เรียนตามตรง...พลพรรคปีศาจแดงโชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยไฉไลสักเท่าไหร่ แต่ตอนจบ พวกเขากลับออกมาจาก เอลแลนด์ โร้ด พร้อมชัยชนะในภาค 2 ของสงครามกุหลาบประจำฤดูกาลนี้
และนี่คือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก
1.หลังจากเพิ่งเซิ้งแข้งกันที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เอริค เทน ฮาก ปรับเปลี่ยนผู้เล่นบางตำแหน่ง
แต่ที่น่าหวั่นใจมิใช่น้อยคือการเปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์แบ็คจาก ราฟาแอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ มาเป็น เอ่อออ..อ..อ...แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ ลุค ชอว์
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเปลี่ยนทำแมวน้ำอะไร เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญ ถ้าไม่จำเป็น 'เขา' ไม่ค่อยเปลี่ยนกัน
คาดว่าน่าจะให้พักน่อง เพื่อไม่ให้บาดเจ็บก่อนบุกเยือน บาร์เซโลน่า ในรอบเพลย์ออฟ นัดแรก ยูโรปา ลีก วันพฤหัสฯ นี้
เมื่อ 'อีเบิ้ม' ขยับเข้ามาเป็นปราการหลังตัวกลาง ไตเรลล์ มาลาเซีย ก็ได้ลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้าย
ห้องเครื่องเหมือนเกมที่แล้วทุกตำแหน่ง เฟร็ด กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ยืนคู่กัน บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นหมายเลข 10
หน่วยล่าสังหารประกอบด้วยหน้าเป้าอย่าง เวาท์ เวกฮอร์สต์ ขณะที่ เจดอน ซานโช่ ลงตัวจริงในตำแหน่งหน้าขวา มาร์คัส แรชฟอร์ด ทางซ้าย
2.ลีดส์ ยูไนเต็ด เล่นด้วยแผนเดิมที่เคยสร้างความลำบากใจให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อกลางสัปดาห์
คือขยับขึ้นมา 'บีบสูง' เพื่อบังเส้นทางลำเลียงบอลของปีศาจแดง
บีบสูง แต่ไม่ได้เพรสซิ่งเหมือนที่คนพากย์เข้าใจผิดนะครับ เพราะ 'เพรสซิ่ง' ต้องพุ่งเข้าหาบอลอย่างรวดเร็วแบบเป็นหมู่คณะ
ทีมยูงทองแค่บีบสูงพลางประกบตัวแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ทีมเยือนเซ็ตบอลได้ถนัด
สิ่งที่เห็นคือการถ่ายบอลไปถ่ายบอลมาในแดนตัวเอง ต่อเมื่อวางยาวข้ามตรงกลางก็ไม่มีความแม่นยำพอ
รูปเกมจึงออกมาอืดๆ เอื่อยๆ เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเร็วไม่ได้ แถมมีการตัดเกมด้วยการทำฟาวล์บ่อยจนเกมหยุดเป็นระยะ - น่าอึดอัดชะมัด
3.นอกจากเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ไหลลื่นแล้ว เอริค เทน ฮาก ยังวางแผนให้ลูกทีมเล่นอย่างระมัดระวังด้วย
พูดง่ายๆ คือไม่ได้เน้นเกมรุกอะไรมากมาย อาศัยความแน่นอนและรัดกุม ถ้าบุกไม่ได้ จังหวะไม่เอื้ออำนวยก็จะไม่เสี่ยงเปิดเกมรุก
สังเกตจากฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างที่แทบยืนระนาบเดียวกับคู่เซ็นเตอร์ฯ ไม่ขยับขึ้นสูงเลย
อีกจุดหนึ่งคือ เฟร็ด กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ไม่ขึ้นไปเติมเกมรุกมากเหมือนเกมที่แล้ว ด้วยปักหลักอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ช่วยชะลอเกมในแดนกลางของคู่ต่อสู้
เรียกว่าพยายามเล่นด้วยความอดทนไปเรื่อยๆ ยิงประตูไม่ได้ก็ต้องไม่เสีย อะไรประมาณนั้น แต่เล่นไปเล่นมาชักจะเป็นรองเจ้าถิ่นที่เน้นเกมรุกมากกว่า
เดชะบุญนะครับที่ ลีดส์ ไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะเข้าทำสักเท่าไหร่
4.เมื่อเกมฝืดเคืองมาตลอดเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง
เอริค เทน ฮาก ก็แสดงให้เห็นถึงกึ๋นในการแก้เกม
เมื่อเขาส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ มายืนข้างสนาม
ตอนแรก ผู้ชมทางบ้านอย่างผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่ากองหน้าก้านยาวถูกเปลี่ยนตัวออกแน่ๆ เพราะแทบหาโอกาสทำประตูไม่ได้เลย
เจ้าหนูอาร์เจนติน่า คงได้ลงมาแทนแล้วขยับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเล่นหน้าเป้า (เหมือนอย่างเคย)
แต่กุนซือปีศาจแดงมาเหนือชั้นกว่านั้น
เจ้าของสมญา 'เดอะ บุตเชอร์' ลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฯ แล้วขยับ ลุค ชอว์ ออกไปเป็นแบ็คซ้ายเหมือนเดิม
ส่วน อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงมาแทน เจดอน ซานโช่ โดยขยับ 'แรชชี่' ไปเป็นหน้าเป้าพลางโยก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ออกไปเป็นหน้าขวา
อ้าว...แล้ว เวาท์ เวกม้า ล่ะ ???
ถอยลงมาเล่นเป็น 'หน้าต่ำ' ครับ 'หน้าต่ำ'
เหตุเพราะหัวหอกร่างโย่งผู้นี้สามารถพักบอลได้ และจ่ายบอลง่ายๆ แถมถอยลงมาช่วยเกมรับได้อีกตะหาก
เมื่อนักเตะที่เพื่อนร่วมทีมเรียกสั้นๆ ว่า 'ลิชา' ลงมายืนหลัง แบ็คซ้ายอย่าง ลุค ชอว์ ก็กล้าที่จะเติมขึ้นสูงแบบสุดซอย
จังหวะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ต้องชมมิดฟิลด์ตัวใหม่ที่ยืมมาจาก 'พี่เสือ' ที่เปิดบอลยาวเปลี่ยนแกนอย่างฉับพลันให้แบ็คซ้ายที่ขึ้นมาเติม ก่อนครอสส์บอลให้หน้าเป้าอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด เผด็จศึก
5.ว่าแล้วขอยกตำแหน่ง 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' ให้กุนซืออย่าง เอริค เทน ฮาก เป็นกรณีพิเศษนะครับ
ในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันไม่น่าไฉไลอะไรนัก การแก้หมากเตะของพี่แกได้ผลชะงักดีนักแลจนช่วยให้ลูกทีมตัวเองเป็นผู้ชนะ
ลุค ชอว์ เมื่อกลับไปสวมบทแบ็คซ้าย เจ๊ย์แกบรรจงเปิดให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ถูกขยับไปเป็นหัวหอกโขกจมตาข่าย
ส่วนประตูที่ 2 มาจากการแทงทะลุช่องของ 'หน้าต่ำ' อย่าง 'ไอ้ก้านยาว' ให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองเป็นผู้ย้ำหัวตะปู
หลังจากที่ตามล่าแล้วตามล่าเล่าก็ยังหาไม่เจอ นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาตำแหน่ง
ดูเหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด จะเจอคนที่ใช่ในตำแหน่งผู้จัดการทีมแล้วนะครับ !!!
บอ.บู๋