แพ้แบบเสียหมามากที่สุด! สิ่งที่อยากบอกหลัง ลิเวอร์พูล ถล่ม แมนยู 7-0

แพ้แบบเสียหมามากที่สุด! สิ่งที่อยากบอกหลัง ลิเวอร์พูล ถล่ม แมนยู 7-0
ก่อนอื่น ขอบอกว่าตั้งแต่บ้าบอลมากว่า 40 ปี เด็กผีอย่างผมไม่เคยเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับความยับเยิน เละเทะ และเสียหมาในศึกแดงเดือดขนาดนี้มาก่อน

นี่คือครั้งแรกในชีวิต

ฤดูกาลก่อนคาบ้าน 5-0 ว่าทุเรศแล้ว ฤดูกาลนี้อัปยศ & บัดซบยิ่งกว่า เพราะมันไม่ใช่การแพ้จังหวะ ไม่ใช่แพ้แบบสู้ไม่ได้ หรือก็เพียงความพ่ายแพ้แค่นัดหนึ่ง แต่แพ้แบบมึงไม่เอาแมวน้ำอะไรเลย คุมอารมณ์ไม่อยู่ สติแตก และไม่มีความเป็นมืออาชีพ

1.ตอนแรกที่เห็นรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง

คิดว่า เวาท์ เวกฮอร์สต์ เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นเป็นหน้าต่ำ และมาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นหน้าซ้าย

ต่อเมื่อเห็นตำแหน่งของผู้เล่นในสนามตอนเริ่มเกม ผู้ชมทางบ้านอย่างผมพบว่า...

มาร์คัส แรชฟอร์ด เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า 

เวาท์ เวกฮอร์สต์ ถอยลงมาเป็นหน้าต่ำ แล้วโยก บรูโน่แฟร์นันด์ส ออกไปทางซ้ายต่างหาก

เรียนตามตรงว่าผมไม่ชอบการวางตำแหน่งแบบนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเกมเลย เพราะเกมที่ผ่านๆ มา 

มันคือ 'แผนสอง' ที่ เอริค เทน ฮาก มักปรับตอนทีมต้องการประตูจากหัวหอกที่มีความปราดเปรียวกว่า และมักจะได้ผลซะด้วย

แต่นี่คือการเอา 'แผนสอง' มาใช้ตั้งแต่แรก แทนที่จะเก็บเอาไว้ใช้ตอนสถานการณ์ไม่ดี

นอกจากนี้ การโยก 'บรูโน่' ไปทางซ้ายแทนที่จะให้ผู้เล่นที่ฝีเท้าจัดจ้านอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเล่นงานแบ็คขวาของ ลิเวอร์พูล อย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ถือเป็นการเสียประโยชน์ไปโดยใช่เหตุอีกต่างหาก

ตำแหน่งแบ็คขวาก็เช่นกัน เกมเยือนคู่แค้นแบบนี้ควรจะใช้นักเตะที่เล่นเกมรับได้เด็ดขาดกว่าอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า ไม่ใช่ ดิโอโก้ ดาโลต์

และสิ่งที่สะท้อนออกมาตลอดทั้งเกม แสดงให้เห็นว่ากุนซือชาวดัตช์วางแผนผิด คิดมากเกินไป และย่ามใจมากเกินไปหน่อย

2. ลิเวอร์พูล บดหนักในจังหวะโลหะมรณะทันทีที่เริ่มเกม บีบสูงแล้วพุ่งเข้าใส่อันแสดงให้เห็นว่าเอาจริงเอาจังกับการศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้มากขนาดไหน

พวกเขากดผู้มาเยือนให้อยู่ในแดนอยู่เพียงข้างเดียว และกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะพอตั้งหลักได้บ้าง เวลาก็ผ่านไป 20 นาทีแรกแล้ว

เพียงแต่พลพรรคปีศาจแดงยังตั้งรับได้ดี ไม่มีอะไรผิดพลาด แถมยังหาจังหวะตอบโต้อย่างได้น้ำได้เนื้อมากกว่าด้วยซ้ำ !!!

จังหวะหักเข้าในมาตะบันด้วยซ้ายของ อันโตนี่ ทำให้ อลิสซง เบ็คเกอร์ ต้องออกแรง

จังหวะโขกตรงเสาสองของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ถากเสาออกไปนิดเดียว

และจังหวะวิ่งสอดเข้าไปยิงของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เกือบเป็นประตู

ลิเวอร์พูล ครองบอลมากกว่า บุกมากกว่าก็จริง ทว่าทำได้แค่ป้วนเปี้ยนไปมา ก่อนจะชิงจังหวะขึ้นนำ 1-0 จากช่องว่างที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ดิโอโก้ ดาโลต์ เสียตำแหน่ง เพราะดันตามตัวประกบอย่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เข้าไปตรงกลางจนเกิดพื้นที่ว่างในตำแหน่งที่ตัวเองรับผิดชอบ

ราฟาแอล วาราน ก็อ่านเกมพลาด และขยับเข้ามาประชิด โคดี้ คักโป ช้าเกินไป

แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดแค่ครั้งเดียว ลิเวอร์พูล ฉวยโอกาสลงโทษได้อย่างเด็ดขาดดีนักแล

3.บทสรุปของครึ่งแรกคือ ลิเวอร์พูล เหนือกว่า แม้จังหวะสวนของปีศาจแดงจะได้น้ำได้เนื้อ และเกมไม่ถึงกับเป็นรองอะไรมากมาย 

แต่พลาดทีเดียว เสียประตูเลย !!!

บรูโน่ แฟร์นันด์ส พอขยับไปอยู่ทางซ้ายก็แทบไม่มีประโยชน์อะไร เล่นไม่ถนัด แถมไม่ใช่ปีกที่มีความเร็ว แบบนี้ เทรนต์ เอเอ ที่มีจุดอ่อนเวลาเจอปีกเร็วๆ ก็เล่นสบายสิครับ

ตอนแรกก็เข้าใจว่า เอริค เทน ฮาก คงจะปรับหมากทันทีที่เริ่มครึ่งหลัง พี่แกกลับไม่รีบปรับตำแหน่ง ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ทนโท่ว่าหมากเดิม มันไม่เวิร์ค

นี่คือส่วนผิดพลาดของผู้จัดการทีม

4. ทีนี้มาว่ากันถึงความผิดพลาดในส่วนของผู้เล่น

ประตูที่ 2 ลุค ชอว์ จ่ายบอลพลาดแบบน่าเกลียดมาก มันแสดงให้เห็นถึงความเลินเล่อ และไม่ระมัดระวัง ทั้งที่เป็นเกมใหญ่ เจอคู่เล่นอันตราย มันต้องเล่นให้ละเอียดแท้ๆ

ประตูที่ 3 ก็เหมือนกัน

บรูโน่ หลุดไปถึงเส้นหลังแล้วตัดสินใจเลือกหักลูกย้อนหลังโดยไม่มีความแม่นยำ ผลคือถูกสวนกลับแบบเป็นแผง

หลังจากโดนไป 3 ดอกเน้นๆ นักเตะพันธุ์อสูรก็ไม่เอาอะไรแล้ว พวกเขาเล่นกันสะเปะสะปะ ต่างคนต่างเล่น เสียสมาธิ ไม่วิ่ง ไม่ไล่บอล แถมใช้อารมณ์อย่างเดียวจนเสียขบวนไปหมดเลย

กระทั่งโดนดอกที่ 4 

อันที่จริงมันต้องคิดได้แล้วว่า...ไม่ใช่วันของพวกมึงแล้ว มันไม่มีทางกลับมาจากป่าช้าแน่นอน สิ่งที่ต้องทำคือยอมรับความจริง แล้วทำให้ทีมไม่เละตุ้มเป๊ะไปกว่านี้

บรูโน่ ในฐานะกัปตันทีม ต้องใช้ภาวะผู้นำปลุกระดมลูกทีมให้ตั้งมั่นอยู่ในเกม ไม่ให้มันเละเทะไปมากกว่าเดิม

ที่ไหนได้นะครับ

สิ่งที่เห็นคือมึงเอาแต่โวยวาย ฟ้องผู้ตัดสิน ดีดดิ้น และไล่เตะคู่แข่ง...ไอ้ห่า กูขอด่าหน่อยเหอะ

5. ความย่อยยับนัดนี้ หากพูดแบบหล่อๆ ก็คงต้องบอกว่า...มันเป็นความพ่ายแพ้แค่นัดหนึ่ง

แพ้ 1 ประตู หรือแพ้ 7 ประตู ก็คือแพ้เหมือนกัน และก็ 0 แต้มเท่ากัน

...ว่าแล้วเงยหน้าขึ้น ลุกขึ้นมาใหม่ และมองไปข้างหน้า

นี่คือการปลอบใจตัวเองแบบหล่อๆ ครับ 

แต่หากผู้เล่นในเครื่องแบบปีศาจแดงมีความเป็นมืออาชีพ เช่นเดียวกับมีสติกันมากกว่านี้สักนิด

ต่อให้แพ้ยับเยิน แต่ก็คงไม่ถึงขนาดโดนระเบิดถังขี้ ประหนึ่งถูกเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปใน Rule Darkz แบบนี้แน่นอน

จังหวะที่ ลิเวอร์พูล ได้ประตูเพิ่มจนไหลไปถึง 7 ดอก หลายประตูเหมือนมีดวงมาช่วย เหมือนสกัดมา 'เข้าทาง' 

แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียด มันไม่ใช่เรื่องของโชคดวงอะไรสักหน่อย มันบังเกิดจากความมั่วซั่ว และไม่เอาอะไรของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นแหละ

เห็นแล้วก็น่าอดสูยิ่งนัก

พวกพรี่ๆ แม่งวิ่งกันเป็นม้าโฉด เหี้ยมโหดโคตรเหียด พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วแรงเป็นสิบล้อเบรคแตกเมายาบ้า มาแต่ละดอกเนื้อๆ เน้นๆ ทั้งนั้น

ขนาดปีศาจแดงเด๊ดห่าแล้วเอาไปฝังตั้งแต่นำ 3-0 ยังอุตส่าห์ขุดซากศพขึ้นมาใหม่ แล้วบรรจงกระทืบซ้ำๆๆๆๆๆ อยู่อย่างนั้น ยกมือขอโทษแล้วก็ไม่ยอมหยุดเหมือนเคียดแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

ใจร้ายมากค่ะ-ขอบอก

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport