ตอนนี้เข้าสู่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายในการแข่งขันศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022/2023 โดยแต่ละทีมเหลือการแข่งขันระหว่าง 11 และ 14 แมตช์ที่จะต้องลงสนาม ฉะนั้น ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์, พื้นที่ฟุตบอลถ้วยยุโรป, การตกชั้น หรือรางวัลส่วนตัว
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน อาร์เซน่อล รั้งตำแหน่งจ่าฝูง มี 66 คะแนนจากการแข่งขัน 27 เกม และทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 ถึง 5 แต้ม ขณะที่โซนหนีตายอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ครองอันดับบ๊วยด้วยการมี 22 คะแนนจากการลงเล่น 26 เกม โดยห่างจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ในโซนปลอดภัยแค่ 2 แต้มเท่านั้น
ขณะเดียวกันพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูโรปา ลีก ก็มีหลายทีมที่มีโอกาสจะได้โควต้าสำคัญนี้ ดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นมี 4 ประเด็นที่น่าสนใจที่ต้องลุ้นกันจนถึงวันปิดฤดูกาลเลยทีเดียว
1. การลุ้นแชมป์ลีก
อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นม้าสองตัวที่น่าจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ โดยสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากๆ
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีเคี่ยวในการลุ้นแชมป์โดยตามหลังจ่าฝูงแค่ 5 แต้ม แต่ตอนนี้ "ผีแดง" โดน "ปืนโต" ทิ้งห่าง 16 คะแนนไปแล้ว
ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ซึ่งช่ำชองเรื่องการเบียดแย่งแชมป์ มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะไล่บี้กับทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า ไปจนกระทั่งจบฤดูกาล ฉะนั้นทั้งสองทีมต้องตั้งสมาธิในการเล่น ห้ามวอกแวกเด็กขาด เพราะเกิดสะดุดแพ้เกมหรือสองเกม สถานการณ์ต่างๆ มีโอกาสเปลี่ยนได้ทันที
2. พื้นที่ฟุตบอลถ้วยยุโรป
สำหรับลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้รับโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 ทีม, ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 ทีม และ ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก 1 ทีม ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่าขับเคี่ยวกับแบบสุดๆ ไปเลย
อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ ดูเหมือนจะการันตีโควตาถ้วยใบโตยุโรปสำหรับฤดูกาลหน้าได้แล้ว ขณะที่อันดับ 3 กับ 4 ยังต้องลุ้นกันพอสมควร โดย แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังได้เปรียบคู่แข่งอยู่ในเวลานี้ แต่ก็ห้ามประมาทเพราะทั้ง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล พร้อมแซงหน้าทันที
ขณะที่พื้นที่ฟุตบอลถ้วยยุโรปอีก 2 รายการตอนนี้มีช่องว่างห่างกัน 9 คะแนนระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับ 5 กับ แอสตัน วิลล่า ทีมอันดับ 11 ด้วยเหตุนี้ยังมีโอกาสที่สถานการณ์อาจพลิกผลันได้เช่นกัน
3. สู้ตายหนีตกชั้น
พื้นที่นี้คงคล้ายๆ กับการลุ้นแชมป์เพราะพวกเขาต้องสู้กันจนกระทั่งวันสุดท้ายของฤดูกาล ลองคิดดูว่าทีมอันดับ 12 อย่าง คริสตัล พาเลซ มีคะแนนห่างจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมอันดับบ๊วยแค่ 5 แต้มเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากบันทึกในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีก ระบุว่าเคยมีเพียงแค่ 3 ทีมเท่านั้นที่ตกชั้นทั้งๆ ที่มีคะแนน 40 หรือมากกว่านั้น ได้แก่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซีซั่น 2002/2003 (42 คะแนน), ซันเดอร์แลนด์ ซีซั่น 1996/1997 (40 คะแนน) และ โบลตัน ซีซั่น 1997/1998 (40 คะแนน)
ขณะที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เคยรอดจากการตกชั้นในฤดูกาลแม้ว่าจะเก็บได้แค่ 34 คะแนนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายๆ ทีมที่อยู่ครึ่งล่างของตารางลีก ยังไม่สามารถหายใจได้ทั่วท้อง
4. รางวัลส่วนตัว
เออร์ลิง ฮาลันด์ นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกด้วยการตะบันไป 28 ประตู ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ซึ่งเคยคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ 3 สมัย ตามมาเป็นอันดับ 2 ซัดไป 20 ลูก แม้ว่า หัวหอกสเปอร์ส จะตามหลังหลายประตูก็ตาม แต่นักเตะยังไม่ถอดใจ
ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ สวมบทผู้นำในตารางแอสซิสต์ โดยทำไปแล้ว 12 ครั้ง ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า ปีกจอมพลิ้วของ อาร์เซน่อล ตามหายใจรดต้นคอด้วยการทำไป 9 แอสซิสต์
ขณะที่การลุ้นรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมยังคงเปิดกว้างระหว่าง แอรอน แรมส์เดล โกลจอมหนึบอาร์เซน่อล (12 คลีนชีต), ดาบิด เด เคอา นายด่านจอมเก๋า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (11 คลีนชีต) และ นิค โป๊ป ผู้รักษาประตูนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (11 คลีนชีต)
ในส่วนของ มาร์ติน โอเดการ์ด เพลย์เมกเกอร์ "เดอะ กันเนอร์ส" กับ ฮาลันด์ หัวหอกเพื่อนร่วมชาติ เป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ขณะที่ ซาก้า กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มีลุ้นเช่นกัน
สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะคว้ารางวัลผู้จัดการทีมแห่งปี ยกเว้น อาร์เซน่อล จะสะดุดชวดแชมป์ ตบท้ายด้วยแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมตอนนี้ ซาก้า กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มีลุ้นที่สุด ส่วน ฮาลันด์ ก็มีเอี่ยวเช่นกัน
ทอมเม้ง