ชนะทีมใหญ่ ตายทีมเล็ก

ชนะทีมใหญ่ ตายทีมเล็ก
ก่อนแข่งนัดนี้ มีความแตกต่างระหว่างบอร์นมัธกับลิเวอร์พูลสุดกู่

ฟอร์มล่าสุดเจ้าบ้านไม่ชนะใครในสี่เกม อันดับ 20 

ส่วนทีมเยือนชนะ 4 เสมอ 1 

นัดล่าสุดเจ้าบ้านนำอาร์เซนอล 2-0 ก่อนแพ้ 3-2 

เป็นทีมที่ยิงนำก่อนแต่เสียไป 17 แต้มอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนลิเวอร์พูลชนะคู่ปรับตลอดกาลขาดลอย แถมต้นซีซั่นยังถล่มบอร์นมัธ 9-0

แน่นอนตามหน้าเสื่อทีมเยือนดูดีมีราคากว่ามาก....

แท็กติกบอร์นมัธมาดี

บอร์นมัธของแกรี โอนีลส์ จัดรูปแบบ 4-4-2 นัดนี้ได้ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ผ่านทดสอบความฟิตลงคุมกลางคู่กับ โจ รอธเวลล์ อดีตเด็กสร้างแมนฯยูฯ นอกนั้นชุดเดิมๆ โดยเฉพาะตัวรุกริมเส้น อูอัตตาราปีกจอมกระชากทางซ้ายและ แอนโธนี ทางขวา หน้าคู่ใช้ บิลลิง กับ โซลันกี้ เน้นรับแดนสอง รอจังหวะลิเวอร์พูลเสียบอล

ส่วนเจเค ปรับใช้เด็กเล่นสองคนในแดนกลางเลย ทั้ง เอลเลียตต์ และ บายเชติช โดยมี ฟาบินโญ คุมจังหวะให้นอกนั้นชุดเดิมทั้งหลังและหน้าสามคน

หงส์คุมเกมแค่ 20 นาทีแรก

นอกจากจังหวะ อูอัตตารา หลุดเดี่ยวแล้วไม่ยอมยิง ดันไปเลี้ยงหลบ เบคเกอร์ ก่อนยิงออกข้างเพราะไม่เหลือมุมให้ยิงแล้ว โดยภาพรวมคือการคุมเกมการเล่นในช่วง20 นาทีแรก กดดันต่อเนื่อง เตะมุมติดๆกัน จังหวะเซตพีท ฟานไดจ์ เกือบได้ จากนั้นก็แผ่วลง ส่วนบอร์นมัธ นั้นป้องกันแดนสองเป็นหลัก รับลึกและปิดด้านข้างเอาไว้ไม่ให้ ซาลาห์และ ดาร์วิน นูนเยซ ได้เล่นบอลง่ายๆ รุมสองหรือสามตลอด พอข้างหน้าหงส์ทำไม่ได้ เกมเริ่มแผ่วลง เป็นบอร์นมัธ เล่นง่ายขึ้นเรื่อยๆ

หงส์โดน 1-0  น.28

จังหวะออกบอลของ เนโต ขว้างให้ สมิธ ซึ่งจับบอลริมเส้นได้ ก่อนเตะโด่งให้ อูอัตตารา วิ่งพาบอลหลอก ฟานไดจ์ ก่อนกระชากสุดเส้นหลังแล้วเปิดตัดหลังเข้ามา โกนาเต สกัดบอลไม่โดน บอลถึง บิลลิง แปง่ายๆ

จังหวะนั้นมีนักเตะบอร์นมัธในเขตโทษ 3 คน กองหลังลิเวอร์พูลเหลือสองคน เพราะ ฟานไดจ์ กับ ร็อบโบ้ หลุดตำแหน่งออกไปด้านข้าง เล่นงาน อูอัตตารา ไม่อยู่

บอลเข้าทางบอร์นมัธ

พอนำก็ถอนต่ำมารับในแดน รอจังหวะสวน ใช้ความเร็วตัวทำ เล่นบอลไดเรกต์ก่อกวนเป็นระยะ ขณะที่เด็กหงส์เจาะไม่ได้ กลายเป็นบอลอั้น ดูติดขัดในแนวรุกไปหมด  ที่ต้องชมคือการยืนป้องกันของแบ๊กโฟร์บอร์นมัธ ไม่มีพลาด สมิธ, สตีเฟนส์, เซเนซี และ เคลลี แดนกลางถอนมายืนหน้าไลน์เกมรับยืนกันแน่นดีมาก 

เปลี่ยนตัวไม่ช่วย

การเปลี่ยน โชต้า ลงมาแทน เอลเลียตต์ แล้วครึ่งหลังปรับเล่น 4-2-3-1 อยู่20 นาที ก็ไม่มีการประสานงานอะไรในทางบวก เพราะเจาะเกมรับบอร์นมัธ ไม่เข้า จนต้องเปลี่ยน ฟีร์มีโน, เฮนโด้ และ มิลเนอร์ ลงมาแทน ดาร์วิน, เทรนต์ และ ฟาบินโญ โดย คักโป กับ ฟีร์มีโน สลับกันเล่นเบอร์สิบ ส่วนโชต้า อยู่ด้านซ้าย แต่ก็ยังเจาะเกมรับบอร์นมัธไม่ได้ง่ายๆ

ซาลาห์ พลาดจุดโทษ

จังหวะโชต้า โหม่งโดนแขน สมิธ ที่กางขึ้นมา ผู้ตัดสินดูวีเออาร์แล้วให้จุดโทษ ปรากฏว่า ซาลาห์ เจอเพื่อนเก่า เนโต สมัยเล่นฟิออเรนตินาหกเดือนช่วงปี 2015 ปรากฏว่า ถอยวิ่งแล้วยิงออกข้างไปไกล แบบไม่มีลุ้น เหมือนไม่มีมุมจะยิง บอร์นมัธได้อีกนับจากนั้น

ถ้าจะถามว่านัดนี้แพ้เพราะอะไรกัน ทั้งที่วันอาทิตย์ที่แล้วได้ชัยชนะมาอย่างงดงาม

โทษเสื้อเยือนสีขาว

โทษเวลาแข่ง 12.30 น. ที่อังกฤษ ลงเตะมาสี่ครั้งแล้วเสมอสามแพ้หนึ่งยังไม่ชนะใครเลย รวมทั้งเกมล่าสุด

โทษว่าไม่มีมาตรฐานหรืออย่างไร 

ถ้าว่ากันตามจริง 5 นัดก่อนเจอบอร์นมัธ ชนะ 4 เสมอ 1 นับว่าผลงานดีขึ้นมาก แต่การมาเล่นกับทีมที่เล่นด้วยความรัดกุม รอบคอบ ไม่มีผิดพลาด พอเล่นไปเกมเข้าทางบอร์นมัธ ที่วางแผนเกมรับแน่น แล้วมีจังหวะสวนกลับตอบโต้ได้น่ากลัวหลายครั้งเพราะหน้าเร็ว ทำให้ลิเวอร์พูลเสียขบวนไปเหมือนกัน

เครดิตทั้งหมดต้องยกให้บอร์นมัธ ที่แพ้มา 9-0 เมื่อต้นซีซั่น โอนีลส์ แก้ทางบอลได้ดี แล้วเล่นด้วยความเชื่อมั่นในแผนการเล่นโดยไม่วิตกกังวลกับ ลิเวอร์พูล ไม่เปิดพื้นที่ให้เล่นในแดนสุดท้ายง่ายๆ ตรงนี้คือการจำกัดโอกาสเข้าทำของหงส์แดงไปโดยปริยาย 

นี่เป็นอีกครั้งที่ชนะทีมใหญ่มาตายทีมเล็ก แถมเป็นการแพ้ทีมอันดับ 20 และกลุ่มตกชั้นเล่นงานอีกครั้งต่อจากนอตติงแฮม ฟอเรสต์ (อันดับ20) และลีดส์ ยูไนเต็ด อันดับ19

ถ้าตัดเกมแดงเดือดออกไป....จะพบว่าลิเวอร์พูลเวอร์ชั่น 2.0 ของเจเค ยังคงต้องค้นหา "มาตรฐาน" ในการเล่นต่อเพื่อความคงเส้นคงวาอยู่ต่อไป คือยังสร้างไม่เสร็จนั่นเอง

แล้วทรงนี้ไปเยือนเรอัล มาดริด 

น่าจะพอทายผลได้นะครับว่าออกหน้าไหน

JACKIE


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport