DAY 1 ของ ราอูล อาเซนซิโอ กับทีมชาติสเปน

DAY 1 ของ ราอูล อาเซนซิโอ กับทีมชาติสเปน
พัฒนาการของ ราอูล อาเซนซิโอ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพุ่งเร็วอย่างกับดาวหางเลยนะครับ

จากลงเล่นให้ทีมชุดกาสตีย่า ระดับพรีเมร่า เฟเดเรซิออน (ด.2) วันนี้ชีวิตพลิกผัน ก้าวมาติดทีมชาติชุดใหญ่ 

ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ใช้เวลาเพียง 125 วันเท่านั้น

6 พฤศจิกายน 2024 หรือ 3 วันก่อนลงเล่นเกมแรกใน ลา ลีกา กับ โอซาซูน่า อาเซนซิโอ มีค่าตัวจากการประเมินของตลาดกลางที่   300,00ยูโร แต่หลังจากถูกเปลี่ยนลงไปแทน เอแดร์ มิลิเตา ที่เจ็บหนักในนาทีที่ 29 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

จนวันนี้ มีนาคม 2025 หลังผ่านการลงเล่น 29 เกมในทุกรายการ ค่าตัวของเซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 22 ทะยานขึ้นไปแตะที่ 7.5 ล้านยูโร กลายเป็นหนึ่งในนักเตะขาประจำของทีมชุดใหญ่เรอัล มาดริด ก่อนจะเข้าตา หลุยส์ เด ลาฟวนเต้ จนถูกดึงมาติดทีมชาติชุดใหญ่หนแรกในชีวิต 

กระนั้นแม้ความคาดหวัง ระดับการแข่งขัน โฟกัสจากสื่อ และมูลค่าในฐานะนักเตะจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ อาเซนซิโอ ยังคงรักษาแก่นแท้ของตัวเองเอาไว้ได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาเดินมาไกลจนถึงจุดนี้ 

ความฝัน 

"ตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว ผมฝันถึงบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับอะไรแบบนี้ และอยากที่จะเดินบนเส้นทางนี้ ผมเลยโคตรภูมิใจและโคตรมีความสุขเลย"

"คุณเชื่อเสมอมาว่าคุณทำสามารถคว้าบางสิ่งบางอย่างได้ แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันและมันดีเอามากๆ ผมเองก็ต้องปรับตัวกับสถานการณ์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งผมไม่เคยประสบมาก่อนและผมหวังว่ามันจะดำเนินไปเช่นนี้"

วินาทีที่รู้ว่าติดทีมชาติ

"ระหว่างการฝึกซ้อม เจ้านายอันเชล็อตติ ปรากฏตัวขึ้น และบอกข่าวกับเราตรงกลางสนามว่าผมจะได้เล่นให้ทีมชาติ โอ้โห คุณลองจินตนาการดูสิ เพื่อนร่วมทีมผมทุกคนต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับผม ,ทีมสต๊าฟด้วย ความจริงคือวันนั้นมันสวยงามมากๆ"

การเริ่มต้นที่ยากลำบากใน มาดริด

"ผมมองตัวเองว่าเป็นคนที่มีจิตใจเข้มเเข็งอยู่เสมอ เช่นนี้ผมจึงมาที่ มาดริด ตอนอายุแค่ 14 เท่านั้น"

"ผมต้องแยกจากครอบครัว แยกจากเพื่อนๆ แยกจากกิจวัตรประจำวันที่เคยทำ และแยกจากส่งที่เคยเป็นเรื่องง่ายของผม แต่นั่นทำให้ผมเข้มแข็งเมื่อต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านพัก มีชีวิตแบบใหม่ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ และกับผู้คนใหม่ๆ"

เลือกเล่นกองหลัง 

"ผมชอบทำงานแบบเงียบๆ ผมไม่ชอบได้รับการชื่นชมจากการยิงประตู หรือการแอสซิสต์ สุดท้ายมันก็กลายเป็นอะไรที่สวยงาม แต่ผมสนุกนะกับการที่คอยบัญชาเกมอยู่ข้างหลัง ได้เห็นเกมในสนามทั้งหมด และพยายามจัดระเบียบทุกอย่างในทีม มันเป็นความสามารถของผมที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเด็ก ผมสนุกกับการเล่นเป็นกองหลัง และผมคิดว่าในวันนี้ผมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยที่เลือกเล่นตำแน่งนี้"

เทรนเนอร์คนแรก

"มิเกล กอนซาเลซ คือเทรนเนอร์คนแรกของผมที่ ลาส ปัลมาส ผมอยู่กับเขา 3 ปีในรุ่นเบนฆามิน (9-10 ปี)และ อเลบิน (11-12)ความจริงก็คือผมมีความทรงจำที่สุดประทับใจกับเขา เขาเป็นบุคคลที่ดีมากๆ เขาคอยอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลาเหมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวผม เขาดีใจกับทุกความสำเร็จของผม ตั้งแต่สมัยอยู่ยังอยู่ที่ ลาส ปัลมาส รวมถึงตอนที่ผมย้ายมาที่ เรอัล มาดริด ด้วย 

"เขาเป็นคนที่พิเศษมากสำหรับพวกเรา และในวันนี้เขาก็ยังคงเป็นแบบนั้น และจะเป็นแบบนั้นเสมอ"

ต้นแบบที่ยึดถือ : เซร์คิโอ รามอส

"เซร์คิโอ รามอส สุดท้ายไม่ว่าจะยังไงเขาก็คือต้นแบบที่ผมยึดถือมาตลอด ผมคิดว่าสำหรับทุกๆคนที่รักฟุตบอลจะรู้ดีว่าเขาเป็นแบบนั้น ทั้งกับ เรอัล มาดริด และกับทีมชาติสเปน เขาคือต้นแบบที่ชัดเจน"

"ในระดับทีมชาตินั้นมีนักเตะอีกหลายคนที่ถือเป็นต้นแบบ อย่างเช่น การ์เลส ปูโญล คุณจะเฝ้ามองพวกเขาและชื่อเสียงของพวกเขาตั้งแต่ตอนที่คุณยังเด็กๆ ผมพยายามที่จะดึงจุดเด่นของแต่ละคนมาพัฒนาตัวเอง"

ความฝันที่เป็นความจริง

"ผมจะสนุก, เรียนรู้ และสัมผัสกับผระสบการณ์ ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทีมผมทุกคน เฝ้ามองกลุ่มนักเตะว่าพวกเขาทำงานอย่างไรเวลาอยู่กับทีมชาติ"

"วันนี้ผมได้โอกาสเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ของตัวเอง ผมจะเปิดใจรับฟังจากทุกๆคน พยายามเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเพื่อนร่วมทีมทุกคน,จากทีมสต๊าฟ จากคนอื่นๆไม่ว่าใครก็ตาม และสนุกกับมันให้เต็มที่"

เจมส์ ลาลีกา


ที่มาของภาพ : getty image
BY : เจมส์ ลาลีกา
อาวุธ จิวรากรานนท์
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport