หลุยส์ รูเบียเลส อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนขึ้นให้การสู้คดีในชั้นศาลแล้วโดยยืนยันคำเดิมว่า เฆนนี่ เอร์โมโซ่ ดาวเตะหญิงทีมชาติสเปนโกหกเนื่องจากเธอยินยอมให้เขาจูบปากหลังจากทีม กระทิงสาว ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกได้ด้วยการสยบ อังกฤษ 1-0 เมื่อวันที่ 20 ส.ค.
รูเบียเลส วัย 46 ปีลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ย. หลังโดนกดดันอย่างหนักกรณีจูบปาก เอร์โมโซ่ โดยเธอเผยกับสื่อหลังเกิดเหตุการณ์ที่น่าเซอร์ไพรส์ว่าไม่ได้ยินยอมให้บิ๊กลูกหนังจูบปาก ขณะที่คู่กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างหนักแน่นว่าเธอโกหก
ต่อกรณีดังกล่าว ส่งผลให้ เอร์โมโซ่ ยื่นฟ้อง รูเบียเลส ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ และล่าสุดเมื่อ 4 ต.ค.อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปนได้เดินขึ้นศาลเป็นวันแรกแล้วโดยที่เขายังยืนยันคำเดิมว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
"เธอรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่ได้พูดความจริง" เอล เอสปันญ่อล สื่อเมืองกระทิงกล่าวอ้างคำพูดของ รูเบียเลส ในชั้นศาลโดยเขาระบุว่าโจทก์อนุญาตให้จูบด้วยความเต็มใจ
"ในช่วงรับเหรียญรางวัล ผมกอดนักเตะ และโค้ช ตอนที่เธอมาถึง เธอโผเข้ามาให้ผมกอด เรากอดกัน เธออุ้มผม และผมต้องทรงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้ม เราสนทนากันเพราะเธอยิงลูกโทษพลาด ผมให้กำลังใจเธอเพราะหากปราศจากเธอ เราก็จะไม่ได้แชมป์โลก"
"เธอบอกกับผมว่าเธอท้อมาก เธอขอบคุณผม และจากนั้นผมถามเธอว่าผมสามารถจูบเธอสักหน่อยได้มั้ย นิดเดียว? และเธอบอกว่าโอเค"
ถึงขั้นนี้ อัยการได้ซักถาม รูเบียเลส ว่าหากการจูบเป็นไปด้วยความสมยอม ทำไมเขาจึงต้องคว้าใบหน้าเธอด้วยมือทั้งสองข้างด้วย?
"มันเป็นความดีใจ เธอคว้าตัวผม ผมก็คว้าตัวเธอ มันก็แค่นั้น ถัดจากนั้นสองสามนาที พวกเธอก็คว้าผม กระชากผม ในตอนนั้นผมไม่คิดบอกหรอกว่าพวกเธอไม่ได้สัมผัสตัวผม ขอโทษนะ ก้นผม เข่าผม หัวไหล่ผม เราได้แชมป์โลก และมันเป็นอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน"
"มันเกิดขึ้นเหมือนตอนที่คุณถูกล็อตเตอรี่ หรือว่าสงครามยุติ เราต่างก็แฮปปี้กันอย่างที่สุด เรากอดกัน และเราดีใจไปกับชีวิตของเธอ"