5ข้อเน้นๆเจาะลึกสิงโตยุค คาร์สลี่ย์

5ข้อเน้นๆเจาะลึกสิงโตยุค คาร์สลี่ย์
สองเกม 6 แต้มเต็มโดยไม่เสียประตูเลย ถือเป็นการออกสตาร์ทดีเยี่ยมของโค้ชที่มีคาแรกเตอร์พูดน้อย (และไม่สนด้วยว่าต้องร้องเพลงชาติ)

โดยอาศัยผลงานในสนามเป็นเครื่องพิสูจน์    

แม้จะเป็นแค่ ไอร์แลนด์ กับ ฟินแลนด์ อธิบายอีกอย่างก็ชาติหนึ่งเป็นลูกไล่อังกฤษมาตลอดรอบสองทศวรรษหลัง คุณภาพของทีมชุดปัจจุบันบอกได้จากอันดับ 58 ของฟีฟ่า ขณะที่อีกชาตินั้นยิ่งแย่กว่าเคยเข้ารอบสุดท้ายเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์เพียงหนเดียวได้แก่ยูโร2021    

ใช่ มันจึงเป็นสองเกมที่ทุกคนคาดหวังว่าต้องชนะ    

อย่างไรก็ตามจาก 180 นาทีที่ผ่านไปก็มีบางอย่างที่สิงโตภายใต้ ลี คาร์สลี่ย์ ต่างออกไปจากยุค แกเร็ธ เซาธ์เกต นี่คือบทวิเคราะห์ว่าทำไมอดีตมิดฟิลด์ของ เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสจะได้สัญญาถาวรจากเอฟเอ

1.เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

จุดแรกเลยที่ต่างชัดเจนก็อยู่ที่ดาวเตะของ ลิเวอร์พู ที่ เซาธ์เกตเคยจับยืนแบ็กขวาตัวจริงในเกมการแข่งขันจริงจังแค่ 5 นัด หนสุดท้ายก็ตุลาคมปี 2020 โน่น

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทีมชาติอังกฤษ   

ทำไม?

ก็เพราะ เซาธ์เกต มองว่า ไคล วอล์คเกอร์, คีแรน ทริปเปียร์ หรือกระทั่ง รีซ เจมส์ มีความเหนียวแน่นกว่าในเกมรับ ซึ่งถูกต้องว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด กระนั้นอีกมุมของเกมลูกหนังสมัยใหม่กับคำว่า 'inverted full back' แล้วมันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมใครก็ลอกเลียนสไตล์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

คาร์สลี่ย์ก็อ่านเกมอย่างนั้น เขาไม่รีรอที่จะให้ เทรนท์ เป็นตัวจริงทั้งสองเกมโดยสำคัญที่เจ้าตัวก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยผลงานที่จะ วอล์คเกอร์, ทริปเปียร์ หรือ เจมส์ ก็ทำได้ไม่เท่า ก็เมื่อคืนวันอังคารผู้เล่นฟูลแบ็กแต่มีสถิติสัมผัสบอลอันดับสอง(รองแค่อังเคล โกเมส)

ยังไม่ใช่แค่นั้นประตู1-0 ก็มาจากเขาที่แทงบอลทะลุให้ แฮร์รี่ เคน หลุดไปตะบัน เทียบในทีมด้วยกันก็เป็นคนสร้างโอกาสมากถึง5ครั้งไม่มีใครมากเท่า

เกมกับยักษ์เขียวผ่านบอลทั้งหมด 93 ครั้ง สำเร็จ 87%

เกมกับฟินแลนด์ผ่านบอลไป 94 ครั้ง สำเร็จก็ 87%

มันคือตัวเลขที่ถือว่าสูงเพราะเทรนท์เป็นพวกชอบเสี่ยง อ่านเกมวางบอลในวิถีที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่คิดกัน

2.Freedom

คำสั้นๆสองพยางค์ที่หลายคนปรารถนา ย้อนไปหลังที่บุกทุบ ไอร์แลนด์ 2-0 ก็มีบางประโยคที่ถ่อมตนของ คาร์สลี่ย์ "ไม่เลย มันไม่ใช่มาจากผม มันมาจากนักเตะต่างหาก..."

เริ่มจากคำถามของนักข่าวที่สังเกตว่าเกมการเล่นของอังกฤษดูมีชีวิตชีวาขึ้น โดยเฉพาะยิ่งเทียบตอนยูโรที่ผ่านมาด้วย อย่างหนึ่งกุนซือวัย50เน้นว่าอยากให้นักเตะของเขาเล่นในตำแหน่งเดียวกับสโมสรเพราะมันคือความถนัดที่ไม่ต้องปรับอะไรเยอะ(บอลทีมชาติมีเวลารวมตัวซ้อมน้อย)

ดังนั้น เดแคลน ไรซ์ ต้องเป็น Box to Box คือขึ้นสูง ลงสุด ก็อย่างประตูที่เจ้าตัวยิงได้ที่ดับลินนั่นไง ต่อมาก็ตำแหน่งของแจ็ค กรีลิชที่ถูกวางให้เป็นเบอร์ 10 อยู่หลังเคน คำอธิบายก็มาจากนี่คือตำแหน่งที่ กรีลิช เล่นได้โดดเด่นสมัยอยู่แอสตัน วิลล่า

ใช่ที่ว่าวิธีคิดของเซาธ์เกตมีความระวังมากไป ตรงกันข้ามที่คาร์ลี่ย์นั้นเลือกจะเดินทางให้ทันกับฟุตบอลยุคใหม่รวมถึงศักยภาพที่ลูกทีมมี จึงให้อิสระกับนักเตะ

ทีมชาติอังกฤษ

3.ความกล้าที่จะให้โอกาส

เมื่อคืนอังคารที่เมกกะเวมบลีย์ได้เห็นการประเดิมตัวจริงชุดใหญ่ของ โกเมส ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะเกม ถึงรูปร่างจะเล็กและถึงจะค้าแข้งในลีกฝรั่งเศสแต่สำหรับ คาร์ลี่ย์ แล้วให้ความเชื่อใจสูงมาก การที่ต่างเคยทำงานร่วมกันในชุดยู-21เป็นเหตุผลหลัก

"เขาไม่ใช่box to box เขาก็ไม่ใช่คนที่จะพาบอลจี้เพื่อดึงตัวฝ่ายตรงข้ามแต่เขามีเทคนิคเยี่ยม มีการอ่านเกมเฉียบขาด ผมเชื่อมั่นในเขาสูงมาก"

จะใช้คำว่า "ห้องเครื่อง" ก็ได้เพราะเกมกับฟินแลนด์ก็เป็นอดีตเด็กปั้น แมนฯยูไนเต็ด ที่ได้สัมผัสบอลเยอะสุดของทีมถึง 130 ครั้งโดยผ่านบอลสำเร็จ 94%

คาร์สลี่ย์ ย้ำตอนแถลงข่าวว่าที่ผ่านมาทีมชาติอังกฤษไม่สามารถมีมิดฟิลด์ที่คุมเกมได้เนียนเหมือนชาติอื่นๆเช่นโครเอเชียมี ลูก้า โมดริช มันจึงทำให้ไม่สามารถไปคว้าแชมป์ได้สักที

เร็วไปที่จะพูดว่า โกเมส เป็นคำตอบสุดท้าย

เพียงแต่อย่างน้อยเราก็เห็นความกล้าที่ฉีกกฎเดิมๆออกมา นอกจากนั้น ริโก้ ลูอิส ของ แมนฯซิตี้ ก็เช่นกันได้ออกสตาร์ทตำแหน่งแบ็กซ้ายโดยตลอดเกมก็เล่นเหมือนสวมชุดสีฟ้าของเรือใบเลย จังหวะรุกเติมขึ้นสูงไปยืนแทบแนวเดียวกับ แอนโธนี่ กอร์ดอน

มีคำกล่าวหนึ่งที่พิสูจน์แล้วว่าจริง 'No Risk No Gain"

4.เซตเกมจากหลัง

อีกข้อสังเกตตลอดสองเกมมานี้ก็เป็นการออกบอลของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ถ้าไม่จวนตัวจริงๆก็จะเลือกผ่านสั้นให้เพื่อนร่วมทีมที่มารอรับอลในเขตโทษ ในยุคเซาธ์เกตนั้นบ่อยหนที่นายทวารของเอฟเวอร์ตันจะเปิดยาวไปข้างหน้าก่อนโดนคู่แข่งเก็บกิน

จากสถิติบอกไว้ว่าทั้งเกม ไอร์แลนด์ และ ฟินแลนด์ มีแค่ 4 จาก 41 ครั้งเท่านั้นที่พิคฟอร์ดเตะยาว เทียบใกล้ๆเลยตอนยูโร 2024 มีถึง 71% ที่เตะยาวแมตช์เซอร์เบียหรือว่า 69% ในนัดชิงกับสเปนเป็นต้น

5.ใส่ใจรายละเอียด

ถ้า เจอร์เก้น คล็อปป์ ชอบจะลงมายืนแถววงกลมกลางสนามดูฝ่ายตรงข้ามวอร์ม อัพก่อนเกมแล้ว ตัว คาร์สลี่ย์ นั้นก้าวไปอีกขั้นด้วยการลงไปช่วยทีมสตาฟฟ์ทำการอบอุ่นร่างกายด้วยเลย เริ่มจากเอากรวยมาตั้ง ต่อมาก็ตะโกนสั่งตอนทีมเล่นลิงชิงบอลตลอดถึงเดินไปกระซิบข้างหูใครก็ตามที่วอร์มไม่ได้ดั่งใจ

ยุคนี้แทบไม่มีแล้วครับโค้ชหรือผู้จัดการทีมคนไหนจะทำแบบนี้

นอกจากนั้นก่อนบอลเขี่ยราว5นาทีก็จะโผล่ออกจากอุโมงค์มาคนแรกๆแล้วหย่อนก้นบนเก้าอี้เปิดไอแพดเพื่อเตรียมศึกษาเกมที่กำลังเริ่ม

สิงโตชุดนี้มีโครงจากทีมของเซาธ์เกตก็ใช่แต่ก็มีตัวใหม่ที่คาร์ลี่ย์เรียกมาติด ต่อมาก็มีบางคนที่คล้ายเกิดใหม่ในเครื่องแบบทีมชาติ ไม่ว่าจะเทรนท์, กรีลิชหรือแม้แต่เคนก็ตามที่รับหมวกทองทำสถิติติดครบ 100 นัดไป

ก็อย่างที่เห็นว่าเคนตอนนี้กับยูโรที่เยอรมันราวคนละคนเลย

"อย่างแรกๆที่คาร์สลี่ย์ทำตอนเข้ารับตำแหน่งก็คือโทรไปหาแฮร์รี่(เคน)เพราะเขารู้ดีถึงความสำคัญของแฮร์รี่ เขาต้องการได้ยอดดาวยิงคนเดิมกลับมา" วงในเผยไว้

"ไก่ป่า"


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ไก่ป่า
เอกราช นิติสุทธิ์สกุล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X