เส้นทางระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มาสู่จุดสิ้นสุดแล้ว หลังบอร์ดบริหาร "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ตัดสินใจเด้งกุนซือเลือดผู้ดีออกจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เซ่นผลงานสุดย่ำแย่จนเกินจะรับไหว
ต้องยอมรับว่า เอฟเวอร์ตัน มีปัญหาฝังรากลึกมานานมากในการหาผู้จัดการทีมที่เหมาะสมเพื่อนำสโมสรฟื้นคืนชีพ โดยตอนที่พวกเขาแต่งตั้ง "แลมพ์ส" ก็คาดหวังว่าจะเห็นกุนซือคนหนุ่มไฟแรงจะสามารถสร้างทีมให้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง
อย่างไรก็ตามตลอดช่วง 12 เดือนที่ แลมพาร์ด กุมบังเหียน สถานการณ์ของ เอฟเวอร์ตัน มีแต่สาละวันเตี้ยลง โดยในฤดูกาลนี้เขานำสโมสรกระเสือกกระสนหนีตกชั้นเนื่องจากทีมรั้งอยู่อันดับ 19 ชนะแค่ 3 เกมจาก 20 แมตช์ มีแค่ 15 คะแนน
ยิ่งไปกว่านั้น แลมพาร์ค คุมทัพแพ้ 8 เกมจาก 9 แมตช์หลังสุดในทุกรายการ โดยฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้นเมื่อสโมสรพ่ายแพ้ให้กับ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สำหรับการว่างงานครั้งที่สองของ แลมพาร์ด หลังเคยโดน เชลซี ปลดมาแล้วครั้งแรก แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่มีใครสนใจ เพราะมีความเป็นไปได้ที่มี 5 งานพร้อมที่จะมอบโอกาสใหม่ให้กับเขาอีกครั้ง
สวอนซี
แลมพาร์ด อาจจะต้องหวนกลับไปสร้างชื่อใหม่อีกครั้งในลีกระดับล่าง และนี่น่าจะเป็นแนวทางที่ดีเยี่ยมในการที่จะทำให้เขาได้สะสมประสบการณ์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในอาชีพกุนซืออีกครั้ง
จะว่าไปแล้ว ตำนาน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เคยใช้เวลาช่วง 2-3 เดือนในการเล่นแบบยืมตัวกับ "หงส์ขาว" สมัยที่ยังเป็นดาวรุ่งเมื่อปี 1995 แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีความทรงจำอะไรกับสโมสรแห่งนี้มากนัก กระนั้นชื่อเสียงของ "แลมพ์ส" น่าจะทำให้แฟนบอลรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นฝีมือกุนซือคนนี้
ปัจจุบัน สวอนซี รั้งอยู่ในระดับกลางตารางศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และยังไม่มีความจำเป็นในการที่จะปลด รัสเซลล์ มาร์ติน ผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่ง ยกเว้นมีหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
งานนี้ถ้าหาก สวอนซี เลือกปลดกุนซือจริงๆ มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะหันไปสนใจ แลมพาร์ด ซึ่งเคยนำ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทะลุชิงเพลย์ออฟมาแล้ว ฉะนั้นนี่คงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่จะเห็น "แลมพ์ส" ทำงานให้กับทีมนี้
ดาร์บี้ เคาน์ตี้
สำหรับ ดาร์บี้ แน่นอนว่า แลมพาร์ด ยังคงเป็นภาพจำที่แสนงดงามในถิ่นไพรด์ พาร์ค แม้ว่าจะคุมทีมเพียงแค่ฤดูกาลเดียว แต่สามารถนำ "แกะเขาเหล็ก" ทะลุนัดชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นแม้จะแพ้แต่แฟนบอลก็ยังคงคิดถึงชายคนนี้เสมอ
ปัจจุบัน ดาร์บี้ ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากเมื่อร่วงตกชั้นจากศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ไปสู่ลีก วัน หลังถูกตัดแต้มกระจุยเนื่องจากถูกควบคุมกิจการเพราะสโมสรประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก
ตอนนี้ "แกะเขาเหล็ก" รั้งอันดับ 4 ในลีก วัน ฉะนั้นหากพวกเขาต้องการที่จะมีโอกาสก้าวขึ้นมาสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้ง มีความเป็นไปได้ที่ ดาร์บี้ จะตัดสินใจดึงตัว แลมพาร์ด มาช่วยสโมสรอีกคำรบ
สโต๊ค ซิตี้
สโต๊ค เคยมาไกลมากๆ สมัยที่พวกเขาได้รับฉายาว่า "สโต๊คเซโลน่า" และเคยทุ่มเงินถึง 11 ล้านปอนด์ (ราว 462 ล้านบาท) ในการดึงนักเตะมาเสริมแกร่งนับตั้งแต่ร่วงไปอยู่ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ทีมก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
การที่จะสร้างโอกาสในการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกสามารถประสบความสำเร็จได้จากการประสานงานที่ฉลาดหลักแหลมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ ก็เหมือนกับที่ แลมพาร์ด เคยทำกับ ดาร์บี้ โดยเขาใช้สายสัมพันธ์กับสโมสรหลายๆ แห่งในประเทศเพื่อยืมพวกนักเตะดาวรุ่งชั้นดีมาช่วยทีม
ถ้าหากทัพ "เดอะ พ็อตเตอร์ส" ตัดสินใจแยกทางกับ อเล็กซ์ นีล ซึ่งเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 และแต่งตั้ง แลมพาร์ด เข้ามาทำงานแทน แน่นอนว่าเขาสามารถหว่านล้อมนักเตะฝีเท้าดีๆ มาร่วมทัพได้ชัวร์
ทีมชาติอังกฤษ ยู-21
หาก แลมพาร์ด คุม เอฟเวอร์ตัน ไปได้สวยแน่นอนว่าเขาอาจจะมีสิทธิ์ที่จะได้สืบทอดตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษต่อจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต ในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แน่นอน และสำหรับงานกับทัพ "สิงโตคำราม" ที่น่าจะเหมาะกับเขาก็คือการคุมทัพ "สิงโตจูเนียร์" ไปก่อน
การนั่งกุมบังเหียนทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีน่าจะเหมาะกับ แลมพาร์ด เพราะเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมที่เขาจะได้สะสมประสบการณ์ และโชว์กึ๋นการวางแท็กติก ที่สำคัญไม่ต้องกดดันเรื่องการหนีตกชั้นด้วย
ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของ แลมพาร์ด ที่ชอบพัฒนาและให้โอกาสนักเตะดาวรุ่ง บางทีงานนี้จะเหมาะกับเขาอย่างมาก และที่สำคัญการปั้นพวกบรรดา "สิงโตวัยคะนอง" ให้ประสบความสำเร็จ น่าจะเป็นใบเบิกทางให้เขาหวนกลับมาทำงานในระดับสโมสรอีกครั้ง หรือดีไม่ดีอาจจะก้าวขึ้นไปเป็นทายาท เซาธ์เกต ก็ได้
กูรูลูกหนัง
หลังจากที่ต้องพบกับความผิดหวังในการทำงานกุมบังเหียนทั้งกับ เชลซี และ เอฟเวอร์ตัน งานนี้ แลมพาร์ด อาจจะนำประสบการณ์ของเขามาใช้ในการวิเคราะห์เกมลูกหนัง เหมือนกับพวกเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง แกรี่ เนวิลล์ และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน
จะว่าไปแล้วงานวิเคราะห์เกมก็ไม่ใช่งานใหม่ของ แลมพ์ส เพราะเขาเคยทำงานให้กับ บีที สปอร์ต ก่อนไปคุม ดาร์บี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ใช่กูรูลูกหนังที่ดูมีเสน่ห์มากนัก แต่ ตำนานกองกลางทีมชาติอังกฤษ ก็มีความรู้ที่หลากหลายในการแสดงความเห็นเชิงลูกหนัง
ประสบการณ์จากจุดสูงสุดไปสู่สุดต่ำสุดในอาชีพผู้จัดการทีมของเขา น่าจะช่วยวิเคราะห์เกมได้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยสไตล์ของ แลมพาร์ด ที่ชอบลงมือทำมากกว่าเอาแต่พูด งานนี้ต้องบอกว่าคงเซอร์ไพรส์ถ้าเห็นเขาจ่ออยู่ทางทีวีเหมือน เนวิลล์ และ คาร์ราเกอร์ เป็นต้น
ทอมเม้ง