การจากลาเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆ คนต้องพบเจอ แต่การต้องจากลาก่อนวัยอันควรเป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่สามารถลืมเลือนได้ โดยเฉพาะหากคนๆ นั้นเป็นญาติพี่น้องหรือลูกหลาน แต่สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้กับคนๆ นั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์หากเอาไว้เป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างมาก
แม็ทธิว เกาส์ แฟนบอลลิเวอร์พูล ต้องสูญเสีย แฮร์รี่ ลูกชายวัย 6 ขวบจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ "ลูคีเมีย" แต่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของทายาทตัวน้อยได้ส่งต่อแรงบันดาลใจและความกล้าหาญให้กับในการทำสิ่งสุดท้ายเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นที่ต้องป่วยเหมือนกับลูกชายสุดที่รัก
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 แฮร์รี่ ถูกตรวจพบเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ หรือ "ALL" จนกระทั่งในปี 2016 มะเร็งชนิดนี้ได้ลุกลามกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ หรือ "AML"
หลังจากต่อสู้กับอาการป่วยตั้งแต่เยาว์วัยตลอดระยะเวลา 3 ปี แฮร์รี่ มีอาการกำเริบอย่างรุนแรง และในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับโรคร้ายเหล่านี้ในเดือนกันยายนปี 2016
แม้ว่าลูกชายสุดที่รักจะจากไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่กว่าที่ แม็ทธิว จะทำใจได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร และพร้อมที่จะทำในสิ่งที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ต้องป่วยเป็นโรคร้ายดังกล่าว ที่สำคัญสิ่งนี้จะเป็นเหมือนความทรงจำสุดท้ายที่ทุกๆ คนจะได้จดจำ แฮร์รี่ ไปชั่วนิรันดร์
"แฮร์รี่ ใช้เวลา 3 สัปดาห์อยู่ในห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลเซนต์ จอร์จ ซึ่งเป็นที่ที่เราเสียเขาไป ในตอนเช้าที่เขาจากไป เรากลับไปที่รอยัล มาร์สเดน ในซัตตัน ซึ่งเป็นที่ที่เราเตรียมเตียงเอาไว้รอเขากลับมา"
"ไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะกลับมา คุณพยาบาลมีความกรุณามากๆ และมีอยู่ท่านหนึ่งเดินเข้ามากอดเราพร้อมกับพูดว่า -คุณคงยากจะลืมเรื่องนี้- เธอพูดถูกแต่คุณต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งนี้"
แม็ทธิว ยอมรับเขาคิดว่า แฮร์รี่ จะไม่เป็นอะไรเพราะมีการตรวจพบว่าอัตราการรอดชีวิตมีถึง 95 เปอร์เซ็นต์จากการวินิจฉันว่าเขาป่วยเป็นโรค "ALL" ในครั้งแรก "เขาเกือบที่จะจบการรักษาอยู่แล้ว ซึ่งใช้เวลา 3 ปี จากนั้นค่าเลือดของเขาก็ลดลง"
"เมื่อคุณรู้ว่ามันกกลับมาอีกครั้งนั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆ น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้นก็คือมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเกิดขึ้น จากนั้นทุกอย่างก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ" แม็ทธิว กล่าว
หลังจากการกำเริบของโรคร้ายในปี 2016 ทางเดียวที่จะรักษาโรคนี้ก็คือการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ แม้จะพบกับสเต็มเซลล์ที่เข้ากันได้แต่ร่างกายของหนูน้อยกลับตอบสนองในทางลบต่อการรักษา ทำให้เกิดภาวะสเต็มเซลล์ใหม่ต้านร่างกายผู้ป่วย ซึ่งก็คือเม็ดเลือดขาวจากผู้บริจาคโจมตีเซลล์ของ แฮร์รี่
"เราเสีย แฮร์รี่ ในอีก 8 วันหลังจากวันเกิดอายุครบ 6 ขวบของเขา" แม็ทธิว ย้อนความหลง "จากวันนั้นคุณต้องพยายามค้นหาบางสิ่งที่จะเป็นเครื่องยึดเหนียว และนั่นก็คือการทำเรื่องการกุศล"
"ตอนนั้นผมได้แต่นั่งรอและไม่มีทางช่วยอะไรได้เลย ดังนั้นคุณต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญ ผมรักษาโรคนี้ไม่ได้แต่ผมสามารถวิ่งได้ บางทีเราน่าจะพยายามทำสิ่งนี้ แฮร์รี่ จากไปแล้ว แต่เขาจะต้องภาคภูมิใจกับสิ่งที่เรากำลังจะทำ หากสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อเด็กซักคน มันก็คุ้มค่าที่สุดแล้ว"
คุณพ่อวัย 47 ปีเคยแสดงความไว้อาลัย แฮร์รี่ ในวันครบรอบ 5 ปีที่เขาจากไปด้วยการปั่นจักรยานจาก ลอนดอน ไป ปารีส เพื่อระดมเงินบริจาคสำหรับ "Cure Leukaemia" ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลด้านมะเร็งเม็ดเลือดแห่งชาติ โดยจะช่วยผู้ป่วยให้ได้รับการรักษา รวมทั้งให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการทดลองด้านการแพทย์
สำหรับในปี 2023 แม็ทธิว มีแผนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแบบเดิม แต่จะไม่ใช่การปั่นจักรยานอีกต่อไป เพราะเขาและมิตรสหายร่วมอุดมการอีก 8 คน จะวิ่งตั้งแต่ ลอนดอน ไปยัง ปารีส พร้อมเป้าหมายระดมทุนให้ได้ 100,000 ปอนด์ (ราว 4.2 ล้านบาท) เพื่อนำมาใช้สนับสนุนในการรักษาโรคร้ายนี้
"สำหรับผมมันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับองค์กรการกุศลที่จะช่วยโอบอุ้มพวกคุณ พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าครอบครัว แคร์ ลูคีเมีย และมันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ คุณพร้อมที่จะก้าวผ่านความยากลำบากเพื่อผู้คนเหล่านี้ และมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด"
นอกจากนี้ แม็ทธิว ยอมรับว่าฟุตบอลเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงและให้กำลังใจกันและกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากคนที่คุณได้รู้จักเป็นครั้งแรกจะเลือกทีมเชียร์เหมือนกัน "ฟุตบอลเป็นหนึ่งเดียวที่สุดยอดที่สุด คุณไม่มีทางรู้จักพ่อที่นอนอยู่เตียงตรงข้ามกับคุณพร้อมกับเด็กน้อยที่ชื่อ อดัม"
"แต่ถ้าเขาสวมเสื้อลิเวอร์พูลคุณรู้ได้ทันทีว่าคุณมีบางอย่างที่เหมือนกัน ฟุตบอลทำให้คุณก้าวออกจากโลกแห่งความจริงได้ในช่วงเวลา 90 นาที แทนที่จะใช้คำว่า -คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย- สำหรับผมมันกลายเป็น -คุณจะไม่มีวันวิ่งเพียงลำพัง-"
"เพราะนี่จะเป็นบทเพลงที่ผมขับร้องออกมาตลอดตอนที่ผมกำลังวิ่งฝ่าความมืดมิด เราคงจะได้ร้องเพลงนี้กันเยอะแน่นอนในช่วงระหว่างทางที่วิ่งไปยังปารีส" แม็ทธิว กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน ศาสตราจารย์ วินน์ วัย 57 ปีซึ่งเป็นนักโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็กจากเมืองลิเวอร์พูล เปิดใจเกี่ยวกับการที่เคยมีโอกาสได้ร่วมปั่นจักรยานครั้งที่แล้วว่า "ผมเคยปั่นจักรยานกับ แม็ทธิว เมื่อปีที่แล้ว และผมได้แรงบันดาลใจมาจากการตอบสนองต่อการสูญเสียของเขา"
"สำหรับ แม็ท การระดมทุนเป็นการเปิดโอกาสให้กับครอบครัวอื่นๆ ที่จะได้ไม่ต้องประสบกับปัญหาแบบเดียวกับเขา ผมหวังว่าเรื่องราวแบบเดียวกับเขาจะไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ และหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถรักษาเด็กๆ ได้มากขึ้น"
สิ่งที่ แม็ทธิว ทำมาตลอดหลายปี คงทำให้ แฮร์รี่ ที่อยู่บนสวรรค์ภาคภูมิใจที่สุด