ฟีฟ่า ประกาศเปลี่ยนรูปแบบของศึกชิงแชมป์สโมสรโลกแบบเป็นทางการ โดยจะเตะกันในช่วงกลางปีรวมถึงแข่งทุกๆ 4 ปี และเริ่มใช้ในปี 2025 แถมมีการเปิดเผยเงื่อนไขเกี่ยวกับทีมที่จะได้สิทธิ์ลงเล่นด้วย ซึ่งทาง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด จะอดลงเล่นในอีก 2 ปีต่อจากนี้แน่นอน
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันของศึกชิงแชมป์สโมสรโลก (ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ) โดยจะเปลี่ยนเป็นแข่งกันทุกๆ 4 ปี รวมถึงจะมีทีมที่ได้สิทธิ์ลงแข่งขันครั้งละ 32 ทีมด้วยกัน
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นศึกชิงแชมป์สโมสรโลกจะแข่งกันปีละ 1 ครั้ง โดยหลักๆ แล้วจะมีเพียงทีมแชมป์ของรายการระดับทวีปในแต่ละชาติที่ได้สิทธิ์ลงแข่ง บวกกับสโมสรที่เป็นตัวแทนของชาติที่เป็นเจ้าภาพในปีนั้นๆ อีก 1 ทีม ทำให้ที่ผ่านมาจะมีทีมที่ได้โควตาลงแข่งแค่ 7 ทีม
อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่า แสดงเจตนารมณ์มาพักใหญ่แล้วว่าต้องการทำให้ศึกชิงแชมป์สโมสรโลกเป็นรายการที่ใหญ่ขึ้นแบบในระดับเดียวกับ ฟุตบอลโลก หรือศึก ยูโร ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความขลังของรายการรวมถึงทำให้มีรายได้เข้ามาเยอะกว่าเดิม
สำหรับรูปแบบใหม่นั้นจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป โดยชาติที่จะได้เป็นเจ้าภาพในปีดังกล่าวก็คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเตะกันระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน - 13 กรกฎาคม ปี 2025 ส่วนโควตานั้นจะแบ่งเป็นทีมจากทวีปยุโรป 12 ทีม, ทวีปอเมริกาใต้ 6 ราย, ทวีปเอเชีย 4 ทีม, โซนคอนคาเคฟ 4 ราย, ทวีปแอฟริกา 4, โซนโอเชียเนีย 1 ราย และทีมจากชาติที่เป็นเจ้าภาพอีก 1 ทีม
ทั้งนี้ โควตาที่ใช้กำหนดทีมที่จะได้สิทธิ์ลงเล่นในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกปี 2025 จะแตกต่างกันไปในแต่ละทวีป ยกตัวอย่างเช่น 12 ทีมจากโซนของทวีปยุโรปนั้นจะแบ่งเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จำนวน 4 ทีมในช่วง 4 ฤดูกาลที่นับย้อนหลังเริ่มจากฤดูกาล 2020-21 กับทีมที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตามการนับคะแนนของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่ดีที่สุด 8 อันดับแรก ในช่วงระยะเวลา 4 ปี
อย่างไรก็ตาม มันมีเงื่อนไขด้วยว่าหลักๆ แล้วแต่ละชาติจะส่งตัวแทนลงเล่นได้สูงสุดแค่ชาติละ 2 ทีมเท่านั้น ยกเว้นว่าทีมจากประเทศที่ว่าจะเป็นแชมป์ของรายการชิงแชมป์ระดับทวีป 3 ทีมขึ้นไป ยกตัวอย่างเช่นของอังกฤษที่ตั๋วเป็นของ เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว ในฐานะที่พวกเขาเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2020-21 กับ 2022-23 ตามลำดับ นั่นหมายความว่าทีมอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะหมดสิทธิ์ลงเล่นรายการดังกล่าวแน่นอนต่อให้จะมีคะแนนสัมประสิทธิ์อยู่ในอันดับต้นๆ ก็ตาม แต่ อาร์เซน่อล ยังมีโอกาสไปเล่นที่ สหรัฐอเมริกา ในปี 2025 ได้อยู่ ถ้าหากพวกเขาได้ถ้วยบิ๊กเอียร์ในฤดูกาลนี้ไปครอง
ในส่วนของการแข่งขันนั้น จะเริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม โดยมี 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ซึ่ง 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มจะได้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แล้วจากนั้นก็เตะตามรอบน็อกเอาท์ไปเรื่อยๆ คล้ายกับที่ใช้ในศึก ฟุตบอลโลก ตั้งแต่ปี 1998 จนถึง 2022 นั่นเอง
โควตาทีมที่ได้สิทธิ์ลงเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025
ยุโรป (12 ทีม)
- เชลซี แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020-21
- เรอัล มาดริด แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021-22
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022-23
- โควตาจากทีมแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24
- บาเยิร์น มิวนิค ค่าสัมประสิทธิ์
- ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ค่าสัมประสิทธิ์
- อินเตอร์ มิลาน ค่าสัมประสิทธิ์
- เอฟซี ปอร์โต้ ค่าสัมประสิทธิ์
- เบนฟิก้า ค่าสัมประสิทธิ์
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
อเมริกาใต้ (6 ทีม)
- พัลเมยรัส แชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2021
- ฟลาเมงโก้ แชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2022
- ฟลูมิเนนเซ่ แชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2023
- โควตาจากทีมแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2024
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
เอเชีย (4 ทีม)
- อัล-ฮิลัล แชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021
- อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส แชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022
- โควตาจากแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
แอฟริกา (4 ทีม)
- อัล อาห์ลี แชมป์ ซีเอเอฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020-21 กับ 2022-23
- วีดัด คาซาบลังก้า แชมป์ ซีเอเอฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021-22
- โควตาจากแชมป์ ซีเอเอฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24
- โควตาจากค่าสัมประสิทธิ์
คอนคาเคฟ (4 ทีม)
- มอนเตอร์เรย์ แชมป์ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021
- ซีแอตเทิ่ล เซาน์เดอร์ส เอฟซี แชมป์ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022
- คลับ เลออน แชมป์ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023
- โควตาจากแชมป์ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022
โอเชียเนีย (1 ทีม)
- อ็อคแลนด์ ซิตี้ แชมป์ โอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีค่าสัมประสิทธิ์ดีที่สุดในช่วงเวลา 4 ปี
โควตาเจ้าภาพ (1 ทีม)
- ทีมจากสหรัฐอเมริกา