ผมอดไม่ได้ที่จะโพสต์ตอนพักครึ่งว่า ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว..
ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานแล้วกับการเล่นของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะเกมโต้กลับ ทีมเวิร์ก และการมองเห็นช่องที่จะเข้าทำคู่ต่อสู้ที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความหวังที่จะได้เห็นประตู
เกมกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อาจจะน่าเสียดายตรงที่เจ้าบ้านพลาดเหลือสิบคนเร็วเกินไป แต่ก็ยังต้องยกเครดิตให้ลูกทีมของ เอ๊ดดี้ ฮาว ที่สู้ได้ดีและทำให้เกมสนุก
นิวคาสเซิ่ลทำได้ดีจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าแพ้แบบไร้สภาพ พวกเขาทำได้ดีมากในเงื่อนไขที่เป็นรองมากมาย โดนนำห่างสองประตูและ นิค โป๊ป นายทวารมือหนึ่งยังมาโดนไล่ออกเพียงแค่ยี่สิบกว่านาทีแรก
จะบอกว่าเกมจบรู้ผลกันตั้งแต่ตอนนั้นก็อาจจะพอพูดได้ แต่นิวคาสเซิ่ลไม่ถอดใจเลย สู้สุดกำลังและยอมแลกกับความเสี่ยงที่จะเสียประตูที่สาม
แฟนบอลลิเวอร์พูลบางคนอาจขัดใจว่าทีมได้เปรียบตัวผู้เล่นแต่ทำไมครองบอลไล่บุกบดขยี้ไม่ได้ กลับปล่อยให้เจ้าบ้านพาบอลเข้าหาและมีโอกาสหวาดเสียวเป็นระยะ น่าจะมีสัก 1-2 ประตูด้วยซ้ำทั้งจังหวะโหม่งชนคานและ อลีสซง เบ็คเกอร์ ช่วยป้องกันให้
แต่จะบอกว่าลิเวอร์พูลเป็นรองถูกนิวคาสเซิ่ลสิบคนไล่อัดข้างเดียวนั่นผมคิดว่าคงไม่ใช่ เกมที่ผมเห็นคือนิวคาสเซิ่ลบุกใส่ก็จริง อาศัยความคล่องของ อัลลัน แซงต์-แม็งซิแม็ง ที่เป็นความหวังและลุ้นโอกาสจากลูกตั้งเตะ แต่ลิเวอร์พูลไม่ขาดสมาธิเลย มีตัวรองเข้าสอดซ้อนช่วยเพื่อนในระยะที่คอยระแวดระวังอยู่เสมอ อีกทั้งยังอาศัยการอ่านจังหวะดักตัดบอลได้หลายครั้ง
ถ้าเราดูแต่จังหวะได้ยิงของนิวคาสเซิ่ล เราก็คงไม่เห็นการตัดบอลสวยๆ หลายหนจากผู้เล่นหงส์แดงแทบทุกคนกระจายกันไป และก็คงไม่เห็นการช่วยกันสอดซ้อนของเพื่อนร่วมทีมในการรับมือเกมบุกของทีมสาลิกาดง
รวมไปถึงอาจไม่เห็นโอกาสทำประตูเพิ่มครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยลูกโต้กลับจากการเลือกเล่นวิธีนี้ในสถานการณ์ที่ตัวเองถือความได้เปรียบทั้งสกอร์และผู้เล่น
บางคนอาจบ่นว่าถ้านิวคาสเซิ่ลไม่ใช้โอกาสเปลืองก็พังไปแล้ว แต่ไม่ยักกะบ่นว่าแล้วโอกาสทองของลิเวอร์พูลหลุดลอยไปมากแค่ไหน
มันก็คงแล้วแต่มุมมองจริงๆ นั่นล่ะครับ เพ่งเล็งแต่ข้อเสียก็ย่อมเจอแต่เรื่องเสียๆ แย่ๆ เป็นธรรมดา อันที่จริงใน 90 นาทีของเกมๆ หนึ่งเราสามารถเห็นได้ทั้งเรื่องดีและแย่ เกมนี้ลิเวอร์พูลก็มีผิดพลาด ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมดเสียเมื่อไหร่ แต่ในภาพรวมแล้วผมมองว่าทุกอย่างถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดระบบระเบียบและรักษาสมาธิ ควบคุมสถานการณ์ทำได้ดี ทั้งตอนที่ยังเสมอ 0-0 ตอนที่นำหนึ่งลูก สองลูก และกระทั่งหลังจากได้เปรียบตัวผู้เล่นเข้าไปอีก
ที่ผมประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นความกระฉับกระเฉงในเกมรุก โดยเฉพาะเกมโต้กลับ การตอบสนองของทุกคนดีหมดทั้งตัวจริงและตัวสำรอง
เคลื่อนที่จี๊ดจ๊าดเหมือนถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้าตลอดเวลาอย่างศัพท์ที่บรรยายว่า Electric..โดยเฉพาะ ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เร็วจรวดถึงใจดีเหลือเกิน
ครึ่งแรกชอบการปรี่เข้าบีบพื้นที่เข้มข้น ล่าเอาบอลคืนมา ครึ่งหลังพอใจการยืนรักษาตำแหน่ง อ่านเกม ดักตัดบอล และช่วยกันสอดซ้อนสกัดบอล แน่นอนครับมีพลาดเอาไม่อยู่ถูกหลุดไปยิงบ้าง แต่โดยรวมมองว่าควบคุมทุกอย่างได้ดี
การเปลี่ยนจากรับเป็นรุกน่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเกม วูบวาบทุกการขึ้นบอล มองเห็นช่องเล่นงานเจ้าถิ่นเต็มไปหมด แถมนักเตะยังต่อบอลกันตามช่องนั้นๆ เหมือนนั่งอยู่ในใจเราคนดู มันได้ดังใจ
ก็อาจเป็นอีกครั้งก็ได้ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ คิดไม่เหมือนแฟนบอล ที่บางคนอาจจะอยากเห็นทีมไล่ขยี้ให้เละ 6-0 7-0 ด้วยฟอร์มระดับซูเปอร์แมนไปเลยเพราะได้เปรียบบานเบอะและดูแล้วน่าจะทำได้
ผมคิดว่าเหตุผลนั้นพอจะทำความเข้าใจได้นะครับ หนึ่งคือคิดจะไล่ยำนิวคาสเซิ่ลที่เหลือสิบคนมันอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดก็ได้ ลูกโต้เขาก็มี ตัวเร็วเขาก็อันตราย สองคือทีมนำสองลูก ได้เปรียบตัวผู้เล่น แถมฝ่ายตรงข้ามยังเปิดหน้าแลกกลายเป็นเชื้อเชิญให้โจมตีพื้นที่ว่างด้านหลัง แล้วจะไปเปิดเกมลุยแหลกให้เสี่ยงทำไม
มันคงไม่ใช่การสู้ไม่ได้หรือเกมไม่ดีโดนสิบคนบุกใส่ แต่เป็นเรื่องการเลือกแท็กติกที่โค้ชคิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ ลองดูโอกาสทำประตูที่เกิดขึ้นก็ได้ครับ โอกาสทองที่ลิเวอร์พูลโยนทิ้งไปครั้งแล้วครั้งเล่าในครึ่งหลังก็ด้วยวิธีการเล่นแบบนี้นี่แหละ
แล้วเมื่อเวลาผ่านไป โมเมนตัมและเรี่ยวแรงของนักเตะสาลิกาดงที่เล่นสิบคนต้องใช้พลังงานมากเพื่อเร่งเอาประตูตีไข่แตกก็ค่อยๆ หดหายลง เราก็ยิ่งเห็นการควบคุมสถานการณ์เบ็ดเสร็จ ได้เห็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เติมเกมสูงขึ้นและสนุกขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำในช่วง 10-15 นาทีสุดท้าย
สำหรับผมคิดว่าคล็อปป์วางแผนได้ถูกต้องและนักเตะทุกคนก็ตอบสนองได้ดี แน่นอนครับที่ต้องปรับปรุงให้ดีกว่านี้ย่อมมีอยู่แล้ว อย่างน้อยการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูในเกมนี้ก็ยังไม่เฉียบขาดพอ
แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าเป็นเกมที่น่าพอใจมาก
ลองมองโอกาสของลิเวอร์พูลและวิธีการเข้าทำในเกมนี้ดูอีกครั้ง ผมก็ยังบอกกับตัวเองว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมาพักใหญ่ๆ แล้วจริงๆ การโต้กลับและเปลี่ยนจากรับเป็นรุกแต่ละครั้งเข้าตาดีเหลือเกิน
เหมือนเราทุกคนได้ความสดชื่นกลับมา ทั้งนักเตะ ทั้งทีมสตาฟฟ์ของคล็อปป์ และทั้งเราที่เป็นแฟนบอล
หวังว่าเมฆหมอกแห่งความวิตกกังวลจะคลี่คลายไปแล้วนะครับ อย่างน้อยการชนะเกมศูนย์ติดต่อกันเหนือเอฟเวอร์ตันและนิวคาสเซิ่ลก็เป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้
ที่สำคัญคือมันยังมีเวลาเหลือพอที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไปกว่านี้อีก เกมที่แล้วดาร์วินจ่ายให้ซาลาห์ยิง เทรนต์ผ่านให้คักโปยิง เกมนี้เทรนต์จ่ายให้ดาร์วินยิง ซาลาห์ผ่านให้คักโปยิง..
ฟีร์มิโน่หายเจ็บ โชต้าหายเจ็บ ฟาน ไดค์คัมแบ๊ก..
และเมื่อมองดูตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง พื้นที่ท็อปโฟร์ที่หลายคนเคยโยนทิ้งและยอมแพ้มันกลับมากวักมือเรียกเราอีกครั้งแล้วล่ะครับ
"ตังกุย"