อาเดรียโน่ - ผมพอใจกับการเป็นขยะเสียของชิ้นใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล

อาเดรียโน่ - ผมพอใจกับการเป็นขยะเสียของชิ้นใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล
หลายวันก่อนมีการเผยแพร่ภาพของ อาเดรียโน่ อดีตกองหน้าคนดังในปัจจุบัน ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขามีสภาพอ้วนมากพอตัว, ดื่มเบียร์อย่างเริงร่าตั้งแต่หัววัน และเฮฮากับเพื่อนๆ ในย่านสลัมด้วยสีหน้าที่ดูแล้วเมาในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ มันมีหลายคนที่ทั้งแสดงความคิดถึง อาเดรียโน่ และบางรายที่โพสต์เชิงเสียดายกับการที่เขามีสภาพแบบในทุกวันนี้หลังจากเคยถูกมองว่าจะเป็นสตาร์ดังของวงการลูกหนัง ซึ่งล่าสุด อาเดรียโน่ ก็มาเปิดใจผ่าน the players tribune เว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาออกมาเขียนเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง และเราขอนำส่วนหนึ่งมาให้ได้อ่านกัน

- พอใจกับชีวิตปัจจุบัน

"คุณรู้ป่ะว่ามันรู้สึกยังไงเวลาที่มีอนาคตสดใส ? ผมน่ะรู้ดี รวมถึงการเป็นคนที่เคยมีอนาคตสดใสแต่กลับไปไม่ถึงฝั่งฝันด้วย ผมนี่แหละคือขยะเสียของชิ้นใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอล แต่ผมชอบคำนั้นนะ ไอ้คำว่า ขยะเสียของ น่ะ ไม่ใช่แค่เพราะมันฟังดูเก๋เท่านั้น แต่เป็นเพราะผมหมกมุ่นกับการทำให้ชีวิตของตัวเองเหลวแหลกด้วย"

"ผมพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ ในสภาพที่เป็นเหมือนขยะสุดบ้า ผมสนุกกับความอัปยศแบบนี้ ผมไม่ได้เล่นยาเสพติดตามที่พวกเขาพยายามจะพิสูจน์ให้เห็น ผมไม่ได้ไปมีเอี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมใดๆ แต่ก็นั่นแหละ สักวันหนึ่งอาจจะเกิดเรื่องแบบนั้นก็ได้ ผมไม่ชอบไปเที่ยวสถานที่อย่างไนต์คลับ"

"ใช่ ผมดื่มบียร์ทุกวัน วันก่อนก็ดื่ม คนแบบผมมาถึงจุดที่ดื่มเบียร์เกือบทุกวันได้ยังไงน่ะเหรอ ? ที่จริงผมไม่ชอบอธิบายให้คนอื่นฟังเท่าไหร่น่ะนะ แต่ครั้งนี้ผมจะบอกอะไรให้ฟังก็แล้วกัน ผมดื่มเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เป็นคนที่มีอนาคตสดใสที่ยังมีหนี้ติดตัวอยู่ทุกวันนี้ และมันก็เลวร้ายมากขึ้นเมื่ออยู่ในช่วงวัยแบบผม"

- คุณพ่อที่แสนดี

"คุณพ่อของผมมีชื่อว่า อัลเมียร์ เลยเต้ ริเบยโร่ คุณเรียกเขาว่า มิรินโญ่ ก็ได้ ชาวบ้านทุกคนรู้จักเขาในชื่อนั้น เขาเป็นคนที่เจ๋งมากๆ ไม่เชื่อผมงั้นเหรอ ? ถ้างั้นคุณลองถามทุกคนแถวนี้ดูก็ได้"

"คุณพ่อของผมท่านไม่ชอบเห็นใครดื่มเบียร์ ยิ่งเป็นเด็กยิ่งไม่ปลื้ม ผมจำวันที่เขาเห็นผมถือแก้วเบียร์ครั้งแรกได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นผมเพิ่งมีอายุ 14 ปี เรากำลังฉลองกัน ที่จริงตอนนั้นผมยังไม่ติดของแบบนั้นหรอกนะ แต่ผมเห็นเด็กคนอื่นๆ ดื่มกันแล้วหัวเราะร่า ผมเลยขอร่วมวงด้วย"

"ทันทีที่คุณพ่อเห็นผมถือแก้วอยู่ในมือน่ะท่านก็เดินข้ามสนามตรงมาหาผมแบบรวดเร็วจนเหมือนกับเป็นคนที่ไม่อยากตกรถบัส ท่านตะโกนดังลั่นว่า -หยุดเลยนะ-"

"แม้ว่าคุณน้ากับคุณแม่ของผมจะพยายามทำให้ท่านใจเย็นด้วยการบอกว่า -ไม่เอาน่า มิรินโญ่ เขาอยู่กับเพื่อนๆ นะ เขาจะไม่ทำอะไรที่มันเพี้ยนๆ หรอก เขาแค่สนุกเท่านั้นเอง ปล่อยเขาไปเถอะ แถม อาเดรียโน่ ก็โตแล้วด้วย- แต่คุณพ่อของผมท่านหัวเสียมากๆ ท่านกระชากแก้วไปจากมือของผมพร้อมกับโยนมันทิ้งแล้วพูดว่า -พ่อไม่ได้สอนให้แกทำตัวแบบนี้นะ ลูกพ่อ-"

- ฝันร้ายในความเป็นจริง

"การตายของคุณพ่อของผมเปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล จนถึงวันนี้ผมยังทำใจยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้เลย เรื่องบัดซบทั้งหมดเริ่มขึ้นจากที่นี่ จากย่านสลัมที่ผมแคร์มากๆ นี่แหละ วิล่า ครูเซยโร่ ไม่ใช่สรวงสวรรค์หรอกนะ ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นสถานที่ที่อันตรายสุดๆ"

"คุณพ่อของผมท่านโดนยิงเข้าที่ศีรษะกลางงานปาร์ตี้ใน ครูเซยโร่ ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นลูกหลง ท่านไม่ได้มีเอี่ยวอะไรกับต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายที่ว่าเลย กระสุนมันเข้าไปที่หน้าผากของท่านแล้วก็ฝังอยู่ในหัวของท่าน แพทย์บอกว่าไม่มีทางเอามันออกมาได้ หลังจากนั้นครอบครัวของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คุณพ่อของผมท่านเริ่มมีอาการชักบ่อยๆ มันน่ากลัวมาก ตอนที่คุณพ่อของผมโดนยิงน่ะผมเพิ่งมีอายุแค่ 10 ขวบเอง"

- ความช่วยเหลือจากเพื่อนในสลัม

"ผมเติบโตมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของคุณพ่อ มิรินโญ่ ไม่สามารถกลับไปทำงานได้อีก ภาระทั้งหมดของบ้านตกอยู่กับคุณแม่ของผม ซึ่งท่านก็เผชิญหน้าสู้กับมัน และได้รับความช่วยเหลือจากคนในชุมชนของเรา จากครอบครัวของเรา ถ้าไม่มีคนเหล่านี้ผมก็คงไม่มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้หรอก"

- เอาชนะปัญหาไม่ได้

"ตอนที่ผมหนีจาก อินเตอร์ และ อิตาลี น่ะ ผมก็มาซ่อนที่สลัมแห่งนี้ ผมหายหน้าไป 3 วัน ไม่มีใครหาผมพบ มันไม่มีทางหรอกที่พวกเขาจะทำแบบนั้นได้ กฎข้อแรกของย่านสลัมคือทุกคนจะปิดปากเงียบ คุณคิดว่าจะมีใครแถวนี้เอาเรื่องของผมไปแฉเหรอ ? ที่นี่ไม่มีคนทรยศแบบพวกหนูสกปรกหรอกนะ"

"ตอนนั้นสื่ออิตาลีเป็นบ้ากันไปหมด พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงมาที่สลัม มันไม่ใช่เพราะผมหนีมาดื่มเบียร์, หนีมามีอะไรกับผู้หญิง หรือหนีมาเล่นยาเสพติด สาเหตุที่ผมมานี่ที่ก็เพราะเรื่องของอิสรภาพ ผมอยากมีชีวิตที่สงบสุข ผมอยากเป็นคนอีกครั้ง แค่สักนิดก็ยังดี"

"ผมพยายามทำตามที่พวกเขาต้องการแล้ว ผมต่อรองกับ โรแบร์โต้ มันชินี่, ผมพยายามอย่างหนักกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ผมร้องไห้คาไหล่ของ โมรัตติ แต่ผมไม่สามารถทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ มีบางสัปดาห์ที่ผมทำตัวดี, ไม่ดื่มเหล้าดื่มเบียร์, ซ้อมเป็นบ้าเป็นหลัง แต่อาการมันก็กำเริบอยู่เสมอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนทุกคนพร่ำด่าผม และผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป"

- สถานที่แห่งความสุข

"ตอนนี้ผมต้องการอะไรน่ะเหรอ ? ผมบอกเลยว่าผมไม่ได้พาผู้หญิงจากที่อื่นมามีอะไรกันแถวนี้หรอกนะ ยิ่งกับผู้หญิงจากย่านชุมชนของผมยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ผมแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขและจดจำตัวตนที่แท้จริงของตัวเองให้ได้"

"เพราะงั้นผมเลยกลับมาที่นี่อยู่เรื่อยๆ นี่เป็นที่ที่ผมได้รับความเคารพอย่างแท้จริง เป็นสถานที่ที่เป็นเรื่องราวของผม, เป็นที่ที่ทำให้ผมได้รู้ว่าคำว่าชุมชนแปลว่าอะไร วิล่า ครูเซยโร่ ไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่สุดในโลกหรอก แต่มันคือสถานที่ของผม"


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport