หายนะเคาะหน้าประตู ! 5 ปัญหาที่ คล็อปป์ ต้องรีบแก้ให้เร็วที่สุด

หายนะเคาะหน้าประตู ! 5 ปัญหาที่ คล็อปป์ ต้องรีบแก้ให้เร็วที่สุด
หลังเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมาบรรดาแฟนบอลลิเวอร์พูลต่างเริ่มรู้สึกเป็นห่วงทีมรัก เนื่องจากผลงานของพวกเขาน่าผิดหวังมากๆ ทั้งเรื่องรูปแบบการเล่นและสกอร์ นั่นทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์กดดันตั้งแต่ต้นซีซั่นเลยทีเดียว

คล็อปป์ แอนด์ โค. ออกสตาร์ทซีซั่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ออกแนวทุลักทุเลเลยทีเดียว ซึ่งแตกต่างจากฟอร์มเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ที่พวกเขาเล่นกันได้อย่างดุดันจนถึงขนาดมีลุ้นแชมป์ 4 รายการเลยทีเดียว 

สำหรับฟอร์มของ "หงส์แดง" ในเวลานี้ต้องยอมรับว่าผิดแผกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่สาวก "เดอะ ค็อป" เคยเห็น เพราะพวกเขาเล่นเหมือนไม่มีพลัง ขาดจินตนาการ ที่สำคัญยังไร้ซึ่งความทุ่มเท แถมบางคนมักจะก่อความผิดพลาดจนนำไปสู่หายนะก็หลายเกม

เมื่อกลางสัปดาห์ในเกมถ้วยใบโตยุโรป "เดอะ เร้ดส์" โดน นาโปลี ทุบด้วยสกอร์ 1-4 โดยพวกเขาแพ้ทั้งรูปเกมและผลการแข่งขัน ขณะที่ฟอร์มในศึกพรีเมียร์ลีกก็ไม่ได้ดีเด่ โดยมีแค่ 9 แต้มตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูง 6 คะแนน 

จากสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ สิ่งที่ คล็อปป์ จำเป็นต้องทำอย่างยิ่งก็คือการแก้ไขปัญหา 5 ข้อที่ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด เพราะหากไม่สามารถเคลียร์เรื่องพวกนี้ได้ งานนี้อนาคตของ "หงส์แดง" และ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช อันตรายแหงๆ 

1. เกมรุกที่ดุดันแสนน่ากลัวหายไปไหน ?


น่าประหลาดใจจริงๆ ที่ลิเวอร์พูล วิ่งไม่ค่อยออกแทบทุกเกมนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2022/2023 หากไม่นับรวมผลงานสุดเหลือเชื่อในแมตช์ถล่ม บอร์นมัธ นอกนั้นทีมเล่นแบบเร่งเครื่องไม่ขึ้น หลายคนอาจจะเถียงว่าสถิติในแต่ละเกมจะเห็นได้ชัดว่า "หงส์แดง" มักครองเกมเหนือกว่า แต่เมื่อมองอย่างละเอียดการครองเกมของพวกเขาแทบไม่ได้สร้างแรงกดดันใส่คู่ต่อกรเลย แถมบางครั้งเวลาเสียบอลและโดนสวนกลับมีโอกาสเสียประตูอีกต่างหาก สำหรับแฟนพันธุ์แท้ "เดอะ เร้ดส์" คงคุ้นชินกับการเห็นทีมรักเล่นวิ่งไล่บี้กดดันสูงมาตลอด แต่ซีซั่นนี้ไม่มีให้เห็นเลย มันอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขามีช่วงปรีซีซั่นที่ไม่ค่อยดี, การฝึกซ้อมระบบใหม่ หรือนักเตะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายและมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม สิ่งที่ คล็อปป์ ทำได้ก็คือต้องรีบหาทางเรียกสปิริตในการเล่น "เกเก้นเพรสซิ่ง" กลับมาใส่ลูกทีมอีกครั้ง

2. นักเตะตัวหลักฟอร์มหลุด


นี่คือหนึ่งในเรื่องสำคัญจริงๆ เพราะผู้เล่นคีย์แมนของทีมฟอร์มหลุดอย่างน่าใจหาย อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่แต่ก่อนเวลาได้บอลทางริมเส้นสามารถเล่นงานแนวรับคู่แข่งได้ตลอด แต่ช่วงนี้เลี้ยงยังไงก็โดนดักทางได้หมด แถมฟอร์มการยิงประตูก็ไม่คมเหมือนเดิม ขณะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ดูเหมือนขาดพลังในการเล่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในรายของ "หนุ่มเทรนต์" มีหลายเกมที่เขาแทบไม่จะเดินเล่นไม่ยอมวิ่งตามคู่แข่งจนทำให้ทีมต้องเสียหาย แม้แต่ ฟาบินโญ่ ก็ฟอร์มหลุดเช่นกัน ส่วนแข้งที่ต้องบอกว่าเล่นได้โดดเด่นและเป็นเดอะ แบก ประจำทีมก็มีแค่ หลุยส์ ดิอาซ เท่านั้น ! แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? มันมาจากอาการเหนื่อยล้าตั้งแต่ซีซั่นที่ผ่านมาหรือเปล่า ? เพราะทีมกรำศึกหนักตั้งแต่ต้นจบจนแบบเล่นคุมทุกรายการ หรือ เป็นเพราะอายุของนักเตะ ? งานนี้ คล็อปป์ อาจจะต้องมีการตัดสินใจดร็อปสตาร์ของทีมบางคนเพื่อให้พวกเขากลับมามีแรงกระตุ้นอีกครั้ง เพราะถ้าขืนยังให้ลงเล่นแบบต่อไปเรื่อยๆ จะมีแต่เสียกับเสีย 

3. อาการบาดเจ็บรุมเร้าอีกแล้ว


ลิเวอร์พูล เคยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะพวกเขาต้องแยกทางกับนักเตะ 11 รายในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมีทั้งขาย และยืมตัว และเซ็นสัญญาเสริมทัพได้เพียงแค่ 4 รายเท่านั้น หนึ่งในนั้นเป็นการยืมตัวด้วย นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้เล่นบาดเจ็บ 12 ราย (ตอนนี้อาจจะมีบางคนทะยอยหายเจ็บกลับมาแต่ยังไม่เต็มร้อย) ในซีซั่นนี้ นักเตะ 6 รายบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาซึ่งถือว่าอันตรายมากๆ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากแผนการซ้อมหรือการดูแลรักษาของทีม ? ฉะนั้นสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องการอย่างยิ่งก็คือการเห็นลูกทีมทุกคนสามารถกลับมาฟิตสมบูรณ์ เพราะไม่อย่างนั้นคงยากที่ "หงส์แดง" จะสามารถระเบิดฟอร์มที่สุดยอดเหมือนเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา 

4. ปัญหาในการทำประตู


เป็นอะไรที่น่าแปลกมากๆ เพราะหลังจากที่ระเบิดฟอร์มซัดเก้าประตูถล่มบอร์นมัธ พวกเขายังไม่สามารถเรียกฟอร์มการยิงประตูที่เฉียบคมกลับมาได้เลย ซาลาห์ ซัดไปเพียง 3 ลูกจาก 8 เกม, ดาร์วิน นูนเญซ ตะบันแค่ 2 จาก 5 แมตช์ ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถือว่าผลงานโดดเด่นแม้จะยิงประตูไม่ค่อยเยอะแต่มีส่วนร่วมกับเกม โดยเฉพาะการสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญก็คือ "บ็อบบี้" ยังขาดความเฉียบคมในการตะบันตาข่ายคู่แข่ง สำหรับตอนนี้ คล็อปป์ อาจจะพอมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เนื่องจาก ดีโอโก้ โชต้า หายเจ็บแล้วแต่ยังต้องเคาะสนิทอีกซักหน่อย งานนี้ต้องยอมรับว่าการที่ ลิเวอร์พูล แยกทางกับ ซาดิโอ มาเน่ ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่เสียหายจริงๆ เพราะทีมยังไม่สามารถหาใครมาทดแทนการยิงประตูของยอดแข้งชาวเซเนกัลได้เลย  

5. เกมรับที่หละหลวม


ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่กล้าเสี่ยงในการใช้ยุทธวิธีกองหลังขึ้นสูงเพื่อดักล้ำหน้า ซึ่งคู่แข่งรู้อยู่แล้วแต่ก็ไม่สามารถเล่นงาน "หงส์แดง" ได้เพราะทีมมีสุดยอดกองหลังอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แต่ซีซั่นนี้ ยักษ์ใหญ่ชาวดัตช์ เล่นไม่ค่อยเด่นเหมือนแต่ก่อน จังหวะการเข้าบอลก็ช้า บางครั้งอ่านเกมพลาด แถมต้องมาจับคู่กับ โจ โกเมซ หายนะยิ่งบังเกิดเข้าไปอีก ! ขณะที่ "หนุ่มเทรนต์" อาการหนักไม่แพ้กัน เกมรุกก็ไม่โดดเด่น เกมรับแย่สุดๆ แฟนบอล "หงส์แดง" หลายคนคงเห็นว่าบางจังหวะเจ้าตัวเดินเฉยเมยไม่คิดวิ่งไล่ตามปะกบคู่แข่งเวลาพวกเขาเล่นชิ่งหนึ่ง-สอง นี่เป็นจุดที่ คล็อปป์ ต้องรีบจับแนวรับทั้งหมดมาพูดคุย เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่ กุนซือชาวเยอรมัน อาจจะต้องใช้มาตรการเด็ดสั่งดร็อปพวกเขาเพื่อกลับไปเรียกสติในการเล่น

ทอมเม้ง





ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport