แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติ อังกฤษ มีค่ำคืนที่น่าจดจำเมื่อเหมาซัดคนเดียวสองประตูในการรับใช้ชาติเกมที่ 100 พา สิงโตคำราม เปิดเวมบลีย์ คว่ำ ฟินแลนด์ 2-0 ในการฟาดแข้งศึก เนชั่นส์ ลีก เมื่อวันอังคารที่ 10 ก.ย.ขณะที่ ลี คาร์สลีย์ กุนซือขัดตาทัพสร้างชื่อต่อเนื่องพาทีมเก็บได้หกแต้มเต็มจากการทำงานสองเกมแรก
1. สิงโตส่ง โกเมส ประเดิมตัวจริง
ลี คาร์สลีย์ กุนซือขัดตาทัพของทีมชาติ อังกฤษ เลือกใช้งาน อังเคล โกเมส อดีตเด็กปั้นทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตการรับใช้ชาติชุดใหญ่เป็นเกมแรก
กองกลางทีม ลีลล์ ได้สัมผัสเกมทีมชาติชุดใหญ่มาก่อนแล้วหนึ่งนัดในฐานะตัวสำรองช่วงครึ่งหลังแมตช์บุกไปชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 ของศึก เนชั่นส์ ลีก เกมแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ ดาวเตะวัย 24 ปีจึงเป็นนักเตะ อังกฤษ คนแรกที่ได้ลงบู๊เป็นตัวจริงในเกมทีมชาติขณะหากินกับสโมสรใน ลีกเอิง ต่อจาก เทรเวอร์ สตีเว่น ช่วงที่เขาค้าแข้งกับ มาร์กเซย์ ในเดือนมิ.ย.1992 เกมบู๊กับ ฝรั่งเศส
รวมแล้ว เจ้าบ้านเปลี่ยนโผ 11 คนแรกสี่รายโดย ริโก้ ลูอิส กองหลัง แมนฯ ซิตี้ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ทีมชาติชุดใหญ่นัดที่สองในตำแหน่งแบ็คซ้าย ขณะที่ จอห์น สโตนส์ กับ เอซรี่ คอนซ่า ได้ลงบู๊เช่นกันแทนที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ , ลีวาย โคลวิลล์ ,มาร์ค เกฮี และ ค็อบบี้ เมนู
2. เคน ติดธงเกมที่ 100
แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติ อังกฤษ ลงเล่นเกมนี้เป็นการรับใช้ชาตินัดที่ 100 พอดีโดยหัวหอกวัย 31 ปีมีสถิติตะบันได้ 66 ประตูจาก 99 นัดก่อนหน้านี้ซึ่งทีมเมืองผู้ดีมีผลงานชนะ 61 นัด เสมอ 21 นัด และแพ้ 17 นัด
ขณะเดียวกัน ศูนย์หน้าทีม บาเยิร์น มิวนิค นับเป็นสตาร์ ทรี ไลอ้อนส์ รายที่สิบที่ลงเล่นให้แผ่นดินเกิดครบ 100 นัดนับตั้งแต่ประเดิมสนามในปี 2015
ปีเตอร์ ชิลตัน 125 นัด
เวย์น รูนีย์ 120 นัด
เดวิด เบ็คแฮม 115 นัด
สตีเว่น เจอร์ราร์ด 114 นัด
บ๊อบบี้ มัวร์ 108 นัด
แอชลีย์ โคล 107 นัด
เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน , แฟร้งค์ แลมพาร์ด 106 นัด
บิลลี่ ไรท์ 105 นัด
3. ฟินแลนด์ เอาอยู่
เทียบเกมในครึ่งแรกของ อังกฤษ กับแมตช์ออกไปสยบ ไอร์แลนด์ 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าทีม สิงโตคำราม มีผลงานที่ตกลงไปเนื่องจากพวกเขาได้สองประตูจากทีม ยักษ์เขียว ตั้งแต่ครึ่งแรกก่อนผ่อนเกมในครึ่งหลัง แต่แมตช์บู๊กับ ฟินแลนด์ ทั้งๆที่เป็นการเล่นในบ้าน แต่ อังกฤษ เจาะไข่แดงทีมเยือนไม่ได้แม้จะมีโอกาสทองหลายหน
แต่ถึงอย่างนั้นไม่ใช่ว่านักเตะของ คาร์สลีย์ เล่นได้แย่เนื่องจากหลายรายร่ายลีลาได้อย่างน่าประทับใจโดยเฉพาะ แอนโธนี่ กอร์ดอน ที่ทำเกมทะลุทะลวงทางซ้ายได้โดยตลอด ขณะที่ โกเมส , แจ็ค กรีลิช , เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ บูคาโย่ ซาก้า ก็มีฟอร์มที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ดี ต้องชมเชยการทำหน้าที่ของแผงหลัง ฟินแลนด์ ด้วยที่ช่วยกันเคลียร์ลูกอันตรายได้เรียบวุธ และปล่อยให้ เคน ได้โขกตุงตาข่ายหนเดียว แต่พวกเขาเช็กล้ำหน้าได้อย่างยอดเยี่ยมจึงทำให้ สิงโตคำราม ต้องยอมรับผลเสมอ 0-0 ใน 45 นาทีแรกโดยที่ ติมู ปุ๊กกี้ อดีตกองหน้า นอริช ซึ่งปัจจุบันหากินอยู่กับ มินเนโซต้า ยูไนเต็ด เป็นนักเตะทีมเยือนที่มีความอันตรายมากที่สุดจากจังหวะโต้กลับ
แม้เจ้าบ้านจะยังคลำเป้าไม่ได้ใน 45 นาทีแรก แต่สถิติบ่งชี้ว่าพวกเขาเหนือกว่าหลายขุมจากการครองบอล 77.3:22.7% และได้ยิง 8 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนซึ่งบุกไปแพ้ กรีซ ในเกมแรกขาดลอย 3-0 ได้ยิง 2 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบ
4. เคน ฉลองอย่างมีสไตล์
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น และในที่สุด เคน ก็พังประตูในเกมทีมชาตินัดที่ 100 ของเขาจนได้พรัอมเพิ่มสถิติกระทุ้งให้ ทรี ไลอ้อนส์ เป็นประตูที่ 67
หลังโดนปฏิเสธประตูในครึ่งแรกเนื่องจากล้ำหน้า ดาวยิงทีม เสือใต้ ต้องใช้ความพยายามหนักขึ้น แต่โดน ลูคัส ฮราเด็คกี้ ปัดลูกฟรีคิกได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงลูกตีลังกายิง
จนในที่สุด กัปตันทีมชาติ อังกฤษ สบโอกาสซัดลูกยิงแสกหน้านายทวาร ฟินแลนด์ ตุงตาข่ายจนได้ และทำให้เจ้าบ้านนำหน้า 1-0 ในนาทีที่ 57
จากประตูดังกล่าว ทำให้ เคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำประตู 84 ลูกจากการติดทีมชาติ 100 นัด (67 ประตู 17 แอสซิสต์) และหากนับเฉพาะการลงเล่นที่ เวมบลีย์ ให้กับ อังกฤษ เป็นเกมที่ 35 เคน มีส่วนร่วมโดยตรงกับประตู 29 ลูก (26 ประตู 3 แอสซิสต์)
ยิ่งไปกว่านั้น นาทีที่ 76 เคน ซัดเม็ดสองของตัวเองพา อังกฤษ นำห่าง 2-0 จากการแอสซิสต์ของ โนนี่ มาดูเอเก้ ตัวสำรองเพิ่มสถิติเป็นประตูที่ 68 ในการรับใช้ชาติก่อนโดนเปลี่ยนออกในช่วงสิบนาทีสุดท้ายให้ จาร์ร็อด โบเว่น ลงเล่นแทน
หลังสอยตาข่ายได้สองเม็ด ส่งผลให้ เคน ซึ่งไม่เคยบู๊กับ ฟินแลนด์ มาก่อนเป็นนักเตะ อังกฤษ คนแรกที่ซัดประตูได้มากกว่าหนึ่งลูกในเกมติดธงแมตช์ที่ 100 โดยก่อนหน้านี้ รูนีย์ กับ ชาร์ลตัน กระทุ้งประตูได้เช่นกันในเกมที่ 100 ของการรับใช้ชาติ แต่ทั้งคู่ซัดได้แค่เม็ดเดียวนัดบู๊กับ สโลวีเนีย ปี 2014 และ ไอร์แลนด์เหนือ ปี 1970
5. คาร์สลีย์ คนที่ใช่?
ว่าไปแล้ว แกเร็ธ เซาธ์เกต เกือบพา อังกฤษ คว้าแชมป์ ยูโร ได้ทั้งสองครั้งที่ผ่านมา แต่ติดตรงที่เขาโดนวิจารณ์ว่าคุมทีมแบบอนุรักษ์นิยมไม่กล้าได้กล้าเสียเท่าไหร่เนื่องจากเน้นให้ทีมเล่นแบบคุมจังหวะมากกว่าเดินหน้าบุกแบบเต็มร้อย
แต่สำหรับ คาร์สลีย์ หลังจากคุมทีมชั่วคราวแค่สองเกม เขาได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่าคุมทีมเน้นเกมรุกมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และจากผลงานพาทีมกำชัยชนะทั้งสองเกมแม้จะเป็นการดวลกับทีมรองบ่อนอาจมากพอที่จะทำให้เขาได้รับตำแหน่งอย่างถาวรอย่างที่สื่อระบุก็เป็นได้ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ เอฟเอ ดึง เซาธ์เกต จากทีมชุดยู 21 ขึ้นมารับตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน คาร์สลีย์ เป็นนายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ ที่คุมทีมชนะสองนัดแรกเช่นเดียวกับ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ในปี 2008 ด้วย และเป็นรายที่สามที่ชนะสองเกมแรกโดยไม่เสียประตูเช่นเดียวกับ สตีฟ แม็คคลาเรน ปี 2006 และ โจ เมอร์เซอร์ ปี 1974
นอกจากนี้ หลังจบเกม 90 นาทีจะเห็นได้ชัดว่า คาร์สลีย์ คุมทีม สิงโตคำราม ลงเล่นในครึ่งหลังได้เยี่ยมกว่าในครึ่งแรกกระทั่งได้มาสองประตูเนื่องจากทีมเจ้าบ้านมีสถิติครองบอลที่เหนือกว่าเพิ่มขึ้นเป็น 78.5:28.5% และได้ยิงประตูมากถึง 22 ครั้งเข้ากรอบ 8 ครั้งพร้อมทั้งหยุดโอกาสของคู่แข่งเอาไว้ที่ 2:0 เช่นเดิม