อนาคตที่สั่นคลอนของซิตี้

ซีอีโอของแมนฯซิตี้ขอคำอธิบายว่าทำไมถึงมาตั้งข้อหาเกี่ยวกับการเงินซึ่งย้อนไปก็นานมาแล้วระหว่างปี2009-2018กับพวกเขาซึ่งข้อหาที่ออกมาก็นับได้ทั้งหมดถึง115ข้อด้วยกัน 

"พวกเราประหลาดใจอย่างมาก พวกเราพร้อมจะสู้จนถึงที่สุด"คำพูดที่คนในทีมเรือใบกล่าวออกมาภายหลังเอกสารแจ้งคดีถูกส่งมายังสโมสร

เรื่องนี้นักเตะในทีมก็ไม่ทราบมาก่อน ว่าไปพวกเขาก็ได้ข่าวทางข้อความจากเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัวส่งไปให้ เล่ากันต่อมาว่าภายหลังเกมที่แพ้ให้สเปอร์ส0-1ในวันอาทิตย์ก็เป็นคัลดูน อัล มูบารัคด้วยที่เดินเข้าห้องแต่งตัวทีมเยือนไปคุยถึง45นาที ทว่าสิ่งที่คุยกันเป็นเรื่องของฟุตบอลล้วนๆเช่นจะทำอย่างไรเพื่อรักษาโทรฟี่แชมป์ได้ต่อไป

เบื้องหลังของข้อหาที่พรีเมียร์ลีกตั้งมีรายละเอียดอย่างไร?

ทำไมแมนฯซิตี้ถึงโดนและทำไมพวกเขาถึงยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์? ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งเรื่องขึ้นศาลกีฬาเอาชนะข้อกล่าวหาจากยูฟ่าได้แล้ว

หนึ่งในความผิดที่ถูกเขียนไว้ก็ต้องย้อนไปยุคที่โรแบร์โต้ มันชินี่คุมระหว่างปี2009-13ว่าโค้ชสัญชาตอิตาเลี่ยนได้รับเงินด้วยช่องทางลับๆที่ไม่ถูกต้องผ่านตัวกลางที่ควบคุมโดยอัล จาซีร่า สโมสรที่ตั้งอยู่ในอาบูดาบี

ลงลึกไปสัญญาฉบับแรกกับซิตี้มีค่าจ้างตกที่1.45ล้านปอนด์หลังหักภาษีเรียบร้อย ทว่ารายได้ที่เข้ามาในบัญชีจริงๆของมันชินี่กลับมีตัวเลข1.75ล้านปอนด์โดยระบุไว้ว่าเงินส่วนเกินนั้นมาจากการที่เจ้าตัวรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับทีมอัล จาซีร่า

รายงานก็ยังระบุต่อว่าตัวเลข1.75ดังกล่าวมีแหล่งที่มาเริ่มต้นจากกลุ่มอาบูดาบีซึ่งมีชีค มันซูร์ เจ้าของแมนฯซิตี้เป็นเฮดใหญ่ 

นี่คือความไม่โปร่งใสใช่ไหม

ยังไม่ใช่เท่านั้นข้อมูลในนั้นก็ยังบอกด้วยว่ามันชินี่ได้รับเงินพิเศษส่วนตัวอีก4ล้านปอนด์ตอนพาทีมได้แชมป์ลีก ยังมีตั๋วเครื่องบิน8เที่ยวต่อปีระหว่างแมนเชสเตอร์กับบ้านเกิดอิตาลีรวมถึงเงินอำนวยความสะดวกในส่วนของที่พักอีก7,500ปอนด์ต่อเดือน

แน่นอนว่าเรื่องรายได้พิเศษที่เข้ามาก็อาจเป็นเรื่องปกติที่'เจ้านาย'ให้'ลูกน้อง'ได้ เพียงแค่ตัวเลขตรงนี้ไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในบัญชีรายการของสโมสรนั่นเอง

ต่อมาก็ข้อหาเกี่ยวกับสปอนเซอร์ที่ถูกตั้งก็เป็นสิ่งเดียวกันที่ยูฟ่าเคยตั้งไปในปี2020 ตอนนั้นทีมเรือใบรอดได้เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นนานแล้วทำให้ศาลกีฬายกฟ้องให้ อย่างไรก็ตามกับข้อหาของพรีเมียร์ลีกต่างไปเนื่องจากไม่มีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้อง ต่อให้จะนานแล้ว10หรือ20ปีก็สอบสวนได้เป็นต้น    

จากหลักฐานที่ขุดคุ้ยมาเชื่อกันว่าเงินจากสายการบินEtihadที่คาดหน้าอกเสื้อกับบริษัทโทรคมนาคมEtisalatนั้นแท้จริงก็มาจากกลุ่มอาบูดาบีโดยตรง

"พวกเรายินดีที่จะให้ตรวจสอบเสมอเพราะพวกเรายืนยันถึงความชัดเจนในการบริหารสโมสรเหมือนเดิม"บางประโยคในแถลงการณ์จากทางซิตี้ที่ออกมาช่วงบ่ายวันจันทร์

ในเวลาเดียวกันทางโซเรียโน่ก็ได้เรียกนักเตะทีมชุดใหญ่ทุกคนมาเพื่อชี้แจงถึงข่าวสุดช็อกที่เพิ่งหลุดออกไป สิ่งที่ซีอีโอของทีมย้ำหนักแน่นก็คงเหมือนเดิมว่าสโมสรไม่ได้ทำอะไรผิด ขอให้ทุกคนมีสมาธิในการเล่นต่อไป      อีกนั่นแหละแนวโน้มที่มีความเป็นไปได้จากข่าวก็ย่อมทำให้ทุกคนหวั่นวิตกถึงอนาคต อย่าว่าแต่คนที่ได้รับเงินต่อวีกหลักแสนเลย พวกพนักงานทั่วไปที่อาจได้เงินแค่หลักร้อยหรือหลักพันก็เริ่มใจไม่ดีกัน

ใช่ นี่เป็นคลื่นมรสุมครั้งที่หนักสุดของแมนฯซิตี้นับแต่ก้าวขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของประเทศ

มีการคาดกันถึงบทลงโทษที่พวกเขาอาจต้องเจอต่างๆ

มีแรงกดดันจากบางสโมสรร่วมลีกว่าอยากให้บทสรุปของคดีความนี้ออกมาภายในซีซั่นนี้(แม้ว่าตามหลักมันต้องใช้เวลานานกว่านั้น)

มีแฟนบอลบางคนที่วิตกจริตไปแล้วว่าพวกเขาอาจต้องกลับไปตามเชียร์ทีมรักในลีกล่างอีกแล้วหรือยังไง?

ก็ถ้าสอบแล้วผิดจริง คนแรกที่จะไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย โค้ชของทีมที่ชื่อเป๊ปก็คงขอลาออก เรื่องนี้เขาเคยพูดเอาไว้แล้วเมื่อปีก่อน"ผมได้บอกพวกเขาแล้ว'หากพวกคุณโกหกผม ผมก็จะไม่อยู่ที่นี่ ผมจะไป'"

ขณะที่เอเยนต์ของนักเตะในทีมไม่ได้รับแจ้งโดยตรงจากสโมสรเนื่องจากสโมสรมองว่านี่เป็นเรื่องของคดีความทางธุรกิจ ยังไม่มีบทสรุปใดๆออกมา

มีนักข่าวรายหนึ่งที่ตามติดซิตี้ตลอดเขียนเอาไว้ผ่านคอลัมน์ตัวเองดังนี้"นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่พรีเมียร์ลีกต้องการแสดงบทบาทของตัวเองออกมาบ้าง พรีเมียร์ลีกอาจกำลังต้องการทำให้พวกเจ้าของต่างชาติต่างๆที่มีเต็มไปหมดได้รับรู้ในทางอ้อม"

ในขณะที่คดีต้องรอการสอบสวนให้ชัดเจนและในขณะเดียวกันที่สาวกเรือก็ต้องลุ้นอย่างหนักต่อผลลัพธ์ ทุกอย่างก็เป็นไปได้หมดไม่ว่าจะพวกเขาอาจเอาตัวรอดได้อีกครั้ง, พวกเขาอาจเจอตัดแต้ม, พวกเขาอาจเจอขับออกจากลีก, พวกเขาอาจเจอริบแชมป์ต่างๆที่เคยได้มาในช่วงนั้นรวมไปถึงว่าพวกเขาอาจเจอแค่โทษปรับเงิน

ทุกวันนี้แมนฯซิตี้เป็นสุดยอดของสโมสรซึ่งก็ไม่แค่แต่ในอังกฤษ สิ่งนี้ทุกคนคงยอมรับกัน แน่นอนที่ว่าทุกๆคนก็รู้ด้วยว่าอะไรคือปัจจัยที่ผลักดันให้สโมสรที่เมื่อปลายศตวรรษ20ยังเป็นสมาชิกลีกวันอยู่เลยถีบตัวเองขึ้นมาสูงอย่างนี้

เงินทำให้คนมีความสุขได้แต่ในอีกด้านก็มักทำให้คนเป็นทุกข์ได้เสมอ

ตัวอย่างมีแล้วและมีตลอดด้วย อย่างเช่นเรนเจอร์ส มหาอำนาจของลีกสกอตแลนด์ก็เคยถูกลงโทษตกชั้นให้ไปนับหนึ่งใหม่ในลีกด้านล่างสุด พวกเขาต้องค่อยๆไต่คืนกลับขึ้นมา

เวลาไปดูแมนฯซิตี้เตะจะเหย้าหรือเยือนก็มักได้ยินเสียงเพลงแดกดันจากกองเชียร์คู่แข่งเสมอ"Where are you when you are shit?"

ก็ตลอด15ปีมานี้นับจากการเข้าเทกโอเวอร์ของพวกอาหรับทุกอย่างก็ดูง่ายไปซะหมดสำหรับพวกเขา ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของฟุตบอลจริงหรือ ไม่ว่าเราควรจะให้น้ำหนักไปถึงรูปแบบเกมในสนามของพวกเขาด้วย

มีภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้

"น้ำทำให้เรือลอยได้ มันก็ทำให้จมได้เช่นกัน"

"ไก่ป่า"