ช่วงพ.ย.ปีที่แล้วแถลงการณ์ของสโมสรลิเวอร์พูลประกาศออกมาเรื่องหาผู้ร่วมทุน กลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่โต โดยเฉพาะสื่ออังกฤษชี้นำไปทาง "ขาย" สโมสร
ทำไมคิดเช่นนั้น...ก็มีเหตุผลรองรับกันอยู่แล้ว
เพราะมันคือการวิเคราะห์ข่าวจากข้อเท็จจริง
1 เศรษฐกิจอังกฤษตกอย่างหนัก เงินเฟ้อสูงสุด นับออกจากสหภาพยุโรป วันนี้ค่าเงินปอนด์แข็งตัว แลกได้ 41-42 บาทต่อ £1 จากที่เคยแตะระดับ 50-55 บาทต่อ £1 มานาน หากไม่รีบขาย "กำไร" ที่จะได้ลดลงฮวบฮาบ
2 ถึงจุดอิ่มตัวในการปั้น "มูลค่า" ลิเวอร์พูลที่ช้อนซื้อหนี้ธนาคารหลวงแห่งสกอตแลนด์ £300 ล้าน เมื่อปี 2010 ถ้าขายก็ตีราคากันประมาณ £2-4 พันล้าน ถือว่ากำไรมหาศาลในแง่ธุรกิจ (ไม่ร่วมค่าเงินเฟ้อ13ปี)
3 นับจากนี้มันอาจจะเป็นการถอยหลังเรื่องความสำเร็จในสโมสร เพราะต้อง "ลงทุน" อีกครั้งใหญ่หากหวังเป็นเจ้ายุโรป, แชมป์พรีเมียร์ลีก รวมทั้งรักษาแบรนด์สโมสรให้ยั่งยืนในกลุ่มทีมชั้นนำระดับโลก มันอาจจะต้อง "ลงทุน" เยอะกว่าที่ผ่านมา 7 ปี
4 การแต่งตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของโลก (อยู่ที่สหรัฐ)
ทั้ง Goldman Sachs และ Morgan Stanley (คนละบริษัทกัน) มาให้คำปรึกษาเรื่องการเงิน, การลงทุน,เรื่องหุ้น นั่นคือหนึ่งในบันไดที่นำไปสู่การ "ขาย" ด้วยเพราะท้ายที่สุดแล้วมูลค่าหุ้นของสโมสรจะถูกประเมินเป็น "มูลค่า" สโมสรได้
มุมนี้สื่ออังกฤษมองว่า "ขุดบ่อล่อปลา" หรือไม่ก็ "โยนก้อนหินถามทาง"
ผมเองเขียนลงเพจ jackie ไปเมื่อช่วงพ.ย.ปีก่อนพร้อมฟันธงว่าไม่ช้าก็เร็วน่าจะถึงเวลา "ขาย" ทีมลิเวอร์พูล
กระทั่ง....เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมาทั้ง เดอะ ไทมส์, ไฟแนนเชียล ไทมส์ สื่อสายธุรกิจกีฬา แทบลอยด์อังกฤษทั้งหลายประโคมข่าวว่า จอห์น เฮนรี เจ้าของสโมสรยืนยันไม่ขายลิเวอร์พูล แค่ต้องการหาผู้ร่วมทุนเท่านั้น
จากเดอะ ไทมส์ นำบทสนทนาโต้ตอบกันผ่านอีเมลของ บอสตัน สปอร์ต เจอร์นัล (สื่ออเมริกันเกมส์ ที่นำเสนอเรื่องกีฬาในบอสตัน ทั้งเบสบอล, บาส, ไอส์ ฮอกกี้....)
หลายคำตอบก็ชัดเจนดี
จะอยู่อังกฤษไปตลอดหรือไม่.....ไม่
กำลังจะขายลิเวอร์พูลหรือไม่.....ไม่
กำลังคุยกับนักลงทุนอยู่ใช่หรือไม่....ใช่
จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น (ลิเวอร์พูล).....ผมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น แต่จะไม่มีการขายสโมสร
ประโยคต่อมาย้อนถามนักข่าวกลับว่า "20กว่าปีที่ผ่านมา พวกเราได้ขายทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาหรือเปล่าละ?"
จอห์น เฮนรี เน้นย้ำกว่า "กำลังอยู่ในขั้นตอนการหาผู้ร่วมลงทุนกับสโมสร"
การออกมายืนยันเช่นนี้อาจสร้างความเซ็งให้กับกลุ่มแฟนบอลที่อยากให้ FSG ขายสโมสร เพื่อเปลี่ยนเจ้าของที่มีเงินมหาศาลแบบ แมนฯซิตี้, เปแอสเช, นิวคาสเซิล หรือกระทั่งว่าที่เจ้าของใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด
เพื่อนำเงินมาทุ่มซื้อนักเตะให้ทีมคว้าแชมป์แล้วแฟนๆจะได้ดูบอลอย่างมีความสุขกัน โดยไม่อายหรือโดนล้อหนักมากเหมือนซีซั่นนี้
เอ่อ...การซื้อและการขายสโมสรฟุตบอลคงไม่ใช่การไปซื้อปลาทูที่ตลาดถนอมมิตร แถววัชรพลนะครับ 555
กระนั้น..FSG อาจจะยังไม่พิจารณาขายสโมสรตอนนี้ เพื่อยุติข่าวลือทั้งหลายทั้งปวงที่มีมาตั้งแต่ พ.ย. สุดท้ายแล้วที่เรารู้กันตามข้อเท็จจริง ไม่มี "ข้อเสนอ" อะไรตามข่าวลือที่ออกมา
เพจ jackie จะไม่สะเปะสะปะเรื่องข่าวลือ เพื่อเรียกร้องความสนใจากคนอ่าน และคนอ่านเองก็ต้องเสพข่าวอย่างมีสติ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ในยุคโซเชียลนะครับ เพราะยุคนี้ใครก็ทำเพจได้ แค่พาดหัวเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ทุกคนฮือฮา ผมเองก็รู้สึกรำคาญที่พรรคพวกไปติดตามเพจ อะไรมากมาย แล้วชอบมาถาม "เฮ้ย จริงมั้ย"
แม้โลกเปลี่ยนแปลง...แต่ดูเหมือนคนในหลายสังคมไม่ได้เปลี่ยนไป "ข่าวลือ" นี่เหมาะกับคนไทยมากเลย แค่ทำให้เห็นชัดขึ้นผ่านโซเชียล เพราะคนเชื่อกันง่าย เหมือนสมัยก่อน ผู้คนต่างซุบซิน นินทา กันปากต่อปาก แต่ยุคนี้ผ่านสื่อโซเชียล
แต่ก็แปลกนะครับ....คนกลับเชื่อโดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มา ว่ามั่นใจได้อย่างไรกับสื่อโซเชียลเหล่านั้น หรือว่าคนยุคนี้ไม่สนใจที่มาที่ไป สาระเหตุผล ต้องการเชื่อและชอบในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อและชอบ
เรื่องราวของ FSG วันนี้ชัดเจนในประเด็นที่ว่า "ไม่ขายทีม" แต่กำลัง "หาผู้ร่วมทุน"
หลังการประกาศของ FSG เมื่อวันจันทร์ ปรากฏว่าคืนวันอังคาร ลิเวอร์พูลโดน เรอัล มาดริด ล่อคาบ้านซะยับเยิน กลายเป็นบอลคนละชั้น
คนละชั้นในแง่...คุณภาพในการเล่นของบางพื้นที่ในสนาม ส่วนสกอร์มาตอกย้ำให้มันชัด คือถ้าแพ้ 3-2 ก็อาจไม่หนักเท่ากับแพ้ 5-2
กระนั้นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนเหมือนที่ FSG ไม่ขายลิเวอร์พูล (ในเวลานี้หรือปีสองปีนี้) นั่นคือทีมชุดแชมป์และฟุตบอล เกเก้น เพรสซิง อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มันถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว โดย เรอัล มาดริด เป็นผู้บอกชาวโลกเองว่า "มันจบแล้วครับJK"
จากนี้ FSG คงจะต้องโดนแรงเสียดสีจากสื่อและแฟนบอลต่อไปในเรื่องการลงทุนครั้งใหญ่ ช่วงซัมเมอร์นี้ต่อการซื้อนักเตะมาเสริมทีมถ้าหาก "เป้าหมาย" คือ "เจ้ายุโรป" และ "แชมป์พรีเมียร์ลีก"
หากใช้วิธีการเดิมๆ ซื้อเกรดบี มาปั้นให้เข้าระบบ ก็ต้องใช้เวลาสร้างทีมอย่างน้อยๆก็ 2 ปีกว่าๆจะเห็นผล เพราะตอน เจเค มาทำงานครึ่งซีซั่น 2015-16 ได้ลุ้นแชมป์กับแมนฯซิตี 2018-19 ที่ได้รองแชมป์ "แต้มสูง" กว่าแชมป์ ก่อนที่ซีซั่น 2019-20 ทีมคว้าแชมป์
2 ซีซั่นครึ่งรองแชมป์ชปล.
3 ซีซั่นครึ่งเจ้ายุโรปและรองแชมป์ PL
4 ซีซั่นครึ่งจึงได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
จำนวนแชมป์ได้ครบหมด...ใน 7 ฤดูกาลที่ เจเค คุมทีมและ FSG ลงทุนกับการซื้อนักเตะช่วงสามสี่ปีแรก แต่พอหลังได้แชมป์การซื้อนักเตะเสริมศักยภาพหรือเพื่อรักษามาตรฐานดูน้อยลงกว่าช่วงที่ยังไม่ได้แชมป์ และเป็นการเกาไม่ถูกที่คันอีก
เช่นกันครับ....เวลานี้ทีมซื้อขายฝั่ง ผู้อำนวยการกีฬาและทีมงานวิจัย, วิเคราะห์ ข้อมูล ต่างพากันทยอยกันโบกมือลาสโมสรตั้งแต่ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์, เอียน แกรม และสิ้นสุดซีซั่นนี้ จูเลียน วอร์ด ก็จะออกไปอีกคน
รวมทั้ง ไมค์ กอร์ดอน ประธานกลุ่ม FSG (เฮนรี เจ้าของ) ที่เป็นประธานสโมสรทำงานต่อเนื่องจากสหรัฐกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ลงจากตำแหน่งเป็น บิลลี โฮแกน ceo สโมสร (อยู่ในอังกฤษ) ที่ก้าวขึ้นมารับงานแทน ช่วงที่มีแถลงการณ์หาผู้ร่วมทุนพ.ย.ปีที่แล้ว
FSG ก็ต้องค้นหาหรือจ้าง "มือดี" มาทำงานแทนในกลุ่มซื้อขายนักเตะซึ่งต้องทำงานร่วมกันกับ คล็อปป์
นี่มันคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนอกสนามอย่างชัดเจน ส่วนในสนามคงไม่มีทางเลือกหากหวังสู้กับชาวบ้านมันต้องมีการเปลี่ยนแปลงชุดนักเตะในแบบฉบับที่ต้องใช้คำว่า "โละ" ออกไปหลายๆคน เหลือไว้แค่แกนนำที่มีความสำคัญเท่านั้น
ดังนั้น ทิศทางลิเวอร์พูลหลังหมดซีซั่น 2022-23 น่าสนใจยิ่งนัก
การลุ้นจบท็อปโฟร์ ซึ่งเวลานี้เหลือเป้าหมายเดียวที่จับต้องได้ ส่วน ปาฏิหารย์ ที่เบร์นาเบว นั้นเอาจริงๆก็เป็นวลีโลกสวยเท่านั้นเอง เพราะด้วยคุณภาพการ "ป้องกัน" จากทั้งแดนกลางและแนวรับหงส์แดง ยังจดๆจ้องๆ ไม่เข้าบอล ยืนมาร์คกิ้งเสื้อสีแดงกันเอง เหมือนล่าสุด
คงโดนอีกไม่ใช่น้อยๆ
ถ้าไม่จบท็อปโฟร์ ไปยูโรปา ลีก (เชื่อว่าแย่สุด)
เงินที่จะเข้าสโมสรน้อยลงไปกว่าครึ่ง แล้ว FSG จะหาผู้ร่วมทุนอย่างที่ได้ RedBird Capital Partners (เมื่อปี 2021) กว่า £500 ล้าน ได้ในอีก 3-4 เดือนหรือไม่ ถ้ายังไม่มีใครสนใจมาร่วมทุน FSG จะต้องควักเนื้อ ซึ่งคงต้องวัดใจ จอห์น เฮนรี ว่า......."ใจถึงพึ่งได้" เหมือน ป๋าวัน อยู่บำรุงหรือไม่
ถ้าใจไม่ถึงพึ่งไม่ได้ ลิเวอร์พูลอาจจะกลายเป็นทีมในกลุ่มลุ้นพื้นที่ระหว่าง ยูโรปา ลีก กับอันดับสามและสี่ คงไม่ได้มาร่วมลุ้นแชมป์อย่างที่แฟนๆต้องการ
ถ้าไม่คิดมาก...ก็เชียร์กันอย่างมีความสุข (น้อยๆ) ต่อไป #ynwa
ถ้าคิดมาก....ก็คงต้องเปลี่ยนไปเชียร์ แมนฯ ซิตี้ หรือไม่ก็ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งเชียร์ลิเวอร์พูล มาจนถึงยุคพรีเมียร์ลีก มันเปลี่ยนไปเชียร์ แมนฯยูฯ ซะอย่างนั้น
JACKIE