ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีก่อนหนึ่งในการย้ายทีมที่สุดเหลือเชื่อของวงการลูกหนังเกิดขึ้นตอนที่ ริยาด มาห์เรซ อำลา เลอ อาฟร์ ทีมจาก ลีก เดอซ์ ฝรั่งเศส เพื่อมาเล่นให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 450,000 ปอนด์ (ราว 18.9 ล้านบาท) เท่านั้น
ตอนนั้น ดาวเตะชาวแอลจีเรีย อายุเพียง 22 ปี แต่เขากลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ช่วยให้ "จิ้งจอกสยาม" สร้างตำนานสุดมหัศจรรย์จนกลายเป็นเทพนิยายที่ยิ่งใหญ่เมื่อช่วยทีมผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในปี 2016
หลังจากที่อยู่โลดแล่นในถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม 4 ปี เลสเตอร์ จำใจต้องขายนักเตะออกไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับสร้างกำไรมหาศาลด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ (ราว 2,520 ล้านบาท)
นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม นั้น มาห์เรซ ช่วยทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 3 สมัย, ลีก คัพ (คาราบาว คัพ 3 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย รวมทั้งแชมป์รายการอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม การเดินทางสู่จุดสูงสุดของเขามันไม่ได้เรียบง่ายเอาซะเลย !!!
หากย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2009 ปีกจอมพลิ้วที่เกิดในเมืองซาร์คเซลส์ ที่ประเทศฝรั่งเศส เคยใช้เวลา 2 เดือนเพื่อทดสอบฝีเท้ากับสโมสรเซนต์ เมียร์เรน ทีมในลีกแดนวิสกี้ ก่อนที่จะได้เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีมแก็งแปร์ ทีมนอกลีกในดินแดนน้ำหอม
มาห์เรซ ให้สัมภาษณ์กับ "เลกิ๊ป" สื่อดังในฝรั่งเศส ถึงเหตุผลที่ไม่ประสบความสำเร็จกับการทดสอบฝีเท้าที่สกอตแลนด์ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ และนำไปสู่การตัดสินใจเบนเข็มชีวิตเพื่อไปเล่นที่ดินแดนไวน์หอมกลมกล่อม
"ฌอง เอวิน่า เอเจ้นท์ของผม บอกกับผมว่าเขาจะให้ผมไปทดสอบฝีเท้ากับทีมสำรองของเซนต์ เมียร์เรน ในดิวิชั่น 1 สกอตแลนด์ เขาจ่ายเงินค่าตั๋วให้ผม และให้ผมพา ดานี่ เบกาเล่ ไปด้วย ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมได้เล่นเกมอุ่นเครื่อง 4 แมตช์ และยิงได้ 7 ประตู"
"ผมทำให้พวกเขาต้องตะลึง และหลังจากนั้นพวกเขาก็บอกให้ผมรอประมาณสองเดือนครึ่ง" มาห์เรซ กล่าว โดยหลังจากทนรอมานานเจ้าตัวก็ตัดสินใจยืมจักรยานเพื่อหวังจะปั่นหนีจากที่นั่น
"สกอตแลนด์ ทำให้ผมแทบคลั่ง มันทั้งหนาวและวุ่นวายมากๆ หมะตกตลอด มีอยู่วันหนึ่งผมหนาวมากๆ จนผมต้องแกล้งเจ็บเพื่อที่จะได้เข้าไปในห้องแต่งตัว"
"ด้วยลักษณ์ะทางกายภาพ และความหนาว รวมทั้งเราต้องฝึกซ้อมท่ามกลางหิมะ ผมรู้สึกว่าผมต้องหนีออกไปจากที่นี่ แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก นั่นทำให้ผมหนีออกไปแบบลับๆ"
"อีกสองสามวันหลังจากนั้น เอเยนต์ของผมก็บอกว่า -ริยาด ฉันจะส่งตั๋วให้นาย นายรีบไปขึ้นรถบัสทันที ซึ่งรถจะออกที่สถานีกลาสโกว์ จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อไปที่สนามบิน แล้วขึ้นเครื่องไปปารีส"
"ผมพูดอังกฤษไม่ได้เลย ผมทิ้งรองเท้าสตั๊ดเอาไว้ที่สนามซ้อม แล้วก็ขอยืมจักรยานจากใครคนหนึ่งที่โรงแรม ผมพาเทรนเนอร์ส่วนตัวของผมไปด้วย ผมคว้ากระเป๋าแล้วก็รีบออกมาโดยที่ไม่บอกใคร แม้แต่แม่บ้านที่โรงแรม ผมออกไปทางบันไดเพื่อหลีกเลี่ยงแผนกต้อนรับ
นอกจากนี้ มาห์เรซ ยังได้เล่าถึงช่วงเวลาที่อยู่กับ เซนต์ เมียร์เรน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่แสนยากลำบาก และไม่สามารถลืมเลือนได้เลย "ผมมีความสุขที่ได้กลับบ้าน เพราะ สกอตแลนด์ เป็นที่ที่ใช้ชีวิตได้ยากลำบากมากๆ และก็โคตรหนาว ตอนนั้นผมยังเด็ก ผมไม่เคยห่างจากครอบครัวไกลขนาดนั้น"
แม้ทุกอย่างรอบตัวจะเป็นเรื่องในด้านลบตอนที่ไปทดสอบฝีเท้ากับ เซนต์ เมียร์เรน แต่ อดีตปีกจอมพลิ้ว เลสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่าตอนนั้นตนก็ยังได้รับประสบการณ์ในด้านบวกมาบ้างเช่นกัน
"ช่วงเวลา 2 เดือนในสกอตแลนด์ ผมพัฒนาเรื่องสภาพร่างกายมากๆ ผมเล่นด้วยจิตวิญญาณของชาวอังกฤษอย่างแท้จริง มันก็เหมือนกับจิตวิญญาณของชาวสหราชอาณาจักร"
"สภาพร่างกายต้องแข็งแกร่ง และผมคิดว่าช่วงเวลาสองเดือนในตอนนั้นมันช่วยผมได้มาก ตอนที่ผมกลับไปฝรั่งเศส ผมเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นกว่าเดิม คุณภาพในหลายๆ ด้านของผมพัฒนาขึ้นอย่างมาก" มาห์เรซ ระบุ
บทเรียนของ มาห์เรซ แสดให้เห็นว่า ทุกๆ ความเลวร้ายมักจะแฝงด้วยเรื่องดีๆ บางอย่างเสมอ ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะมองเห็นมันหรือไม่ อย่างกรณีนี้หากเขาไม่เคยได้ลิ้มรสความยากลำบากในสกอตแลนด์ ก็ไม่แน่ว่าจะพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นสตาร์ลูกหนังเหมือนตอนนี้หรือเปล่า !!
ทอมเม้ง