หลังประสบกับความปราชัยเป็นเกมแรกของซีซั่นในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่บุกไปพ่ายต่อ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สเปอร์ส ก็กลับคืนสู่เส้นทางแห่งชัยชนะได้สำเร็จด้วยการเปิดบ้านยำใหญ่ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมบ๊วย ของ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างขาดลอย 6-2 ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.ย.
จะว่าไปแล้ว แม้ เดอะ ฟ็อกซ์ จะแพ้ไปแบบยับเยิน แต่จากความเป็นจริงทีมเยือนมีโอกาสสอยตาข่ายมากกว่า ไก่เดือยทอง ด้วยซ้ำ (18:16) แถมครองบอลได้มากกว่าเจ้าบ้านด้วย (56%:44%) แต่เป็น อูโก้ โยริส ที่เซฟลูกยิงได้พัลวัน ก่อนที่ ซน ฮึง มิน จะถูกเปลี่ยนตัวลงไปสร้างความแตกต่างพาทีมเมืองกรุงเก็บแต้มได้เท่ากับ แมนฯ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงโดยมีประตูได้เสียด้อยกว่าเท่านั้น
1.ไม่มีใครโดนดร็อปไม่ได้
แล้วในที่สุด อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ ไก่เดือยทอง ก็ทำเหมือนที่ส่งสัญญาณออกมาด้วยการดร็อป ซน ฮึง มิน ดาวซัลโวของสโมสรเป็นตัวสำรองในเกม พรีเมียร์ลีก นัดต้อนรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้
หลังเท้าบอดต่อเนื่องจนถึงเกมก่อนหน้านี้ที่ สเปอร์ส บุกไปแพ้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-0 ในถ้วยหูใหญ่เมื่อกลางสัปดาห์ สตาร์ทีมชาติ เกาหลีใต้ ก็หล่นไปนั่งข้างสนามเนื่องจากทำประตูไม่ได้เลยตลอดแปดนัดนับตั้งแต่เปิดซีซั่น
นอกจาก ซน ที่เสียโผตัวจริงให้กับ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ในเกมดวลกับทีม สุนัขจิ้งจอก แล้ว สเปอร์ส ยังปรับโผเพิ่มอีกสามตำแหน่งโดย ดาวินซอน ซานเชซ , เกลม็องต์ ลองเลต์ และ ไรอัน แซสเซอญง ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนหน้า คริสเตียน โรเมโร่ , เบน เดวิส และ เอเมอร์สัน รอยัล
2.เดอะ ฟ็อกซ์ ทีมสุดโปรดของ เคน
แม้จะเสียลูกโทษให้กับ เลสเตอร์ บุกมานำก่อนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันไร แฮร์รี่ เคน ก็โขกประตูตีเสมอให้กับเจ้าบ้านได้สำเร็จ
จริงๆแล้ว กองหน้าทีมชาติ อังกฤษ เคยสวมยูนิฟอร์ม เดอะ ฟ็อกซ์ ด้วยช่วงที่ถูกส่งให้ยืมตัวในซีซั่น2012/13 โดยเขาสอยตาข่ายได้สองเม็ดจากการลงเล่น 15 นัดในทุกรายการ
แต่เมื่อกลายมาเป็นคีย์แมนของ ไก่เดือยทอง เคน กลับขยันส่องประตู เลสเตอร์ มากกว่าทุกทีม รวมเม็ดล่าสุดก็ปาเข้าไป 20 ประตูแล้วจาก 19 นัดในทุกรายการที่ได้ดวลกับคู่แข่งรายนี้ (พรีเมียร์ลีก 18 ประตู)
3. ซน ขโมยซีนไม่เกรงใจใคร
เป็นอันว่า ซน เริ่มต้นนับหนึ่งในการเบิกตาข่ายซีซั่นนี้ได้แล้ว แถมใช้เวลาไม่นานก็เพิ่มผลงานให้ตัวเองได้เป็นสามประตูทั้งๆที่ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมขยี้ เลสเตอร์ ขาดลอย
ลองเป็นอย่างนี้ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า ซน คนเดิมกลับมาแล้ว และอย่างมีสไตล์ซะด้วยจากการทำแฮททริคให้ ไก่เดือยทอง คว้าสามแต้มได้แบบหายห่วง
และที่สำคัญ พ่อค้าแข้งพลังโสมใช้เวลาไม่นานเลยในการคายพิษสงเนื่องจากเขาถูกส่งลงเล่นในนาทีที่ 59 และยิงประตูได้ในนาทีที่ 73 74 และ 86 จึงเท่ากับว่าเขาใช้เวลาแค่ 27 นาทีเท่านั้นต่อการกดคนเดียวสามตุงทั้งๆที่ตั้งแต่เริ่มซีซั่น ดาวยิงเอเชียได้ง้างไกรวม 17 ครั้ง แต่ไม่เป็นประตูเลย จนกระทั่งเจ้าตัวมาทำสำเร็จในครั้งที่ 18 พร้อมทั้งสร้างชื่อเป็นตัวสำรองของ ไก่เดือยทอง รายแรกที่ซัดแฮททริคได้ด้วย
4.ร็อดเจอร์ส ส่อตกเก้าอี้
ผ่านมาถึงวันนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังพา เลสเตอร์ คว้าชัยชนะใน พรีเมียร์ลีก ไม่ได้เลย และจมปรักอยู่ในตำแหน่งบ๊วย
แน่นอนว่าในเกมแพ้ สเปอร์ส แม้ทีมของ บีร็อด จะเล่นกันได้ไม่ถึงกับเลวร้ายเนื่องจากครองบอลได้ดีกว่าเจ้าบ้าน รวมถึงมีโอกาสส่องยิงมากกว่าด้วยซ้ำ แต่แนวรับที่มีช่องโหว่ ประกอบกับอาการองค์ลงของ ซน จึงส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ย้อนแย้งกับความน่าจะเป็น
และเป็นธรรมดาที่ ร็อดเจอร์ส หนีไม่พ้นโดนจับตามองว่าใกล้โดนปลดเต็มที โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีโปรแกรม ฟีฟ่าเดย์ เข้ามาแทรกมักเป็นช่วงที่ผู้จัดการทีมในระดับสโมสรตกเก้าอี้กันบ่อยครั้ง
ขณะเดียวกัน เหมือนจะรู้ชะตาตัวเองดีเนื่องจาก บีร็อด กล่าวหลังเกมกับ สเปอร์ส ว่าพร้อมยอมรับและเคารพการตัดสินใจจากเจ้าของสโมสรเนื่องจากในเกมลูกหนัง การคว้าผลลัพธ์เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด และเหนือว่าสถิติต่างๆในเวลา 90 นาที
5.เลสเตอร์ ลุ้นหนีตายเต็มตัว
ต้องบอกอย่างนั้นแล้วล่ะแม้จะยังอยู่ในช่วงต้นซีซั่นก็ตามเนื่องจาก เดอะ ฟ็อกซ์ แพ้ได้แพ้ดี แพ้อย่างต่อเนื่องหกนัดรวดเข้าไปแล้ว หลังจากในเกมเปิดซีซั่น พวกเขาเก็บแต้มแรกได้ด้วยการเฝ้าบ้านโดน เบรนท์ฟอร์ด ไล่ตีเสมอ 2-2
รวมแล้วทีมจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม โดนทะลวงประตูไปมากที่สุดในลีกตอนนี้ 22 เม็ดจากเจ็ดเกมแรกซึ่งเป็นสถิติการโดนยิงในลีกที่มากที่สุดของพวกเขาเช่นกันจากการลงเล่นเจ็ดเกมแรกของซีซั่น
เท่านั้นไม่พอ เดอะ ฟ็อกซ์ ยังทำแต้มหล่นมากที่สุดในลีกซีซั่นนี้ด้วย (11 แต้ม) หลังเป็นฝ่ายนำหน้าก่อน แต่กลับคว้าชัยไม่ได้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของทีมที่พร้อมเสียทีให้กับคู่แข่ง สวนทางกับ สเปอร์ส ซึ่งเก็บแต้มได้มากที่สุดในลีกซีซั่นนี้ (7แต้ม) แม้จะตกเป็นรองก่อนก็ตาม
อีกทั้ง เลสเตอร์ เป็นทีมที่ 10 ที่เก็บได้แค่แต้มเดียวหรือไม่มีแต้มเลยจากการออกสตาร์ตเจ็ดนัดแรกซึ่งปรากฏว่าในจำนวนนี้มีทั้งหมด 6 ทีมด้วยกันที่ตกชั้นในท้ายที่สุด
ฉะนั้นแล้ว สุนัขจิ้งจอก จึงต้องอาจทำใจเอาไว้ล่วงหน้า แต่อย่างไรเสียพวกเขายังมีโอกาสอยู่รอดได้เหมือนที่ นิวคาสเซิ่ล แสดงให้เห็นจากการพลิกผันสถานการณ์ได้อย่างน่ายกนิ้วให้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
นั่นคือการใช้ตลาดนักเตะช่วงปีใหม่ให้เกิดประโยชน์ด้วยการเสริมทัพหนีความตาย หากแต่กุนซือที่จะได้ใช้เงินในเดือนม.ค.จะยังเป็น ร็อดเจอร์ส ที่แทบไม่ได้ช็อปปิ้งเลยในช่วงซัมเมอร์หรือเปล่าเท่านั้น?