วนมาถึงอีกครั้งสำหรับศึก "แดงเดือด" หรือการเจอกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ทีมยักษ์ใหญ่ของเกาะอังกฤษ โดยยกนี้จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม และสังเวียนจะเป็นที่ แอนฟิลด์ รังเหย้าของ "หงส์แดง"
ก่อนที่การศึกครั้งนี้จะเริ่มขึ้นนั้นมันมีเกร็ดที่น่าสนใจหลายอย่างเกี่ยวกับการเจอกันเองระหว่างทั้ง 2 ฝั่งด้วย ไม่ว่าจะในฐานะทีมหรือในฐานะนักเตะก็ตาม และวันนี้เราก็เอาเรื่องเหล่านั้นมานำเสนอเพื่ออรับกระแสเกมนี้กัน
- แอนฟิลด์ แข็งแกร่ง
ปกติแล้วทีมที่ได้เล่นในบ้านมักจะได้เปรียบทีมเยือนอยู่แล้ว ซึ่งกรณีของ ลิเวอร์พูล เข้าข่ายนั้นมากเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาไม่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในบ้านของตัวเองมา 6 นัดติดต่อกันแล้ว แบ่งเป็นการชนะกับเสมออย่างละ 3 เกม
ครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล แพ้อริตัวฉกาจที่ แอนฟิลด์ คือการพ่าย 0-1 เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2016 ซึ่งผลงานดังกล่าวทำให้ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในบ้านของตัวเองติดต่อกันนานที่สุด นับตั้งแต่ที่เคยไร้พ่าย 9 เกมรวดระหว่างช่วงปี 1970-1979 ด้วย
สำหรับฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เองนั้น พวกเขามีสถิติการทำประตูไม่ดีเท่าไหร่เวลามาเยือนที่นี่ เพราะทำได้เพียงลูกเดียวจาก 7 นัดหลังสุดในทุกรายการที่มาเยือน แอนฟิลด์ แถมหากเกมในวันอาทิตย์นี้เจาะตาข่ายไม่ได้อีกมันก็จะทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงที่นี่ไม่ได้เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันในทุกรายการเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของศึกแดงเดือดนั้น ก่อนหน้านี้มีเพียงครั้งเดียวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถทำสกอร์ในการเยือน แอนฟิลด์ ได้มากถึง 4 นัดติด โดยเกิดขึ้นในช่วงปี 1988-1992
- โอกาสเบิ้ลของ แมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างที่รู้กันดีว่าการเจอกันครั้งแรกในฤดูกาลนี้นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะไป 2-1 ซึ่งนี่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะชนะคู่ปรับทั้งไปและกลับภายในซีซั่นเดียวกันได้เป็นหนแรกนับตั้งแต่ที่เคยทำอย่างนั้นได้ในฤดูกาล 2015-16 เลยทีเดียว
นอกจากนี้ รู้หรือไม่ว่าในบรรดาคู่แข่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอใน พรีเมียร์ลีก นั้น ลิเวอร์พูล ก็คือคู่แข่งที่พวกเขาเก็บชัยแบบไป-กลับภายในซีซั่นเดียวกันได้มากที่สุดด้วย หลังทำอย่างนั้นได้ถึง 8 ครั้งด้วยกัน
- คล็อปป์ สถิติดี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้ ลิเวอร์พูล มีภาพรวมที่แข็งแกร่งขึ้นและสามารถต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ดีแทบทุกนัด โดยจนถึงตอนนี้ คล็อปป์ ได้นำ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 17 นัดในทุกรายการ ซึ่งในจำนวนนั้น "หงส์แดง" แพ้แค่ 4 นัดเท่านั้น ส่วนที่เหลือแบ่งเป็นการชนะ 6 เกมกับเสมอ 7 ครั้ง
- แรชฟอร์ด กับความท้าทายครั้งใหญ่
ปัจจุบัน มาร์คัส แรชฟอร์ด คือหนึ่งในกองหน้าที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดของโลก หลังจากสามารถทำประตูได้แทบทุกนัด ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานที่ดีตามไปด้วย และในด้านหนึ่งนั้น เขาก็ค่อนข้างจะถูกโฉลกกับการเจอ ลิเวอร์พูล เช่นกัน
ทำไมน่ะหรือ ? นั่นก็เพราะนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2017-18 เป็นต้นมานั้น เขาเป็นหนึ่งใน 2 คนที่สามารถเจาะตาข่าย ลิเวอร์พูล ได้มากที่สุด หลังยิงไป 6 ประตูเท่ากับ แฮร์รี่ เคน นั่นเอง อย่างไรก็ตาม เกมในวันอาทิตย์นี้ก็ถือเป็นบททดสอบสุดหินของ แรชฟอร์ด เช่นกัน เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยทำประตูกับการเล่นที่ แอนฟิลด์ ได้เลย
- ซาลาห์ นำโชค
ถ้าหาก แมนฯ ยูไนเต็ด มี แรชฟอร์ด เป็นตัวความหวังในเกมเดงเดือดแล้วล่ะก็ ฝั่งของ ลิเวอร์พูล ก็คงจะหนีไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์ เพราะพักหลังมานี้เขามักจะทำผลงานได้โดดเด่นเมื่อต้องดวลกับ "ปีศาจแดง"
หลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนั้นได้ดีกว่าอะไรทั้งหมดก็คือจนถึงตอนนี้นั้น ซาลาห์ สามารถยิงใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 8 ลูกเข้าไปแล้ว ซึ่งมันมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเจาะตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าเขา นั่นคือ อลัน เชียเรอร์ ที่เคยทำได้รวมแล้ว 10 ลูกนั่นเอง
- เด็กเกร็ดบอล -