ยิงโหดเหมือน ลิเวอร์พูล! รวมมิตรเกมชนะขาดลอยสุดลีกดังยุโรปนอกเหนือจาก พรีเมียร์ลีก

สำหรับของ ลิเวอร์พูล นั้น สกอร์ที่ออกมาทำให้นั่นถือเป็นการทาบสถิติการชนะคู่แข่งแบบขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก เลย ขณะที่ของ เซลติก ถึงแม้มันจะยังไม่เท่ากับการชนะ ดันดี (คนละทีมกับ ดันดี ยูไนเต็ด) ที่พวกเขาเคยถล่มทีมนั้นไป 11-0 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1895 แต่มันก็ยังถือเป็นสกอร์ที่น่าประทับใจอยู่ดี

จากชัยชนะของ ลิเวอร์พูล และ เซลติก ทำให้บางท่านอาจจะสงสัยว่าในลีกอื่นๆ นั้น เกมไหนที่ถือเป็นเกมที่มีการชนะด้วยสกอร์ที่ถล่มทลายมากที่สุด ซึ่งวันนี้เรามีสถิติเกี่ยวกับเรื่องนั้นของลีกดังๆ ในทวีปยุโรปมานำเสนอกัน

พรีเมยร่า ลีกา โปรตุเกส, เบนฟิก้า 10-0 ซีดี นาซิอองนาล (10 กุมภาพันธ์ 2019)

ฤดูกาล 2018-19 เป็นซีซั่นที่ เบนฟิก้า โชว์ฟอร์มโดยรวมได้ยอดเยี่ยมมากๆ โดยก่อนถีงเกมที่เปิดบ้านเจอกับ นาซิอองนาล เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ปี 2019 นั้น พวกเขาก็โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากการชนะในลีกมา 5 นัดติดต่อกัน

ทั้งนี้ ในเกมกับ นาซิอองนาล "เหยี่ยวลิสบอน" ได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ตอนยังไม่ถึง 1 นาทีเต็ม จากผลงานของ อเลฆานโดร กรีมัลโด้ และถึงแม้ครึ่งแรกจะจบลงที่ เบนฟิก้า นำอยู่ 3-0 แต่ในครึ่งหลังพวกเขามารัวอีก 7 ลูกจนทำให้ชนะไปแบบสบายๆ โดยเกมนั้นมี ฮาริส เซเฟโรวิช กับ โชนาส ที่ทำประตูได้มากกว่าเพื่อนจากการทำไปคนละ 2 ลูก โดยเจ้าของสถิติเดิมก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น เบนฟิก้า เองนั่นแหละที่เคยไล่ต้อน ฟามาลิเซา 8-0 เมื่อปี 1994

เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์, วีวีวี-เวนโล 0-13 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (24 ตุลาคม 2020)

ก่อนลงเล่นนัดดังกล่าว อาแจ็กซ์ ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก กำลังคึกสุดขีดด้วยการชนะ 4 เกมกับแพ้ 1 นัดจากการลงเล่นในลีก 5 นัดแรก ขณะที่คู่แข่งของพวกเขามีภาพเลงร้ายสุดขีด เพราะหลังจากชนะในเกมเปิดสนาม เวนโล ก็ทำได้เพียงเสมอกับแพ้อย่างละ 2 เกม

ประตูแรกในนัดดังกล่าวมาจากผลงานของ ยูร์เก้น เอ็คเคเลนแคมป์ ในนาทีที่ 12 แต่พระเอกในเกมนั้นหนีไม่พ้น ลาสซิน่า ตราโอเร่ เพราะเขาทำได้ถึง 5 ประตูด้วยกัน ทำให้ อาแจ็กซ์ ทำลายสถิติการชนะแบบขาดลอยที่สุดในลีกฮอลแลนด์ที่พวกเขาเคยทำเอาไว้เองในตอนทุบ วิเทสส์ 2-1 เมื่อปี 1972 ลงได้

ลีก เอิง ฝรั่งเศส, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 9-0 แก็งก็อง (19 มกราคม 2019), ทรัวส์ 0-9 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (13 มีนาคม 2016), อาแอส โมนาโก 9-0 บอร์กโดซ์ (18 ตุลาคม 1986)

วันที่ ปารีสฯ เจอกับ แก็งก็อง มันมีคนที่เป็นฮีโร่ถึง 2 คน นั่นคือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กับ เอดินสัน คาวานี่ เพราะทั้งคู่ต่างก็ทำแฮตทริกได้จนทำให้ ปารีสฯ ชนะได้แบบไม่ยากเย็น และมันก็เป็นการทาบสถิติที่พวกเขาเคยทำเอาไว้ตอนเจอกับ ทรัวส์ เมื่อปี 2016 เพียงแต่หนนั้นสปอตไลท์ส่องไปที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แค่คนเดียว จากการที่เขากดไปถึง 4 ประตูด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ ปารีสฯ ยุคของกลุ่มทุนจากกาตาร์จะประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ในเมืองน้ำหอมได้นั้น โมนาโก ชุดปี 1986 ก็เคยชนะด้วยสกอร์ 9-0 มาก่อน โดยหนนั้นคนที่เด่นกว่าใครเพื่อนคือ แบร์กนาร์ เจ็งกินี่ ที่ทำไป 4 ประตูด้วยกัน

กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, โตริโน่ 10-0 อเลสซานเดรีย กัลโช่ (2 พฤษภาคม 1948)

ถึงแม้ตอนนี้จะโดน ยูเวนตุส จะเป็นทีมที่โด่งดังกว่า แต่สมัยก่อน โตริโน่ คือทีมจากแคว้นตูรินที่หลายทีมต่างก็หวาดกลัว โดยเฉพาะในช่วงระหว่างปี 1940-1950 ที่พวกเขาได้แชมป์ลีกสูงสุดไปครองถึง 5 สมัยด้วยกัน

ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1948 "กระทิงหิน" ลงเล่นด้วยฟอร์มสุดโหดที่ไม่แพ้ใครในลีกมา 11 นัดติด และพวกเขาก็สานต่อผลงานเป็น 12 เกมรวดได้ โดยที่ เอซิโอ้ โลอิค ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในเกมนั้นจากการทำแฮตทริกได้ และนับจากนั้นเป็นต้นมาก็ยังไม่มีใครทุบสถิตินี้ได้ อย่างดีที่สุดคือวันที่ เอซี มิลาน ทุบ ปาแลร์โม่ ด้วยสกอร์ 96-0 เมื่อช่วงปี 1951

ลา ลีกา สเปน, แอธเลติก บิลเบา 12-1 บาร์เซโลน่า (8 กุมภาพันธ์ 1931)

ย้อนกลับไปในอดีต บิลเบา คือทีมที่แข็งแกร่งทีมหนึ่งของลีกสเปน การได้แชมป์ลีก 4 สมัยระหว่างช่วงปี 1929-1936 ถือเป็นหนึ่งในหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนั้น และเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1931 พวกเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครมาลบได้

บาต้า หรือที่มีชื่อจริงว่า อกุสติน เซาโต้ อราน่า เป็นคนที่ฉายแววได้โดดเด่นที่สุดของเกมนั้น ด้วยการทำไปถึง 7 ประตูในเกมเดียว และสุดท้ายฤดูกาลนั้น บิลเบา ก็ได้แชมป์ ลา ลีกา ไปครองด้วย โดยทีมที่เคยเข้าใกล้กับการทำลายสถิติของ บิลเบา ได้มากที่สุดคือ เซบีย่า ที่เมื่อช่วงปี 1940 เคยถล่ม บาร์เซโลน่า 11-1

บุนเดสลีกา เยอรมัน, โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 12-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (29 เมษายน 1978)

ในฤดูกาล 1977-78 กลัดบัค ลงเล่นในฐานะแชมป์เก่า ซึ่งพวกเขาก็ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กับ โคโลญจน์ จนถึงนัดสุดท้ายจากการมี 46 แต้มเท่ากัน เพียงแต่ก่อนถึงนัดปิดฤดูกาล "สิงห์หนุ่ม" เป็นรองเรื่องผลต่างประตูได้-เสีย อยู่ถึง 10 ลูก

แน่นอน มองผิวเผินแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ กลัดบัค จะชนะ ดอร์ทมุนด์ ได้ถึงหลัก 10 ประตู แต่พวกเขากลับสามารถชนะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ โดยที่ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ทำไปคนเดียวถึง 5 ประตูในนัดดังกล่าว ซึ่งมันเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ กลัดบัค เคยทุบ ชาลเก้ 11-0 เมื่อปี 1967 ด้วย

น่าเศร้าที่ตอนจบมันไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง เพราะอีกสนามหนึ่ง โคโลญจน์ คว้าชัยเหนือ ซังต์ เพาลี 5-0 ส่งผลให้ กลัดบัค ต้องจบด้วยการเป็นรองแชมป์จากการมีผลต่างประตูได้-เสีย ด้อยกว่า 3 ลูก

เด็กเกร็ดบอล