อาร์เซน่อลไม่แสดงท่าทีว่าจะแผ่วหรือว่าทานรับแรงกดดันไม่ไหว
พวกเขาก็ยังไม่มีอาการของทีมที่อ้อนด้อยประสบการณ์เรื่องการลุ้นแชมป์ อย่างยิ่งต่อให้ค่าเฉลี่ยอายุของทีมจะเพียง24ปีเศษ
ทางตรงกันข้ามในทุกๆเกมก็ยังเป็นทีมที่นำเสนอสไตล์การเล่นที่เร้าใจ ดุดันและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพบนมาตรฐานของความสม่ำเสมอ การบุกกำราบคู่อริที่ห่างออกไปเพียง4ไมล์ของเกมที่เต็มด้วยศักดิ์ศรียืนยันแล้วว่าไม่มีเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงจะก้าวไปเป็นแชมป์ไม่ได้
ต่อให้เป็นเกมเยือนในรังของทีมที่เอาชนะไม่ได้มา9ปีติดต่อกัน ก็ย้อนไปปีที่แล้วเองที่เคยมาพังพาบไม่เป็นท่า0-3
ตลอดครึ่งแรกขุนพลปืนใหญ่ยังได้โชว์เลยว่านาทีนี้พวกเขาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ทั้งการต่อบอล, การเคลื่อนตัวของแต่ละตำแหน่ง, การช่วยกันในเกมรุก-รับ, ความเข้าใจเกมจนไปถึงความกระหายที่อยากได้สามแต้มมากกว่า
บางอารมณ์ที่ได้ดูก็นึกว่าพวกเขามีตัวเยอะกว่าสเปอร์สด้วยซ้ำ
โอเค ประตู1-0ก็ได้มาจากความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยของฮูโก้ ยอริสซึ่งในบิ๊กแมตช์นั้นมักส่งผลถึงโมเมนตัมของเกมได้เสมอ ถึงกระนั้นประตู2-0นั้นมาจากวิธีการเล่นของพวกเขาล้วนๆเริ่มจากการเพรสสูงให้อีกฝ่ายต้องเตะยาวไป พอแย่งบอลกลับมาได้ก็ไหลบอลต่ออีก3จังหวะไปจบด้วยการตะบันนอกเขตสุดงามของมาร์ติน โอเดอการ์ด
ส่วนครึ่งหลังอันเป็นปกติที่ทีมตราไก่ของอันโตนิโอ คอนเต้มักจะถีบฟอร์มขึ้นมาจากครึ่งแรกได้เซตบอลเข้าไปได้ลุ้นเยอะขึ้น อีกนั่นแหละในอีกมุมก็โชว์ถึงเกมรับอันเหนียวแน่นของทีมที่กำลังจะก้าวไปเป็นแชมป์
มันไม่ใช่แค่ยิงประตูได้ถล่มทลาย
มันต้องมาพร้อมกับการช่วยกันในเกมป้องกันด้วย ก็สังเกตได้ว่าบูกาโย่ ซาก้าต้องวิ่งถอยมาซ้อนกับเบน ไวท์ในเกมด้านขวา อีกด้านก็เป็นกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ที่ขึ้น-ลงไม่หยุดก่อนที่ช่วงสิบนาทีสุดท้ายถูกถอดออกมาเพราะหน้าที่ของเขาได้จบลงแล้ว
8 แต้มที่นำบนหัวตารางกับอีกครึ่งทางอาจยังไม่ทำให้บางคนมั่นใจได้แม้แต่เหล่ากูนเนอร์สเอง ก็เพราะทีมที่ตามมาชื่อว่าแมนฯซิตี้ ก็เพราะทีมๆนี้ล้มเหลวมาบ่อยครั้ง ก็เพราะทีมที่แม้แต่ท็อปโฟร์ก็ห่างหายไปตั้งแต่ปี2016
คนพวกนั้นคงความจำสั้นว่าเร็วๆนี้เองที่เลสเตอร์ ซิตี้ยังเคยสร้างปรากฎการณ์5,000/1ได้ ในโลกของฟุตบอลเป็นไปได้ทุกอย่าง มันจึงทำให้เรามีความหวัง มันจึงมักทำให้เราได้ลุ้นใจหายใจคว่ำ
หากสุดท้ายอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ถึงตรงนี้เครดิตทุกอย่างต้องเทให้ชายสัญชาติสแปนิชที่ชื่อมิเกล อาร์เตต้า
จากมุมมองในเพรสบ็อกซ์ก็สังเกตได้เลยว่าในทุกครั้งที่ต่อให้ลูกทีมทำเกมบุกขึ้นไปแล้วจบสกอร์ไม่ได้ก็จะมีปฎิกิริยากระตุ้นให้ทุกคนอย่าลืมแท็กติกที่ซ้อมกันไว้ ขยับบีบให้สูงเนื่องจากทีมตราไก่ชุดนี้ไม่ถนัดในเกมเพรส บ่อยหนก็เป็นยอริสหรือพวกแผงหลังที่ต้องสาดยาวไปให้แฮร์รี่ เคนที่ก็เจอกาเบรียลกับวิลเลี่ยม ซาลิบาตามประกบติด
นี่เป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจากนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้
กระนั้นมันไม่ใช่ปัจจัยหลักหรอกที่ทำให้เสียงโห่ร้องตลอดเกมเป็นตรงมุมประตูที่อัดแน่นด้วยฝูงกันเนอร์สราวสามพันชีวิต ลองย้อนความทรงจำไปในช่วงหน้าหนาวปลายปี2021ก็มีแฮชแทกที่ติดเทรนด์อยู่-"Arteta Out"
ทีมแพ้สองเกมติดต่อแมนฯยูไนเต็ดตามด้วยเอฟเวอร์ตัน พอข้ามสู่ศักราชใหม่ฟอร์มก็ยังลุ่มๆดอนโดยมีอยู่ช่วงที่คลำหาชัยชนะไม่เจอ5เกมซ้อน
ระหว่างนั้นใครบ้างจะรู้ว่าอาร์เตต้าได้ถลกแขนเสื้อปฎิวัติทีม ตั้งแต่ตัดหางปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็องที่ชอบทำตัวนอกแถวแหกกฎ ต่อมาพอมีประชุมทีมก็เขียนไว้บนกระดานด้วยคำสองคำ คำแรก'Journey' อีกคำ'Destination'โดยให้นักเตะตอบว่าคำไหนสำคัญกว่ากัน
"โนววๆ ไม่ใช่ทั้งสองคำ สิ่งสำคัญที่สุดของการอยู่ด้วยกันได้แก่คำว่าSpirit"อาร์เตต้าพูดไว้ในวันนั้น
อาร์เตต้าตัดสินใจเลือก'ระยะยาว'มาก่อน'ระยะสั้น'
ดังนั้นเขาถึงไม่รีรอที่จะสร้างทีมด้วยนักเตะที่อายุน้อย นี่เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กฝึกของบาร์เซโลน่า อีกทั้งเขาก็ตระหนักดีว่านโยบายของอาร์เซน่อลนั้นจะให้ถลุงคลังแข่งกับแมนฯซิตี้หรือว่าเชลซีก็คงลำบาก
เอาสเปอร์สมาวางขนาบก็ได้ ก็จะพบความต่างทันทีของสโมสรเพื่อนบ้านร่วมลอนดอนตอนเหนือ
คอนเต้เป้นโค้ชที่มีฝีมือ เขาพิสูจน์มาแล้วกับหลายทีมที่ไปคุมแต่วิถีทางของคอนเต้ก็อีกแนวเลย เป็นโค้ชที่ชอบคุมทีมเพื่อเก็บเกี่ยวผลระยะสั้นรวมถึงต้องมีนักเตะให้เขาได้ใช้งานด้วย หลายหนบทสัมภาษณ์ของเขาจึงทำนองว่า"สเปอร์สยังต้องเสริมทัพอีก2-3ตลาดถึงจะไปลุ้นแชมป์ได้"
นับจากซัมเมอร์ปีที่แล้วเป็นต้นมาคำนวนตัวเลขการใช้เงินได้ดังนี้
สเปอร์ส 172 ล้าน
อาร์เซน่อล 121 ล้าน
นี่ก็ยังไม่ใช่แค่บทเรียนระหว่างสองสโมสรคู่แค้นแต่มันก็ยังบอกเราได้ถึงวิธีการทำทีมที่ถูกต้องได้ นอกจากนั้นสำหรับคนที่อยู่วงนอกหรือเป็นกลางแล้วก็ยังคิดได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกมลูกหนังว่าอย่างน้อยก็มีทีมที่โผล่มาท้าชิงบัลลังก์ได้จากทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ตอนที่เรือใบคว้าเอร์ลิ่ง ฮาลันด์มาได้ก็เหมือนว่ามีการมัดจำถ้วยไปเรียบร้อย ทว่าก็พิสูจน์แล้วว่าฟุตบอลไม่เคยตัดสินกันที่เดือนสิงหาคมหรือกันยายน
อาร์เตต้าเองก็พัฒนาตัวเองตลอด อย่างฤดูกาลนี้การดันกรานิต ชาก้าขึ้นสูงในแดนกลางรวมถึงจับเบน ไวท์ประจำแบ็กขวาก็มีส่วนช่วยทีม อีกเรื่องที่สำคัญก็ต่อให้ต้องเสียกาเบรียล เชซุสที่บาดเจ็บพักยาวไปโดยใครต่อใครก็มองว่าทีมต้องแผ่วลงแน่เพราะตัวแทนอย่างเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ยังกระดูกเปราะไป ทดแทนกันไม่ได้
5 ประตูจาก6เกมล่าสุดทุกรายการเป็นบางชิ้นของหลักฐาน
เมื่อวันอาทิตย์เอ็นเคเทียห์ก็ทำงานหนักเพื่อทีม เขาอาจมีโอกาสแต่ทำไม่ได้ทว่าภาพรวมนั้นย่อมทำให้อาร์เตต้าพึงพอใจและไม่คิดว่าทีมต้องจ่ายเงินเพื่อหากองหน้าใหม่ในตลาดหน้าหนาวนี้
บางครั้งฟุตบอลก็อยู่ที่ว่าเราจะไว้วางใจลูกทีมที่มีแค่ไหนด้วย
ไม่ใช่สักแต่ซื้อ ซื้อและซื้อ
ยกอีกตัวอย่างจากเอริค เทน ฮากที่เขาก็ได้ทำให้ประจักษ์ด้วยการใช้งานมาร์คัส แรชฟอร์ดกับอองโตนี่ มาร์กซิยาลตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
"พวกเราจำต้องสมบูรณ์แบบที่สุด เราอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมแต่สิ่งที่ผมอยากบอกกับลูกทีมทุกคนก็คือให้สนุกกับสิ่งที่เรามีตอนนี้และรักษาความมุ่งมั่นต่อไป"อาร์เตเต้าให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกมดาร์บี้แมตช์
เขาไม่ได้ต่างเลยจากคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จ มันต้องฝ่าอุปสรรคออกมาให้ได้ซะก่อน ยิ่งถนนสายของอาชีพโค้ชด้วยแล้ว
"ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าโชคดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ต่อให้บางทีมันจะมีลูกกระสุนที่พุ่งเข้ามาทว่านั่นคุณก็ต้องรับรู้ว่ามันมาเพราะจากงานที่คุณได้ทำ"
ยังเหลือเจอซิตี้อีกสองเกมเหย้า-เยือน
ไหนยังมีโปรแกรมหนักๆรออยู่อีกโดยเริ่มจากวันอาทิตย์นี้เลยเปิดเอมิเรตส์เจอทีมที่กำลังพุ่งขึ้นมาอย่างแมนฯยูไนเต็ด
แต่หากได้ติดตามใกล้ชิดก็ย่อมรับรู้ได้ถึงทีมๆหนึ่งที่มีคาแรกเตอร์ไปเป็นแชมเปี้ยนได้ ทีมนั้นเต็มไปด้วยความสดใหม่ในทุกส่วนและทุกส่วนก็ยังสอดประสานกลืนเป็นเนื้อเดียว
"ไก่ป่า"