นายใหม่สิงโต! 5เหตุผล เอ็ดดี้ ฮาว เหมาะคุมทีมชาติ อังกฤษ

แม้จะเป็นที่ยอมรับว่า เซาธ์เกต ซึ่งเข้ามารับงานต่อจาก แซม อัลลาร์ไดซ์ มีผลงานน่าประทับใจในแง่การพาทีมเข้ารอบลึกของรายการใหญ่ได้โดยตลอด แต่สำหรับรูปเกมในสนาม ต้องบอกว่าเขาสอบตกแม้จะพาทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโร ได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน

แน่นอนว่ากุนซือคนใหม่ของ ทรี ไลอ้อนส์ หนีไม่พ้นตกอยู่ภายใต้ความกดดันไม่น้อยที่ต้องพยายามสร้างผลงานให้ดีกว่า เซาธ์เกต ให้ได้

กระนั้นก็ดี เชื่อว่า สมาคมฟุตบอล (เอฟเอ) พร้อมแลกมาด้วยสไตล์การเล่นที่เอนเตอร์เทนผู้ชมซึ่งอดีตผู้จัดการทีมคนก่อนไม่อาจมอบให้กับกองเชียร์ได้โดยเป็นที่มองกันว่า ฮาว มีความเหมาะสมที่สุดจาก 5 เหตุผลดังนี้

1.โค้ชอิงลิชที่ดีที่สุด

หากจะกวาดตาดู บอกได้เลยว่านาทีนี้ไม่มีโค้ชชาวเมืองผู้ดีคนไหนที่เหนือไปกว่า ฮาว อีกแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่ง แกรม พ็อตเตอร์ อีกหนึ่งตัวเต็งซึ่งร้างเวทีไปนาน และไม่ได้แสดงให้เห็นถึงฝีไม้ลายมืออีกเลยนับตั้งแต่โดน เชลซี อัปเปหิ

ไม่ว่าจะในด้านประสบการณ์หรือความสามารถ ฮาว เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นเกินใคร แถมมีแนวโน้มสูงว่า เอฟเอ จะว่าจ้างกุนซือคนในเช่นกัน

หลังเคยลงทุนแต่งตั้งโค้ชต่างชาติทั้ง สเวน โกรัน เอริคส์สัน และ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ให้คุมทีม สิงโตคำราม ทั้งสองไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ได้อย่างที่ เอฟเอ วาดหวัง และน่าจะทำให้ไอเดียทาบทามกุนซือต่างแดนจบเห่อย่างถาวรแล้ว

นอกจากนี้ การมาของผู้จัดการทีมต่างชาติอาจส่งผลให้ทีมชาติ อังกฤษ ต้องหันมาเซ็ตทีมกันใหม่ทั้งๆที่ เซาธ์เกต วางรากฐานเอาไว้แล้ว และรอแค่คนที่จะพาทีมเล่นเกมรุกเต็มตัวอย่างที่นักเตะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพว่าสามารถบุกใส่ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่เป็นปัญหา

ยิ่งไปกว่านั้น การว่าจ้างโค้ชต่างแดนอาจทำให้ เอฟเอ สิ้นเปลืองเงินก้อนโตโดยใช่เหตุด้วยหลังจากปรากฏหลักฐานให้เห็นแล้วว่ามันเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า

2. ยกระดับสาลิกาดง

ตลอดระยะเวลาการจับงานโค้ชรวม 15 ปี ฮาว เริ่มต้นตั้งแต่เกมลีกอาชีพในดิวิชั่นต่ำสุด และไต่เต้าขึ้นสู่ลีกระดับสูงสุดของประเทศอย่างที่เห็น

พร้อมกันนี้ เขามีประสบการณ์ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก เช่นกันหลังพาทีม สาลิกาดง คว้าอันดับสี่ของ พรีเมียร์ลีก เมื่อสองซีซั่นก่อน

อย่างไรก็ดี จากการอยู่ในกลุ่มมหาหินที่ประกอบไปด้วย ดอร์ทมุนด์ , เปแอสเช และ เอซี มิลาน นิวคาสเซิ่ล จึงตกรอบในฐานะทีมบ๊วยตามคาด แต่อย่างน้อยเขาได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่าติดตัว

นอกจากนี้ เดอะ แม็กพายส์ เคยเข้าชิงชนะเลิศถ้วย คาราบาวคัพ เมื่อสองปีก่อนเช่นกัน แต่มีอันพ่ายต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด กระทั่งซีซั่นที่ผ่านมาทีมอีสานคว้าอันดับเจ็ดของลีก แต่มันไม่ได้ทำให้สง่าราศรีของเขาลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด

ย้อนเวลากลับไปตอนที่ได้รับการแต่งตั้งให้กุมบังเหียน นิวคาสเซิ่ล ในเดือนพ.ย.2021 ช่วงนั้นทีมอีสานห้อยต่องแต่งอยู่ในอันดับ 19 ด้วยซ้ำซึ่งส่อแววตกชั้นค่อนข้างแน่เนื่องจากพวกเขามีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยมากถึง 5 แต้ม

อย่างไรก็ดี หลังได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากกลุ่มทุนตะวันออกกลาง ฮาว แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพลิกชะตาของสโมสรได้ และเนรมิตให้ เดอะ แม็กพายส์ กลายเป็นหนึ่งในทีมระดับหัวแถวของ พรีเมียร์ลีก นับจากนั้นเป็นต้นมากระทั่งพาทีมเข้าร่วมฟาดแข้งถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

3. พร้อมกำราบทีมยักษ์

สมัยเป็นกุนซือทีม บอร์นมัธ ฮาว เคยสร้างเซอร์ไพรส์ในเกมบู๊กับทีมดังมาแล้วหลายรายไม่ว่าจะเป็นการพาทีมบุกไปทุบ เชลซี 3-0 โดยในตอนนั้นทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ มีดีกรีเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ฮาว เคยพาทีมสยบยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล , แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล มาแล้วโดยในฐานะผู้จัดการทีม นิวคาสเซิ่ล เขาพาทีมพิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด สามครั้ง และเสมอสองครั้งจากการต่อกรกันเจ็ดนัด

ยิ่งไปกว่านั้น ซีซั่นที่ผ่านมา ฮาว เขี่ย  แมนฯ ซิตี้ ตกรอบถ้วย คาราบาวคัพ อีกต่างหาก และชนะทั้ง อาร์เซน่อล ตลอดจนถล่ม สเปอร์ส และ แอสตัน วิลล่า 4-0 และ 5-1 ตามลำดับ

สำหรับถ้วยหูใหญ่ เดอะ แม็กพายส์ ระเบิดฟอร์มต้อนตือ เปแอสเช 4-1 และบุกไปโดนทีมเงินถังของเมืองน้ำหอมไล่ตีเสมอ 1-1 อย่างน่าเสียดายในช่วงทดเวลานาทีที่ 90+8 จากการสังหารลูกโทษของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงฝีมือที่ไม่ธรรมดาของเขา

4. แบกรับความกดดันได้

แม้จะมีชีวิตที่เรียบง่ายสมัยคุมทีม บอร์นมัธ แต่ ฮาว หนีไม่พ้นต้องเผชิญกับความกดดันในการคุมทีมใหญ่อย่าง นิวคาสเซิ่ล ซึ่งเขาจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

นายใหญ่วัย 46 ปีจำต้องตอบคำถามของสื่อกรณีสิทธิมนุษยชนของกลุ่มทุนจาก ซาอุดิ อาระเบีย หลายต่อหลายครั้งทั้งๆที่เขาเป็นโค้ชฟุตบอล และมันเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคย แต่เขาอาศัยความเยือกเย็นและการระมัดระวังคำพูดรับมือได้สำเร็จ

นอกจากนี้ ฮาว ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสาวก ทูน อาร์มี่ ด้วย และไม่เคยมีปัญหากับผู้จัดการทีมคู่แข่ง

ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้เขาเป็นที่นิยมชมชอบของแฟนบอลอีสาน และแน่นอนว่าเจ้าตัวพร้อมรับมือกับความกดดันที่สูงขึ้นหากว่าสุดท้ายแล้ว เอฟเอ จะดึงเขาไปคุมทีมชาติ อังกฤษ

5. เซฟกว่าตั้ง พ็อตเตอร์

ย้อนกลับไปในข้อแรกที่แม้ พ็อตเตอร์ จะมีชื่อติดโผได้รับความสนใจจาก เอฟเอ แต่เท่าที่เห็น เขามีผลงานโดดเด่นกับ ไบรท์ตัน เท่านั้น แต่หลังจากย้ายมาคุมทีมที่ใหญ่ขึ้นกับ เชลซี กุนซือวัย 49 ปีก็ดับสนิท

หลังกุมบังเหียน สิงห์บลูส์ ได้แค่หกเดือน พ็อตเตอร์ ยังไม่ได้จับงานชิ้นใหม่อีกเลยแม้จะถูกลือกับหลายสโมสรทั้ง อาแจ็กซ์ , เลสเตอร์ และ ลียง

ด้วยเหตุนี้ สื่อจึงมองว่า พ็อตเตอร์ อาจรอรับงานคุมทีมชาติ อังกฤษ ด้วยมั่นใจว่า เซาธ์เกต จะอำลาทีมแน่ไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่เนื่องจากการอยู่ในตำแหน่งอย่างยาวนานแปดปีน่าจะถึงจุดสิ้นสุดได้แล้ว

กระนั้นก็ดี ด้วยเหตุที่เรื้อเวทีไปนาน ประกอบกับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้ พ็อตเตอร์ ไม่มีผลงานให้เห็นอีกเลย ต่างกับ ฮาว ซึ่งพิสูจน์ตัวเองในเกมระดับสูงได้ และที่สำคัญเขาเคยเปิดปากแสดงความต้องการคุมทีมชาติ อังกฤษ ด้วยซึ่งชี้ให้เห็นถึงความทะเยอทะยาน ขณะที่ พ็อตเตอร์ เก็บตัวเงียบมาตลอดนับตั้งแต่ถูก เชลซี ตะเพิดจนไม่มีใครรู้ว่าเขาตั้งเป้าหมายในอาชีพกุนซือเอาไว้แบบไหนกันแน่