เลขที่ออก 7-0

เลขที่ออก 7-0
"We want Six We want Six"กระหึ่มไปทั่วแอนฟิลด์ทันทีที่ดาร์วิน นูนเยซโหม่งประตูที่สองของตัวเองและเป็นลูกที่ห้าให้ลิเวอร์พูลในนาที75

ความหมายของเดอะ ค็อปที่ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มกันทั่วหน้าก็คือต้องการเห็นลูกที่6อีก ไม่ยอมให้ทีมพอใจแค่ตรงนี้เพราะเกมกำลังสนุก ที่สำคัญกำลังถลุงคู่อริตลอดกาลราวกับบอลอยู่คนละดิวิชั่น

ครับ หลังจากนั้นไม่นานปรารถนาก็เป็นจริงเมื่อโม ซาล่าห์กระทุ้งเผาขนให้ทีมได้ลูกครึ่งหลัง สกอร์ขยับ6-0โดยยังส่งผลให้ดาวเตะอียิปต์กลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูลที่ยิงได้มากสุดในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย ทั้งหมด129ประตู

ทันใดนั้นเองแอนฟิลด์ก็ดังขึ้นมาอีกรอบด้วยจังหวะเดิม มีแค่เปลี่ยนคำเท่านั้น"We want Seven We want Seven"

จะหาเหตุผลใดสักกี่สิบข้อดีเพื่อมาอธิบายถึงทุกอย่างที่ปรากฎในศึกแดงเดือดระลอกล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์? นี่มันย้อนรอยซีซั่นที่แล้ว ไม่ใช่ซิ-ต้องใช้คำว่าแมนฯยูไนเต็ดภายใต้เอริค เทน ฮากยับเยินกว่าด้วยซ้ำเพราะโดนไป7-0    


เป็นสกอร์ที่เหลือเชื่อแน่เพราะชั่วโมงนี้ผีแดงไม่เหมือนเดิมแล้ว เป็นทีมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ กำลังมีความมั่นใจโดยเพิ่งได้ถ้วยคาราบาว คัพมาสัปดาห์ก่อน ในขณะเดียวกันรายการอื่นๆก็ยังถือว่ามีลุ้นรวมถึงในลีกด้วยก็ตาม

เอาว่าในทีมของเทน ฮากแพ้ไปแค่ 2 จาก 32 เกมหลังเท่านั้นทุกรายการเท่านั้น ทว่าวันนี้กับนัดนี้ไมื่ใช่การแพ้ปกติด้วย มันเป็นการยับเยินให้ลิเวอร์พูลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หนสุดท้ายที่ยิงเยอะที่สุดต้องย้อนไปปี1895(สกอร์7-1)โดยเวลานั้นทีมท่ีได้แชมป์ลีก20สมัยอันสูงสุดของประเทศยังใช้ชื่อเก่าว่านิวตัน ฮีธอยู่เลย

ความจริงก็คือถ้าดูรูปเกมในครึ่งแรก เฉพาะยิ่ง40นาทีแรกก็ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจะออกมาแบบนี้ ความจริงของรายละเอียดเกมก็มีโอกาสด้วยที่ทีมเยือนจากแมนเชสเตอร์พังตาข่ายได้เพียงแต่ขาดความเด็ดขาดแถวหน้าปากประตูเท่านั้น

ตรงกันข้ามเลยกับอีกฝั่ง

ตรงกันมากที่ทำให้ผมต้องนึกถึงศัพท์ว่า'เครื่องจักรสีแดง'

พวกเขาบดขยี้อย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีว่าจะปิดสวิทช์ผ่อน ลองเกมเตะกันต่อไปก็คงได้เห็นสกอร์ที่ขาดลอยกว่าเจ็ดลูกแน่ นี่เป็นสไตล์ที่เราเคยชินกับหงส์แดงยุคเจอร์เก้น คล็อปป์มาตลอด นี่เองก็ยังเป็นสัญญาณเตือนไปถึงหลายต่อหลายทีมว่านกสีแดงตัวนี้ได้กลับมาแล้วแถมกลับมาในเแมตช์สำคัญพอดีอีกต่างหาก

รอยยิ้มกว้างขวางของเจอร์เก้น คล็อปป์ในเพรส คอนเฟอเรนซ์ก็คล้ายเป็นอีกเสียงที่ยืนยัน"ไม่มีคำพูด นี่คือเกมฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม นี่คือผลงานอันสุดยอดของพวกเราในการเจอทีมที่กำลังเข้าฟอร์ม"

คอดี้ กัคโปก็มีเกมที่ดีสุดนับแต่ย้ายมาตลาดหน้าหนาว

จะว่าเรื่องตลกร้ายก็ได้เนื่องจากอดีตตัวรุกพีเอสวีนั้นเคยเป็นเป้าหมายของเทน ฮากมาก่อน เรียกว่ามีข่าวโยงหนาหูกว่าหงส์ซะด้วย

มันก็อาจไม่มีเกมไหนที่สามประสานแดนหน้าของลิเวอร์พูลต่างช่วยกันยิง ช่วยกันทำทางและช่วยกันทำเพื่อทีมเท่านัดนี้เช่นกัน

สิบนาทีท้ายของเกมที่หันไปดูก็พบเก้าอี้ว่างเกินครึ่งจากฝั่งเร้ด อาร์มี่ส์ ก็ชัดเจนว่าเทน ฮากคิดอย่างไร? เขาเอากาซิเมโร่กับลิซานโดร มาร์ติเนซออกพร้อมกันแม้ว่าทั้งคู่เป็นแกนหลักของทีมโดยเฉพาะรายแรกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาล

แต่ก็อาจจะไม่มีเกมไกนแล้วที่มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลออกทะเลเท่านัดนี้ บทบาทกับเกมมีน้อยกว่าทุกนัด ค่าเฉลี่ยผ่านบอลก็มีเปอร์เซนต์แม่นยำเพียง62%เท่านั้นอีกต่างหาก(ในสิบเอ็ดตัวจริงมีแคดีโอโก้ ดาโล่ต์ที่เลวร้ายกว่า)

นี่คือเกมที่แย่ที่สุดของเทน ฮากนับแต่มาอังกฤษ นี่ก็ยังเป็นเกมที่มีสภาพที่ดูไม่ได้ที่สุดนับจากศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้กับซิตี้ที่เอติฮัด สเตเดี้ยมก็ไม่ใช่เรื่องต้องมาถกกันว่าแมนฯยูไนเต็ดชุดนี้พร้อมหรือยังจะท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก?

ก็ไม่ใช่เรื่องต้องมารื้อฟื้นกันว่าทำไมในบิ๊กแมตช์อย่างยิ่งแดงเดือดในแอนฟิลด์ถึงไม่ควรเอาเรื่องอันดับตารางมาเป็นบรรทัดฐาน

ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจำเป็นต้องเขียนหรือเด็กหงส์ต้องอวยทีมตัวเองว่าในวันที่ลิเวอร์พูลอยู่ในฟอร์มตัวเองจะเกิดอะไรขึ้น...พวกเขาชนะได้ทุกทีมที่มาแอนฟิลด์

7-0ก็เป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อจริงๆแต่มันเป็นไปแล้ว


"ไก่ป่า"


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ไก่ป่า
เอกราช นิติสุทธิ์สกุล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport