ของ เมสซี่ ยังอาจแปลกไม่เท่า! 5 กรณีการขอเงื่อนไขพิเศษแลกเซ็นสัญญา

แน่นอน เรื่องอย่างการขอเงินกินเปล่าจำนวน 8.7 ล้านปอนด์ ทันทีที่ทำการเซ็นสัญญา หรือการขอค่าเหนื่อยเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อฤดูกาล 2021-22 กัย 2022-23 ถือเป็นเรื่องปกติที่นักเตะชื่อดังในสมัยนี้ชอบขอกัน แต่มันมีเงื่อนไขพิเศษที่ค่อนข้างต่างจากกรณีทั่วไปด้วย นั่นคือการที่เขาขอให้ครอบครัวของเขากับของ หลุยส์ ซัวเรซ ได้มีบ็อกซ์ที่นั่งเป็นของตัวเองที่ คัมป์ นู รังเหย้าของทีม

อย่างไรก็ตาม เมสซี่ ไม่ใช่นักเตะคนแรกที่ตั้งเงื่อนไขนอกเหนือจากเรื่องเงินเพื่อแลกกับการเซ็นสัญญา และที่ผ่านมาก็เคยมีคนที่ตั้งข้อกำหนดแปลกกว่าของ เมสซี่ ซะด้วยซ้ำ ซึ่งวันนี้เราจะมายกตัวอย่างสัก 5 กรณี

- สายการบิน ซามูเอล เอโต้

หากหลายคนยังจำกันได้ เมื่อตอนปี 2011 เอโต้ สร้างความฮือฮาให้กับหลายฝ่ายด้วยการเลือกย้ายไปอยู่กับ อันจิ มาคัชคาล่า ทีมในรัสเซียที่ตอนนั้นกำลังมีโปรเจ็คท์การโปรยเงินก้อนโตไปทั่วเพื่อที่จะสร้างทีมชั้นยอดขึ้นมาให้ได้ โดยว่ากันว่า เอโต้ ได้รับค่าเหนื่อยหลังหักภาษีไปแล้วถึงฤดูกาลละ 20 ล้านยูโร จนทำให้ตอนนั้นเขาเป็นนักเตะที่ฟันค่าเหนื่อยเยอะที่สุดของโลก

ถึงกระนั้น เงินก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ เอโต้ ยอมทิ้งโอกาสการค้าแข้งกับทีมดังในทวีปยุโรปเพื่อไปเล่นที่ รัสเซีย เพราะเขาไม่อยากอยู่ใน ดาเกสตาน ถิ่นที่ตั้งของ อันจิ เขาเลยบอกกับสโมสรว่าต้องการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อที่จะพาเขาเดินทางไปยังกรุงมอสโกแล้วให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น

พูดอีกแบบก็คือ เอโต้ ต้องเดินทางเป็นระยะทางราว 1,200 ไมล์แทบทุกวัน เพียงเพื่อที่จะมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย แต่ อันจิ ก็ยอมทำตามคำขอของ เอโต้ อยู่ดี

- รอล์ฟ-คริสเตล กี-เมียง กับคอร์สพิเศษ

นักเตะแต่ละคนย่อมมีเมนูอาหารโปรดเป็นธรรมดา ซึ่งนั่นทำให้บางครั้งเวลาที่ทำการเซ็นสัญญากันนั้น พวกเขาจะตั้งเงื่อนไขว่าทีมต้องยอมให้พวกเขามีเชฟส่วนตัวที่จะคอยทำอาหารให้ตัวเองเท่านั้นด้วย

ตอนที่ กี-เมียง เซ็นสัญญาย้ายไปเล่นกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อปี 1999 มันก็เกือบจะคล้ายกัน เพียงแต่ของเขามันมีรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย เพราะภรรยาของเขาทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ดังนั้นเขาเลยขอให้ แฟร้งค์เฟิร์ต ช่วยจ่ายค่าสอนคอร์สทำอาหารแทนเมียของเขาด้วย ซึ่งทีมดังของเมืองเบียร์ก็ไม่ปฏิเสธ

- เนย์มาร์ ผู้รักเพื่อน

ส่วนใหญ่แล้วคนเรามีนิสัยที่ชอบเข้าสังคม และอยากอยู่กับคนที่รู้ใจบ่อยๆ ยิ่งต้องไปทำงานในสถานที่ที่ไกลจากถิ่นเดิมแล้วนั้นมันก็จะยิ่งทำให้เราคิดถึงคนที่เคยใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากเป็นพิเศษ

ตอนที่ เนย์มาร์ ยังเป็นเพียงดาวรุ่งพุ่งแรงนั้น เขาก็มีนิสัยแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นตอนที่เจรจากับ บาร์เซโลน่า ในตอนที่เจ้าตัวมีอายุเพียง 21 ปี เขาเลยขอให้ บาร์เซโลน่า ใส่เงื่อนไขด้วยว่าเขาจะพาเพื่อนจาก บราซิล บินมาอยู่กับเขาได้ในทุกๆ 2 เดือน แถมทางสโมสรต้องออกค่าเดินทางทั้งหมดให้อีกต่างหาก

ด้วยความที่ตอนนั้น เรอัล มาดริด คู่อริตลอดกาลของ บาร์เซโลน่า กำลังพยายามตามจีบดาวเตะเลือดแซมบ้าเหมือนกัน ทำให้ บาร์เซโลน่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง

- บ้านแสนสุข (?) ของ จูเซ็ปเป้ เรน่า

การย้ายทีมส่วนใหญ่ทำให้จำเป็นต้องหาที่พักใหม่ตามไปด้วย แต่กรณีของ จูเซ็ปเป้ เรน่า มันออกจะพิเศษกว่าชาวบ้านชาวช่อง เพราะก่อนจะเซ็นสัญญากับ อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ เมื่อปี 1996 เขาบอกว่าสโมสรต้องยอมที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับเขาในทุกๆ ปีที่เจ้าตัวยังอยู่กับทีม

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กลับหักมุมยิ่งกว่านั้น เพราะถึงแม้ บีเลเฟลด์ จะตอบตกลง แต่ทาง เรน่า ไม่ได้ระบุรายละเอียดให้แน่ชัดว่าต้องการบ้านขนาดไหน หรือต้องการที่พักแบบใด บีเลเฟลด์ เลยใช้จุดบอดในเงื่อนไขนี้ด้วยการสร้างบ้านจากตัวต่อเลโก้ แล้วส่งมันไปให้เขาในแต่ละปีแทน

- ไลฟ์สไตล์แบบ โรนัลดินโญ่

นอกจากจะมีฝีเท้าอันยอดเยี่ยมจนทำให้แฟนบอลหลายคนต้องประทับใจแล้วนั้น อีกหนึ่งเรื่องที่ถือเป็นสิ่งขึ้นชื่อลือชาของ โรนัลดินโญ่ ก็หนีไม่พ้นการที่เขาชื่นชอบการออกงานปาร์ตี้เป็นอย่างมาก

แม้ว่าตอนปี 2011 เขาจะมีอายุมากขึ้นแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังยึดมั่นกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองจนบอกกับ ฟลาเมงโก้ ทีมดังในบราซิลเลยว่าในสัญญาของเขาต้องมีเงื่อนไขด้วยว่าสโมสรจะอนุญาตให้เขาได้ออกงานปาร์ตี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

แน่นอน การเที่ยวบ่อยแบบนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่สโมสรหรือคนเป็นกุนซือต้องการ เพราะมันอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพความฟิตของตัวนักเตะได้ แต่ด้วยชื่อเสียงของ โรนัลดินโญ่ ทำให้ ฟลาเมงโก้ ยอมทำตามคำเรียกร้องของเขา ถึงกระนั้น สุดท้าย โรนัลดินโญ่ ก็เล่นอยู่ที่นั่นแค่ราว 1 ปีกว่าๆ เท่านั้น

- เด็กเกร็ดบอล -