สำหรับตอนนี้ดูเหมือนว่าการลุ้นอันดับท็อปโฟร์ จะมีความเข้มข้นน่าสนใจอย่างมาก เพราะสถานการณ์ในเวลานี้สามารถพลิกไปพลิกมาได้เลยทีเดียว ฉะนั้นนี่คือการลุ้นที่น่าสนุกไม่แพ้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
จากสถานการณ์ในปัจจุบันดูเหมือนว่าการลุ้นแชมป์ลีกจะเหลือแค่ม้าสองตัวนั่นก็คือ อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตามทฤษฎียังมีลุ้นอยู่ก็ตาม แต่การตาม "ปืนใหญ่" ถึง 19 คะแนนแม้จะแข่งน้อยกว่า 2 นัด ก็ดูแล้วโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างยากมาก
ฉะนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะต้องลุ้นอันดับท็อปโฟร์มากกว่า เพราะแม้พวกเขาจะอยู่อันดับ 3 มี 50 คะแนน แต่นำหน้า "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพียง 1 แต้ม แต่ทีมดังกรุงลอนดอนแข่งมากกว่า 2 เกม
ขณะเดียวกัน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ก็พร้อมที่จะปาดหน้าเพื่อคว้าโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน ส่วน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ซึ่งมี 42 คะแนนเท่ากับ "หงส์แดง" ตามหลัง สเปอร์ส 7 แต้มแต่แข่งน้อยกว่าถึง 3 นัด มีสิทธิ์สร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อันดับ : 3
คะแนน : 50 แต้ม
เหลือเกมที่ต้องแข่ง : 12 แมตช์
หากไม่เกิดอาเพศในช่วงต่อจากนี้ ทีมของกุนซือเอริค เทน ฮาก น่าจะติดหนึ่งในสี่ทีมที่จะได้ตั๋วไปเล่นในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าในฐานะทีมอันดับ 3 โดยแชมป์คาราบาว คัพ ทีมล่าสุด มีคะแนนนำ นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับ 5 อยู่ 3 แต้ม และแข่งน้อยกว่า สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 อยู่ 2 แมตช์
แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีโปรแกรมที่ต้องไปเยือนถิ่น "สาลิกาดง", ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ไบรท์ตัน ก็ตาม แต่พวกเขาผ่านโปรแกรมโหดไปแล้วทั้งการดวลกับ อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล
บางทีปัญหาใหญ่ที่น่ากังวลสำหรับ "ผีแดง" ก็คือการที่พวกเขาต้องลงเล่นหลายรายการ เพราะทีมทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก ซึ่งต้องลงสนาม 2 เกมกับ เซบีย่า แถมยังผ่านเข้าไปในรอบตัดเชือกเกมเอฟเอ คัพ ที่จะต้องดวลกับ ไบรท์ตัน
สำหรับโปรแกรมที่เหลืออยู่ในพรีเมียร์ลีกของ แมนฯ ยูฯ มีดังนี้
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน)
- เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
- เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)
- น็อตติงแฮมป์ ฟอเรสต์ (เยือน)
- สเปอร์ส (เยือน)
- แอสตัน วิลล่า (เหย้า)
- เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน)
- วูล์ฟส์ (เหย้า)
- บอร์นมัธ (เยือน)
- ฟูแล่ม (เหย้า)
- เชลซี (เหย้า - รอกำหนดวันแข่ง)
- ไบรท์ตัน (เยือน - รอกำหนดวันแข่ง)
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
อันดับ : 4
คะแนน : 49 แต้ม
เหลือเกมที่ต้องแข่ง : 10 แมตช์
แม้ว่า สเปอร์ส จะรั้งอันดับ 4 แต่การลุ้นท็อปโฟร์ของพวกเขาค่อนข้างจะมีความเสี่ยงพอสมควร เพราะตอนนี้อนาคตของ อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมไม่มีความแน่นอนเอาซะเลย เนื่องจากเขาจะหมดสัญญาหลังจบซีซั่นนี้ แถมเจ้าตัวยังสร้างรอยร้าวให้กับลูกทีมจากการให้สัมภาษณ์ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมเกิดวิกฤติภายในอย่างชัดเจน
สำหรับคู่แข่งแย่งท็อปโฟร์ตอนนี้แข่งน้อยกว่า สเปอร์ส 2 แมตช์ ทำตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขาค่อนข้างจะอันตรายต่อการหลุดท็อปโฟร์เลยทีเดียว ที่สำคัญ "ไก่เดือยทอง" ยังมีโปรแกรมต้องเจอกับคู่แข่งแย่งโควตา "บิ๊กเอียร์" โดยตรงทั้ง นิวคาสเซิ่ล, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ ไบรท์ตัน ฉะนั้นนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาหลุดวงโคจรก็ได้
สำหรับโปรแกรมที่เหลืออยู่ในพรีเมียร์ลีกของ สเปอร์ส มีดังนี้
- เอฟเวอร์ตัน (เยือน)
- ไบรท์ตัน (เหย้า)
- บอร์นมัธ (เหย้า)
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน)
- แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า)
- ลิเวอร์พูล (เยือน)
- คริสตัล พาเลซ (เหย้า)
- แอสตัน วิลล่า (เยือน)
- เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
- ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
อันดับ : 5
คะแนน : 47 แต้ม
เหลือเกมที่ต้องแข่ง : 12 แมตช์
การที่ นิวคาสเซิ่ล สามารถเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขาในการลุ้นท็อปโฟร์กลับมาดูดีอีกครั้ง และถ้า "สาลิกาดง" ยังคงรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้ตลอด งานนี้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้หวนกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง
"เดอะ แม็กพายส์" มีโปรแกรมที่สุดอันตรายนั่นก็คือการพบกับ สเปอร์ส และ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมทั้งแมตช์สำคัญที่ต้องรับมือ อาร์เซน่อล ในวันที่ 6 พฤษภาคม และ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ด้วย ซึ่งแน่นอนว่านี่คือเกมที่อาจตัดสินโอกาสในการคว้าโควตา "หูกาง" เลยก็ว่าได้
สำหรับโปรแกรมที่เหลืออยู่ในพรีเมียร์ลีกของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มีดังนี้
- แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า)
- เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน)
- เบรนท์ฟอร์ด (เยือน)
- แอสตัน วิลล่า (เยือน)
- สเปอร์ส (เหย้า)
- เอฟเวอร์ตัน (เยือน)
- เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า)
- อาร์เซน่อล (เหย้า)
- ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)
- เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)
- เชลซี (เยือน)
- ไบรท์ตัน (เหย้า - รอกำหนดวันแข่ง)
ลิเวอร์พูล
อันดับ : 6
คะแนน : 42 แต้ม
เหลือเกมที่ต้องแข่ง : 12 แมตช์
ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องงัดฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ถ้าพวกเขาอยากมีลุ้นติดท็อปโฟร์ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล โดย "หงส์แดง" เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่สามารถเอาตัวรอดได้ ยกตัวอย่างฤดูกาล 2020/2021 แต่งานนี้พวกเขาจะทำได้อีกครั้งหรือเปล่า ? เดี๋ยวอีกไม่กี่สัปดาห์ก็น่าจะรู้
ข่าวร้ายในการลุ้นท็อปโฟร์ก็คือ "เดอะ เร้ดส์" ต้องดวลกับ แมนฯ ซิตี้, เชลซี และ อาร์เซน่อล 3 แมตช์ติดต่อกัน หลังหมดโปรแกรมพักเบรกทีมชาติ งานนี้ถ้าหาก ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้หมดพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะซิวโควตาสำคัญนี้ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็เตรียมโบกมือลาเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าได้เลย
สำหรับโปรแกรมที่เหลืออยู่ในพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล มีดังนี้
- แมนฯ ซิตี้ (เยือน)
- เชลซี (เยือน)
- อาร์เซน่อล (เหย้า)
- ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)
- น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า)
- เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน)
- สเปอร์ส (เหย้า)
- เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
- เลสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)
- แอสตัน วิลล่า (เหย้า)
- เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน)
- ฟูแล่ม (เหย้า - รอกำหนดวันแข่ง)
ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
อันดับ : 7
คะแนน : 42 แต้ม
เหลือเกมที่ต้องแข่ง : 13 แมตช์
"เดอะ ซีกัลส์" สร้างเรื่องสุดเซอร์ไพรส์ที่สามารถก้าวขึ้นมาติดอยู่ในกลุ่มลุ้นท็อปโฟร์ โดยผลงานที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ส่วนหนึ่งต้องยกให้กับกุนซือโรแบร์โต้ เด แซร์บี้
ช่วงต้นฤดูกาลนี้หากใครบอกว่า ไบรท์ตัน มีลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีก บอกเลยว่าคงโดนหัวเราะเยาะแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่านี่คือทีมคุณภาพที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินถุงเงินถังก็มีโอกาสลุ้นความสำเร็จได้
ไบรท์ตัน ซึ่งทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ มีโปรแกรมหนักที่ต้องพบกับ อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ ก่อนจบซีซั่น นอกจากนี้ยังมีคิวไปเยือน สเปอร์ส กับ เชลซี ด้วย ฉะนั้นนี่คือบทพิสูจน์สำคัญที่จะบอกได้ว่าพวกเขาเหมาะที่จะได้ไปลุยถ้วยใบโตยุโรปไหม
สำหรับโปรแกรมที่เหลืออยู่ในพรีเมียร์ลีกของ ไบรท์ตัน มีดังนี้
- เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
- บอร์นมัธ (เยือน)
- สเปอร์ส (เยือน)
- เชลซี (เยือน)
- น็อตติงแฮมป์ ฟอเรสต์ (เยือน)
- วูล์ฟส์ (เหย้า)
- เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)
- อาร์เซน่อล (เยือน)
- เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า)
- แอสตัน วิลล่า (เยือน)
- แมนฯ ซิตี้ (เยือน)
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน - รอกำหนดวันแข่ง)
- แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า - รอกำหนดวันแข่ง)
ทอมเม้ง