ทำเอาแฟนบอลหวิดหัวใจวายไปเหมือนกันสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ทั้งๆที่อุตส่าห์ได้เล่นในบ้านแท้ๆ แต่กลับพลาดท่าโดน สเปอร์ส ล่อเป้านำไปก่อนสองเม็ดในท้ายครึ่งแรกของเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ม.ค.
อย่างไรก็ดี กลับสู่ครึ่งหลัง เรือใบสีฟ้า เร่งเครื่องเดินหน้าเต็มพิกัด และสามารถเบิกทวาร ไก่เดือยทอง ได้รวดเดียวสี่ตุงซิวชัยไปด้วยสกอร์ 4-2 เพิ่มความหวังได้ลุ้นแย่งแชมป์กับ อาร์เซน่อล มากขึ้น
1. เรือใบ จับ เดอ บรอยน์ นั่งสำรอง (4-3-3)
ไม่บ่อยนักที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะจับ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนสำคัญนั่งข้างสนามในเกมรับการมาเยือนของ สเปอร์ส
หลังออกไปแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 กุนซือ สแปนิช เลือกปรับทัพมากถึงห้ารายโดยส่ง ริโก้ ลูอิส , จอห์น สโตนส์ , อิลคาย กุนโดกัน , แจ็ค กรีลิช และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ออกสตาร์ตก่อนหน้า ไคล วอล์คเกอร์ , ชูเอา กานเซโล่ , แบร์นาร์โด้ ซิลวา , เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเด้น
จากโผดังกล่าว หมายความว่า อัลวาเรซ ได้จับคู่ลงเล่นเป็นหัวหอกตัวจริงพร้อมกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ในเกมลีกเป็นหนแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.
2. ไก่ เปลี่ยน 11 ตัวแรกสี่ราย (3-4-2-1)
จากนัดก่อนที่เฝ้าบ้านโดน อาร์เซน่อล บุกมาทุบแบบหมดสภาพ 2-0 อันโตนิโอ คอนเต้ เลือกโรเตชั่นทีมตัวจริงสี่รายโดยที่ได้ โรดรีโก้ เบนตานกูร์ ฟิตเปรี๊ยะกลับมาลงสนามได้
นอกนั้นอีกสามรายประกอบไปด้วย เอเมอร์สัน รอยาล , เบน เดวิส และ อีวาน เปริซิช ซึ่งได้เสียบแทน แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ , เกลมองต์ ลองเลต์ , ไรอัน แซสเซยง และ ป๊าป ซาร์ ขณะที่ ริชาร์ลิซอน กองหน้าทีมชาติ บราซิล ยังนั่งข้างสนามต่ออีกเกม
3. เอแดร์ซอน ยื่นดาบให้ สเปอร์ส
กลายเป็นเรื่องช็อกสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ที่เล่นได้เหนือกว่าแท้ๆ แต่กลับโดน สเปอร์ส นำห่างถึงสองประตูในช่วงอึดใจสุดท้ายของครึ่งแรก
และแน่นอนว่าคนที่สมควรถูกตำหนิจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูทีมชาติ บราซิล ของทีม เรือใบสีฟ้า เองที่ออกบอลสะเพร่าจนโดน เดยัน คูลูเซฟสกี้ สอยตาข่ายให้ ไก่เดือยทอง ขึ้นนำ
แต่สำหรับเม็ดสองของ สเปอร์ส จะกล่าวโทษ เอแดร์ซอน คงไม่ได้เนื่องจากเขาเซฟลูกอันตรายแล้วเผอิญบอลลอยไปเข้าหัวให้ เอเมอร์สัน โขกตุงตาข่ายซึ่งแน่นอนว่าสกอร์นำ 2-0 ของทีมเยือนขัดกับรูปเกมใน 45 นาทีแรกอย่างแรงในเมื่อ แชมป์เก่า ครองบอลได้มากกว่า 61:39% แต่ทำไปทำมา สเปอร์ส ได้ลุ้นคลำเป้าไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันสักเท่าไหร่โดยทีมของ กวาร์ดิโอล่า ได้ง้างยิง 7 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ทีมเมืองกรุงได้เข่น 6 ครั้ง และเข้ากรอบมากกว่าด้วยซ้ำถึง 3 ครั้ง
4.ครึ่งหลัง ไก่โดนถอนขนเกลี้ยง
อย่างไรก็ดี เริ่มครึ่งหลังได้ไม่ทันไร สเปอร์ส ก็เป็นฝ่ายช็อกตาตั้งเข้าให้บ้างเมื่อเสียสองประตูคืนให้กับ แมนฯ ซิตี้ อย่างรวดเร็วจากจังหวะสับไกของ อัลวาเรซ และลูกโขกของ ฮาลันด์ ในนาทีที่ 51 และ 54
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าบ้านยังเน้นเกมรุกทางฝั่งขวาเป็นหลัก และมาได้ประตูเพิ่มอีกในนาทีที่ 64 จากความสามารถเฉพาะตัวของ ริยาด มาห์เรซ ซึ่งพาทีมแซงนำ 3-2 ได้อย่างสมควร
ถึงตรงนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่ยอมพลาดเหมือนท้ายครึ่งแรกอีกแล้ว และเดินหน้าบดขยี้ สเปอร์ส อย่างหนักหมายซัดประตูที่สี่ตอกฝาโลงให้เด็ดขาด และมีเสียวหลายหนจนในที่สุดนาทีสุดท้าย มาห์เรซ เจ้าเก่าก็มาได้ลูกเตะเปิดเกมยาวจาก เอแดร์ซอน ที่ ล็องเลต์ ดักพลาดกระดอนมาให้กระทุ้งเม็ดสองของตัวเองพาเจ้าบ้านกำชัยไปได้อย่างยอดเยี่ยม 4-2
และอย่างที่เห็น แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นในครึ่งหลังได้อย่างแข็งแกร่งดีแท้จากสถิติหลังครบ 90 นาทีซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาครองบอลได้มากกว่า 61:39% เช่นเดิม แต่ได้ง้างยิงมากกว่ารวมทั้งหมด 14 ครั้งซึ่งเข้ากรอบ 5 ครั้ง ขณะที่ สเปอร์ส ได้ตะบัน 9 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้งเท่าเดิม
5. เป๊ป - คอนเต้ มีนัดล้างตารออยู่
หลังรัวกระสุนแบบไม่ยั้งแซงชนะ สเปอร์ส ได้สำเร็จ แมนฯ ซิตี้ ก็เพิ่มโอกาสได้ลุ้นป้องกันแชมป์มากขึ้นจากการไล่ตาม อาร์เซน่อล เหลือ 5 แต้ม แต่ลงแข่งมากกว่าหนึ่งเกม
ถึงตอนนี้ เรือใบสีฟ้า ต้องรอลุ้นว่าทีม ปืนใหญ่ จะเปิดบ้านสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้หรือเปล่า ขณะที่พวกเขาเองมีคิวลงเล่นนัดต่อไปในวันอาทิตย์นี้เช่นกันรับการมาเยือนของ วูล์ฟส์ ซึ่งดูแววแล้วทีมของ กวาร์ดิโอล่า ไม่น่าจะพลาดเก็บสามแต้มได้
อย่างไรก็ดี ถัดจากนั้น แมนฯ ซิตี้ จะหันไปเล่นเกม เอฟเอคัพ รอบสี่ด้วยการเปิดบ้านห้ำหั่นกับ เดอะ กันเนอร์ส ก่อนลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก อีกหนโดยงวดนี้พวกเขาต้องบุกไปเยือน สเปอร์ส บ้าง และไม่รู้ว่า คอนเต้ จะหาวิธีชำระแค้นกุนซือสแปนิชได้หรือเปล่า
โปรแกรมห้านัดหน้าของ เรือใบสีฟ้า
22 มค. วูล์ฟส์ (เหย้า, พรีเมียร์ลีก)
27 ม.ค. อาร์เซน่อล (เหย้า , เอฟเอคัพ)
5 ก.พ. สเปอร์ส (เยือน , พรีเมียร์ลีก)
12 ก.พ. แอสตัน วิลล่า (เหย้า , พรีเมียร์ลีก)
18 ก.พ. ฟอเรสต์ (เยือน , พรีเมียร์ลีก)