ซ่วนตง เหริน อดีตซีอีโอ เบอร์มิงแฮม ระบุ ก่อนหน้าที่ จู๊ด เบลลิงแฮม จะไปซบตัก ดอร์ทมุนด์ นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะเอา เบลลิงแฮม ไปร่วมก๊วน พร้อมบอกว่าทึ่งกับการตัดสินใจของ เบลลิงแฮม ที่เลือกซบ "เสือเหลือง" มากกว่า บาเยิร์น ด้วย
ซ่วนตง เหริน อดีตประธานบริหารของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพยายามทำทุกทางเพื่อที่จะเอาตัว จู๊ด เบลลิงแฮม ไปร่วมทัพ ไม่ว่าจะเป็นการให้ค่าตัวเยอะกว่าทีมอื่น, ให้ค่าเหนื่อยเยอะที่สุด รวมถึงให้คนอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ เอริก คันโตน่า มาคุยกับเจ้าตัว แต่สุดท้าย เบลลิงแฮม ก็ยังเลือกย้ายไปอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
เบลลิงแฮม สร้างชื่อได้ตั้งแต่ตอนเล่นกับ เบอร์มิงแฮม เพราะเขาได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ของที่นั่นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ปี 2019 ทั้งที่มีอายุแค่ 16 ปีกับ 38 วัน แล้วจากนั้นก็เป็นแกนหลักให้กับทีมมาโดยตลอด
ฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัยของ เบลลิงแฮม ทำให้ตอนนั้นเขาเป็นที่สนใจของทีมดังหลายราย และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยช่วงนั้น "ปีศาจแดง" ถึงขั้นพา เบลลิงแฮม กับครอบครัวมาทัวร์สนามซ้อม รวมถึงให้พวกเขาได้เจอกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วย
กระทั่งล่าสุด เหริน ก็แฉว่าที่จริงนอกจาก เฟอร์กูสัน แล้วนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ คันโตน่า มาช่วยเกลี้ยกล่อม เบลลิงแฮม เช่นกัน รวมถึงประเคนเงินทุกด้านเยอะกว่าทีมอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่สมหวังอยู่ดี
เหริน เผยกับ มุนโด้ เดปอร์ติโบ สื่อกีฬาชื่อดังของแคว้นกาตาลุนย่าว่า "ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ยื่นข้อเสนอก้อนใหญ่ที่สุดมาให้เรา เมื่อเทียบกับข้อเสนอจากทีมอื่นอย่าง บาเยิร์น, ดอร์ทมุนด์ เลสเตอร์ หรือ วูล์ฟส์ เอ็ด วู้ดเวิร์ด (รองประธานบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงนั้น) เป็นคนที่ตื๊อเพื่อพยายามผลักดันให้เกิดการย้ายทีมมากที่สุด (ในบรรดาคนที่ เหริน ได้เจรจาด้วย) เราได้คุยกันเพื่อดูว่าต้องทำยังไงถึงจะเกลี้ยกล่อม เบลลิงแฮม ได้ (หมายถึงการโน้มน้าวใจให้ เบลลิงแฮม เลือกไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด)"
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ค่าตัวเยอะกว่าทุกทีมที่เหลือสัก 2 เท่าได้ พวกเขาถึงขั้นให้เขาได้คุยกับ เฟอร์กูสัน, คันโตน่า และ โซลชา เพื่อที่จะช่วยเกลี้ยกล่อมเขาด้วย แต่ จู๊ด ไม่ได้ตัดสินใจโดยยึดเอาเรื่องเงินเป็นประเด็นหลัก"
"พวกเขาให้ข้อเสนอที่จะให้ค่าเหนื่อยเยอะกว่าทีมอื่นๆ ด้วย บางทีอาจจะมากกว่าของทีมอื่นสัก 2 เท่าได้ ข้อเสนอแบบนั้นทำให้มันรับประกันเลยว่าเขาจะมีเงินหลายล้านปอนด์อยู่ในธนาคาร แต่เขาก็ยังปฏิเสธมัน ซึ่งนั่นไม่ใช่การกระทำแบบปกติของคนที่เป็นนักฟุตบอลเลย"
"ตอนนั้นผมทำหน้าที่ได้แค่ในฐานะซีอีโอของ เบอร์มิงแฮม เท่านั้น แน่นอน ผมจะไปพูดกับ จู๊ด โดยตรงก็ได้ว่า -แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ค่าเหนื่อยนายมากกว่าที่เรากำลังจ่ายให้นายถึง 3 เท่าเลยนะ นายต้องย้ายไปอยู่กับที่นั่น- แต่มันเป็นจุดยืนที่ยากลำบาก เพราะผมอยากเคารพการตัดสินใจของเขา"
"ที่จริงตอนนั้นเขาจะย้ายออกไปแบบฟรีๆ ก็ได้ มันจะทำให้เราไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว แต่เราทำสัญญากันเอาไว้แล้วว่าเราจะปล่อยให้พวกเขาทำการตัดสินใจตามที่พวกเขาต้องการ เพราะพวกเขาภักดีกับเรามากๆ"
อดีตผู้บริหารของ เบอร์มิงแฮม บอกด้วยว่าทึ่งสุดๆ ที่ เบลลิงแฮม เลือกจะเล่นในเยอรมนีกับ ดอร์ทมุนด์ ไม่ใช่ บาเยิร์น ที่ดูเป็นทีมที่ใหญ่กว่า "เขาเลือก ดอร์ทมุนด์ มากกว่า บาเยิร์น ทั้งที่มันไม่ได้รับประกันเลยว่าเขาจะได้แชมป์และได้เงินมากมายก่ายกอง เขาให้ความสำคัญกับพัฒนาการมากกว่าเรื่องเหล่านั้น มันจะมีนักเตะสักกี่คนกันที่กล้าตัดสินใจแบบนั้น ? เพราะการไปอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ มันไม่ได้การันตีเรื่องอะไรให้กับคุณเลย บทสรุปของการย้ายทีมน่ะมันอาจจะออกมาไม่ดีก็ได้"