"ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" บางครั้งการที่สโมสรควักกระเป๋าทุ่มเงินเพื่อซื้อนักเตะบางคนมีโอกาสที่จะโดนวิจารณ์ว่าคุ้มหรือไม่เพราะผู้เล่นคนนั้นอาจไม่ได้เก่ง หรือพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองมากนัก แถมแฟนบอลยังรู้สึกงงที่ทีมรักยอมจ่ายเงินเพื่อแข้งที่ดูแล้วไม่น่าจะ "แบก" ทีมได้
อย่างในกรณีของ เควิน เดอ บรอยน์ และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ พวกเขาก็อยู่ในข่ายที่เคยโดนวิจารณ์ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ใช้เงินมากเกินไปในการซื้อนักเตะแบบนั้น แต่สุดท้ายทั้งสองคนสามารถใช้ฝีเท้าเพื่อยุติเสียงวิจารณืเหล่านั้นได้สำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแข้งอีกหลายคนที่เคยโดนปรามาสต่างๆ นานาจากตัวเลขค่าตัวที่ต้นสังกัดทุ่มซื้อ แต่งานนี้ขอยกมา 5 รายที่โดดเด่นและทำให้คอลูกหนังจดจำได้ไม่มีวันลืมว่าพวกเขาเป็นนักเตะที่คุ้มกับเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ที่สโมสรจ่ายไปจริงๆ
เควิน เดอ บรอยน์ ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่าตัว 54 ล้านปอนด์ (ราว 2,268 ล้านบาท)
เดอ บรอยน์ ย้ายไปเล่นกับ "เรือใบสีฟ้า" เมื่อปี 2015 โดยตอนนั้นเจ้าตัวยังไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกในฐานะเพลย์เมกเกอร์แห่งยุค และโดน พอล เมอร์สัน ตำนานอาร์เซน่อล วิจารณ์ว่านี่คือการเซ็นสัญญาที่โคตรตลกสิ้นดี !
มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียม ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม แค่ 18 เดือนหลังจากที่ เชลซี ขายเขาไปให้กับ โวล์ฟสบวร์ก และนักเตะทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับทัพ "หมาป่าเมืองเบียร์" ส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ ยอมทุ่มเงินเพื่อซื้อเจ้าตัวมาปั้นเกมแดนกลาง
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน เดอ บรอยน์ นำ แมนฯ ซิตี้ ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และคาราบาว คัพ 5 สมัย นอกจากนี้ยังได้รางวัลส่วนตัวมากมาย อาทิ นักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 สมัย, แข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ 2 สมัย เป็นต้น
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ย้ายไป ลิเวอร์พูล ค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,150 ล้านบาท)
ฟาน ไดค์ เป็นที่หมายปองของลิเวอร์พูลมานานช่วงที่เล่นให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน และในที่สุดเจ้าตัวก็ได้ย้ายไปอยู่กับ "หงส์แดง" สมใจปรารถนา ในช่วงตลาดนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมปี 2018
แม้ว่าเรื่องความสามารถของ แนวรับชาวดัตช์ จะไม่มีอะไรต้องสงสัย แต่มีคำถามมากมายว่าพรสวรรค์ของเขามันเหมาะกับค่าตัวมหาศาล 75 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นสถิติโลกในการซื้อกองหลัง (ในตอนนั้น) หรือไม่
ตลอด 5 ปีที่อยู่ในแอนฟิลด์ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "เดอะ เร้ดส์" ใช้เงินได้คุ้มค่าที่สุด เพราะเขาคือหนึ่งในแข้งคีย์แมนของทีมด้วยการนำสโมสรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ, เอฟเอ คัพ และ คาราบาวคัพ
ชูเอา กันเซโล่ ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่าคัว 60 ล้านปอนด์ (ราว 2,520 ล้านบาท)
ก่อนที่จะย้ายมาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2019 ชูเอา กันเซโล่ เคยต้องล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งตอนที่เล่นกับ เบนฟิก้า, อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส
ตอนที่ย้ายมาเล่นกับ "เรือใบสีฟ้า" ดูเหมือน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก งานนี้ทำให้หลายๆ คนคิดว่า กันเซโล คงได้พบกับความล้มเหลวอีกครั้งภายใต้การทำงานร่วมกับกุนซือชาวสแปนิช
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าขึ้นอย่างต่อเนื่องจะการเป็นฟูลแบ็กที่เล่นเกมรับได้แข็งแกร่งและเติมเกมรุกได้ดุดัน โดยสามารถแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีม และบางครั้งก็ยิงประตูด้วยตัวเองก็ได้
ดาวเตะชาวโปรตุกีส มีส่วนสำคัญช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 2 สมัยติดต่อกัน (2020/2021 และ 2021/2022) นอกจากนี้เขายังพัฒนาฝีเท้าให้สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ทั้งการสวมบทบาทฟูลแบ็กซ้าย-ขวา, เล่นปีกกับมิดฟิลด์ก็ได้ แต่ปัจจุบันนักเตะย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ดีโอโก้ โชต้า ย้ายไป ลิเวอร์พูล ค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,680 ล้านบาท)
ดีโอโก้ โชต้า ถือเป็นนักเตะขวัญใจแฟนบอลวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส หลังจากสร้างผลงานดีมีคุณภาพ ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายไปเล่นให้ ลิเวอร์พูล ในปี 2020 ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ พร้อมแอดออนอีก 5 ล้านปอนด์ (ราว 210 ล้านบาท)
ผลงาน 16 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ที่ทำให้กับ วูล์ฟส์ 1 ฤดูกาลเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ โชต้า ได้ย้ายไปอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ แต่ไม่มีใครคาดหวังว่านักเตะจะได้เป็นตัวหลักของทีมเพราะในเวลานั้นแนวรุกของ "หงส์แดง" มีทั้ง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
อย่างไรก็ตาม โชต้า สามารถสร้างผลงานดีมีคุณภาพ แม้ว่าจะโดนปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ตะบันตาข่ายให้กับต้นสังกัดได้ถึง 34 ประตูและ 14 แอสซิสต์จากการเล่น 95 เกม
น่าเสียดายที่ สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ต้องประสบกับวิบากกรรมเรื่องอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาพลาดโอกาสได้ลงสนามเป็นประจำ และส่งผลต่อพัฒนาด้านฝีเท้าไปด้วย
บรูโน่ แฟร์นันด์ส ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค่าตัว 55 ล้านปอนด์ (ราว 2,310 ล้านบาท)
แม้ว่าจะเคยลงเล่นในเกมกัลโช่ เซเรีย อา มากกว่า 100 แมตช์ก็ตาม แต่คอลูกหนังไม่เคยเชื่อมั่นว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะมีศักยภาพมากพอที่จะเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตอนที่พวกเขาเซ็นสัญญานักเตะมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม 2020
แฟร์นันด์ส ทำผลงานได้ดีเยี่ยมนับตั้งแต่ย้ายกลับมาเล่นในโปรตุเกส หลังจากล้มเหลวไม่เป็นท่าในการเล่นให้กับ โนวาร่า, อูดิเนเซ่ และ ซามพ์โดเรีย ด้วยเหตุนี้่จึงทำให้ "ผีแดง" ตัดสินใจคว้าตัวมาร่วมทัพ
ผลงานของ แฟร์นันด์ส ระเบิดเถิดเทิงในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 2019/2020 ด้วยการมีส่วนร่วมกับ 15 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้กับต้นสังกัดทั้งๆ ที่ลงสนามเพียง 14 เกมเท่านั้น
ดาวเตะวัย 28 ปี คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือน 4 ครั้งในปี 2020 และยังได้นักเตะแห่งปีของ แมนฯ ยูไนเต็ด 2 ครั้งทั้งๆ ที่ค้าแข้งอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น
ปัจจุบัน จอมทัพชาวโปรตุกีส ซึ่งทำได้ 57 ประตูกับ 48 แอสซิสต์จากการเล่น 162 เกมให้กับ "เร้ด เดวิลส์" สวมปลอกแขนกัปตันทีมให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด หลายครั้งในฤดูกาลนี้ และคาดว่าในอนาคตเขาคงได้ยึดตำแหน่งนี้จาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แบบถาวร !!
ทอมเม้ง