ฟินแลนด์ พบ อังกฤษ! 5 ประเด็น เทรนต์ โชว์ฟรีคิก,คาร์สลีย์ กู้หน้าสำเร็จ

1. ฟินน์ทำช็อกดร็อปหอกตัวเก่ง

ฟินแลนด์ ซึ่งไม่ชนะเลยในห้านัดหลังทุกรายการ และเสมอนัดเดียวปรับทัพห้ารายจากเกม เนขั่นส์ ลีก แมตช์ล่าสุดที่เปิดรังแพ้ ไอร์แลนด์ 2-1

กุนซือ มาร์คคู คาเนอร์วา เลือกดร็อป โยเอล โปห์ยันปาโล กองหน้าที่คลำเป้าให้ทีมออกนำ ยักษ์เขียว ไปนั่งข้างสนาม ขณะที่ ลูคัส ฮราเด็คกี้ นายทวารทีม เลเวอร์คูเซ่น รับบทกัปตันเช่นเดิม

นอกจากนี้ เจ้าบ้านมี เกล็น คามาร่า กองกลาง แรนส์ ที่เคยค้าแข้งกับ ลีดส์ ลงสนามเป็นตัวจริงเช่นกัน

2. คาร์สลีย์ เล่นใหญ่จับ เทรนต์ บู๊แบ็คซ้าย

ลี คาร์สลีย์ ผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ ชั่วคราว สร้างเซอร์ไพรส์ในการวางหมากอีกรอบด้วยการโยก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็คขวาทีม ลิเวอร์พูล ให้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ลงเล่นเป็นแบ็คขวาเป็นการรับใช้ชาติเกมแรกในยุคของ คาร์สลีย์ สำหรับขุนพลทีม แมนฯ ซิตี้ กับการติดธงนัดที่ 91

นายใหญ่วัย 50 ปีซึ่งคุมทีมแพ้ กรีซ คารังนัดก่อนหลังทดลองหมากไร้หัวหอกอย่างไม่ได้ผลเปลี่ยนทีมมากถึงหกรายโดยดาวเตะ หงส์แดง ได้ทำหน้าที่แทน ริโก้ ลูอิส ขณะที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด เสียตำแหน่งให้กับ ดีน เฮนเดอร์สัน มือกาววัย 27 ปีหลังเล่นพลาดในเกมที่ เวมบลีย์ โดยผู้รักษาประตูทีม คริสตัล พาเลซ ได้เฝ้าเสาเป็นตัวจริงให้ทีมชาตินัดแรกหลังผ่านการติดธงมาเกมเดียวนัดสยบ ไอร์แลนด์ 3-0 ในแมตช์อุ่นแข้งเดือนพ.ย. 2020 หรือเมื่อ 1,431 วันที่แล้วในฐานะตัวสำรองช่วงครึ่งหลังแทนที่ นิค โป๊ป

นอกจากนี้ แฮร์รี่ เคน กองหน้าที่หายเจ็บกลับมาลงสนามได้เป็นการรับใช้ชาตินัดที่ 101 ขณะที่ แจ็ค กรีลิช ซึ่งพลาดนัดก่อนเรียกความฟิตออกสตาร์ตได้เช่นกันหลังจาก บูคาโย่ ซาก้า บาดเจ็บจนต้องถอนตัว

3. ครึ่งแรก กรีลิช เฉิดฉาย

หลังพลาดเกมแพ้ กรีซ ปีกซ้ายทีม แมนฯ ซิตี้ กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง และไม่ทำให้ คาร์สลีย์ ผิดหวังกับการยิงให้ สิงโตคำราม ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 18 

ไม่เพียงสอยตาข่ายได้ ดาวเตะทีม เรือใบสีฟ้า ยังมีผลงานยอดเยี่ยมตลอดครึ่งแรกด้วยเนื่องจากเป็นคนเดียวในสนามที่ผ่านบอลได้สมบูรณ์แบบ 29 จาก29 ครั้งหรือ 100% เต็มนั่นเอง

นอกจาก กรีลิช แล้ว อังเคล โกเมซ เป็นสตาร์ทีมเยือนอีกรายที่ต้องชมเชยเนื่องจากดาวเตะทีม ลีลล์ พลิกจ่ายบอลให้ กรีลิช หลุดเดี่ยวไปยิงประตูอย่างง่ายดายซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะ สิงโตคำราม รายแรกที่เล่นในลีกเมืองน้ำหอม และแอสซิสต์ประตูในเกมทีมชาติได้ต่อจาก เทรเวอร์ ซินแคลร์ สมัยค้าแข้งกับ มาร์กเซย์ ในเดือนมิ.ย.1992

ขณะเดียวกัน อังกฤษ มีสถิติที่ดีหากนำหน้าฝ่ายตรงข้ามก่อนเนื่องจากพวกเขาไม่แพ้ตลอด 39 นัดหลังโดยเป็นการกำชัยได้ 36 นัด 

อย่างไรก็ดี เป็นที่สังเกตได้ว่าหลังมีสกอร์ เกมของทีมเมืองผู้ดีแผ่วลงไปโดยเฉพาะนับตั้งแต่กลางครึ่งแรกซึ่งกลายเป็น ฟินแลนด์ ที่บุกได้ดี และมีโอกาสตีเสมอด้วย หากแต่เจ้าบ้านซึ่งอ่อนชั้นกว่าไม่มีพิษสงมากพอ

ถึงกระนั้น หลังเกมใน 45 นาทีแรกยุติ สถิติเผยว่า อังกฤษ เหนือกว่าแค่การครองบอลในสัดส่วน  65.1%:34.9% แต่เจ้าบ้านได้ยิงมากกว่า 8:6 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบมากกว่า 2:1 ครั้งซึ่งไม่ใช่ผลงานที่น่าปลื้มของทีมเยือน

4. ความสารพัดประโยชน์ของ เทรนต์???

ต่อการส่ง อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายครั้งแรกในชีวิต คาร์สลีย์ ซึ่งต้องการทดลองสิ่งแปลกใหม่อีกหนชี้แจงว่าสตาร์ทีม ลิเวอร์พูล มีความสารพัดประโยชน์ที่สามารถเล่นได้ในหลายตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต อดีตนายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ เคยทดลองส่งเขาลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ แต่ไม่ถึงกับเป็นผลดีต่อทีมมากมายอะไร ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือทีม ลิเวอร์พูล เห็นต่างอย่างสิ้นเชิงโดยยืนยันเสียงแข็งว่าเด็กปั้นของทีมคือแบ็คขวาที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก และไม่สนใจจับเขาขยับมาเล่นในแดนกลาง

ด้าน อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีม หงส์แดง คนปัจจุบันใช้งาน อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เป็นแบ็คขวาตามปกติเช่นกัน กระทั่งเกมที่ อังกฤษ บุกไปฉะกับ ฟินแลนด์ คาร์สลีย์ หันมาส่งเขาให้สวมบทบาทแบ็คซ้ายเพื่อให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ เป็นแบ็คขวา

แต่จากที่เห็น อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยังมีความหละหลวมในเกมรับไม่ต่างอะไรกับการเล่นเป็นแบ็คขวา ดีที่ว่า ฟินแลนด์ ทีมอันดับ 64 ในแรงกิ้งฟีฟ่าไม่ใช่คู่ต่อกรของทีม สิงโตคำราม การเปิดพื้นที่ในแดนหลังของเขาหลายหนจึงไม่ทำให้ทีมเสียหาย อีกทั้ง มาร์ค เกฮี ช่วยเข้ามาปิดกั้นช่องโหว่ได้โดยตลอด

จนในที่สุด ดาวเตะ หงส์แดง มาได้โอกาสซัดฟรีคิกเข้าประตูอย่างสุดสวยซึ่งถือว่าช่วยเขาได้มากทีเดียว หาไม่แล้วบางที อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อาจถูกเพ่งเล็งมากกว่านี้ที่ยังไม่พัฒนาเกมรับทั้งๆที่มีตำแหน่งเป็นฟูลแบ็ค

ขณะเดียวกัน ต้องรอดูกันต่อว่าในเกมหน้าที่ อังกฤษ จะบุกไปชำระแค้น กรีซ เดือนหน้า คาร์สลีย์ จะยังส่ง อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ให้เล่นเป็นแบ็คซ้ายต่ออีกเกมหรือเปล่าโดยเฉพาะหาก ลุค ชอว์ ยังไม่ฟิตหลังจากเกมแพ้ กรีซ กุนซือขัดตาทัพเคยลองให้ทีมเล่นโดยปราศจากกองหน้าที่แท้จริง แต่ปรากฏว่าไม่เวิร์กจนทำให้ อังกฤษ แพ้ กรีซ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

5. คาร์สลีย์ ไม่ขายหน้าซ้ำสอง

หลังแพ้ กรีซ แบบดูไม่จืด คาร์สลีย์ ย่อมไม่หวังว่าจะพาทีม สิงโตคำราม แพ้เป็นเกมที่สองติดต่อกันโดยเฉพาะการปะทะกับ ฟินแลนด์ ซึ่งไม่เคยชนะ อังกฤษ มาก่อนเลยเช่นเดียวกับ กรีซ

รวมกับผลงานนัดล่าสุดที่ อังกฤษ บุกมากำชัย 3-1 ทำให้พวกเขาสานต่อผลงานไม่แพ้ ฟินแลนด์ เพิ่มเป็น 13 เกมโดยในจำนวนนี้ ทรี ไลอ้อนส์ เป็นฝ่ายได้เฮมากถึง 11 เกม

แต่ก็นั่นแหละ ฟินแลนด์ ต่ำชั้นกว่า อังกฤษ หลายกระบุง และเป็น กรีซ ต่างหากที่ คาร์สลีย์ จะต้องพยายามถอนแค้นให้ได้ในเกมหน้าวันที่ 14 พ.ย.ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น บางที เอฟเอ อาจพิจารณาได้อย่างชัดเจนว่ากุนซือขัดตาทัพเหมาะที่จะได้งานอย่างถาวรหรือว่าพวกเขาสมควรมองหานายใหญ่คนใหม่

และที่สำคัญ อย่าลืมว่า กรีซ ชุดนี้มีผลงานน่ายำเกรงไม่หยอกเพราะหลังบุกไปสยบ อังกฤษ 2-1 พวกเขาเอาชนะ ไอร์แลนด์ ได้ 2-0 ในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค.เช่นกันโดยมีสถิติกำชัยเกม เนชั่นส์ ลีก สี่นัดรวด และเสียไปแค่ประตูเดียวโดยยิงได้เก้าประตู