ทำการบ้านมาดีหลังแพ้ ผีแดง ในนัดชิงดำถ้วย คาราบาวคัพ 2-0 เนื่องจากเกมใน 45 นาทีแรก ทีมอีสานข่มอาคันตุกะได้แบบข้างเดียวอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นการครองบอลที่เหนือกว่า 52:48% และโดยเฉพาะโอกาสคลำเป้าที่มีมากถึง 11 ครั้ง แต่พวกเขาส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 3 ครั้ง และไม่เป็นประตูทั้งที่น่าจะมีสกอร์นำอย่างน้อยก็ต้องหนึ่งหรือว่าสองเม็ดเนื่องจากพวกเขาสร้างปัญหาให้กับแผงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โดยตลอด
สำหรับฝ่ายอาคันตุกะ ไม่ต้องบอกก็เห็นได้เลยว่ายังเล่นเกมเยือนได้ไม่ดีเหมือนเกมเหย้าเช่นเดิม และได้ส่องยิงแบบฝืดเคืองในครึ่งแรกแค่ 2 ครั้งซึ่งไม่เข้ากรอบเลย และเป็นครั้งแรกของเกม พรีเมียร์ลีก ในครึ่งแรกของซีซั่นนี้ที่ทีมของ เทน ฮาก ซัดบอลไม่เข้ากรอบเลยสักครั้ง แต่เหตุที่พวกเขายังไม่เสียประตูก็เป็นเพราะตัวตนของทีมอีสานนั่นเอง
ดังจะเห็นว่าแม้ ฮาว จะยกระดับทีมได้ดีโดยพา นิวคาสเซิ่ล ที่เกือบตกชั้นก้าวขึ้นมาท้าทายอันดับท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้ได้แบบเต็มตัว แต่หากจะมองกันที่รายละเอียดจะเห็นได้ว่า สาลิกาดง มีปัญหาในด้านการคลำเป้าเนื่องจากก่อนเกมบู๊กับ แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาลงเล่นเกมลีก 26 นัด และยิงประตูได้แค่ 39 ลูกน้อยที่สุดในแปดทีมแรกของตาราง และเท่ากับ เลสเตอร์ ทีมรองบ๊วยที่ปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไปแล้ว
อย่างไรก็ดี จุดแข็งที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล มีลุ้นความสำเร็จในซีซั่นนี้คือเกมรับที่แข็งโป้กที่สุดในลีกโดยพวกเขาเสียไปแค่ 19 ประตู เหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ ที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของลีก 7 ประตูด้วยกัน
5. ขาด กาเซมีโร่ เหมือนขาดใจ
แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเอาตัวรอดในครึ่งแรกได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พ่ายไปแบบหมดสภาพ 2-0 แม้เปอร์เซนต์การครองบอลหลังครบ 90 นาทีจะแซงหน้าทีมเจ้าบ้านได้ในสัดส่วน 54:46% แต่ที่ดูไม่จืดคือการโดน นิวคาสเซิ่ล ส่องยิงรวมกันมากถึง 22 ครั้งซึ่งเข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ยิงแค่ 6 ครั้ง และเข้ากรอบครั้งเดียวเท่านั้น
และที่สำคัญ มันอาจฟ้องให้เห็นว่า ผีแดง เริ่มออกอาการแผ่วปลายก็เป็นได้เนื่องจากในเกม พรีเมียร์ลีก สามนัดหลังรวมถึงนัดล่าสุดนี้ด้วย พวกเขายิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลยทั้งเกมบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 7-0 และเปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน แบบไร้สกอร์
ขณะเดียวกัน เป็นอีกหนที่ชี้ให้เห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อาจขาดห้องเครื่องคนสำคัญอย่าง กาเซมีโร่ ได้ และต่อให้ แม็คโทมิเนย์ จะเล่นได้ดีกับทีมชาติ เขาก็ไม่ใช่คนนั้นเพราะในเกมลีก 8 นัดที่ปราศจากดาวเตะทีมชาติ บราซิล ผีแดง ปราชัยถึง 4 นัดด้วยกัน แต่พวกเขาแพ้แค่ 3 จาก 19 นัดที่มีอดีตขุนพลทีม เรอัล มาดริด ลงสนามโดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ไม่มีแผงกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด คนไหนชะลอเกมรุกของ นิวคาสเซิ่ล ได้เลยสักคน