2 เกมเดือนกันยา ชี้ชะตา เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์!

2 เกมเดือนกันยา ชี้ชะตา เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์!
ค่ำคืนฟุตบอลทีมชาติ วันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ย.นี้มีเกมกระชับมิตรคู่สำคัญระหว่าง เวลส์ กับ เกาหลีใต้ เป็นเหมือนศึกชี้ชะตาอนาคตของโค้ชทั้ง 2 ทีมเลยก็ว่าได้!

ร็อบ เพจ กุนซือเวลส์ ทีมเจ้าบ้านจำเป็นต้องคว้าชัยชนะเพื่อปลุกความมั่นใจ หลังจากที่สถานการณ์ไม่สู้ดีรั้งรองบ๊วยรอบคัดเลือกยูโร เพิ่งเก็บได้เพียง 4 แต้มจาก 4 นัดแรก ในขณะเดียวกัน เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ นายใหญ่คนดังฝั่งทีมเยือนก็เผชิญความกดดันมิต่างกัน

เผลอๆ หนักกว่าด้วยซ้ำหลังจากรับงานผ่านไป 6 เดือนยังสะกดคำว่า "ช-น-ะ" ไม่ได้เลย!

มิใช่แค่ผลการแข่งขัน หากแต่ยังมีประเด็นเรื่องสไตล์การทำงานไม่เป็นที่ปลาบปลื้มสักเท่าไร

เกมลับเกือกทัพ "มังกรแดง" คือครั้งแรกที่โค้ชฉลามขาวจะได้ทำทีมลงเตะนอกประเทศ หลังจาก 4 นัดที่แล้วเล่นในบ้านล้วนๆ เสมอกับ โคลอมเบีย, เอกวาดอร์ รวมถึงพ่าย อุรุกวัย และ เปรู

แน่นอนว่าผลการแข่งขันดังกล่าวไม่ใช่การตระเตรียมความพร้อมที่ดีเอาเสียเลย ก่อนเปิดฉากฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในเดือนพฤศจิกายน ตามมาด้วยเอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ในเดือนมกราคมปีหน้า

ย้อนกาลเมื่อได้รับการแต่งตั้งช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ คลิ้นส์มันน์ รับรู้อยู่แล้วว่าเขามีงานหนักรออยู่ในการปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลเกาหลีใต้ ตลอดจนภูมิภาคเอเชีย

"มันจะเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม แต่ก็หวังว่าผมจะเป็นนักเรียนรู้ที่ดีด้วยเช่นกัน" อดีตกองหน้าระดับตำนานของทีมชาติเยอรมนี กล่าว

ขั้นตอนการเรียนรู้นี่เองที่เป็นปัญหามากกว่าผลการแข่งขันในสนาม

ในการแถลงข่าวครั้งแรก "คลิ้นซี่" บอกว่าเขาพร้อมจะพำนักอาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้ เช่นเดียวกับนายใหญ่คนก่อนๆ ต่อเมื่อเอาเข้าจริงแล้วสื่อมวลชนแดนโสมขาวกลับคำนาณได้ว่า โค้ชคนดังวัย 59 ปีใช้เวลาในประเทศเพียง 67 วันในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่ตกลงรั้งบังเหียน

"แฟนบอลต่างผิดหวังมากๆ กับข้อเท็จจริงที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมรกา มากกว่าในเกาหลี" อี ซอง-โม ผู้สื่อข่าวในแดนโสมขาว กล่าว

"มีเกมแข่งขันทุกๆ สัปดาห์ เช่นเดียวกับเหล่าดาวรุ่งฝีเท้าพรสวรรค์ แฟนบอลคาดหวังให้โค้ชเดินทางมาดูด้วยตาตัวเอง สื่อสารกับกองเชียร์, สโมสร และผู้เล่นเคลีก"

คลิ้นส์มันน์ มอบหมายงานให้ แอนดี้ แฮร์โซ้ก โค้ชมือขวา ตลอดจนทีมงานอย่าง เปาโล สตริงการ่า และ ไมเคิ่ล คิม เข้าชมเกมเคลีกแทนตัวเขา นอกจากนี้สดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนสิงหาคม เขาได้จัดงานแถลงข่าวออนไลน์ผ่านโปรแกรม ซูม จากนครลอส แอนเจลีส ก็ยิ่งไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

"บางทีมันคงเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ใหม่สำหรับผู้คนที่เคยทำอะไรแตกต่างออกไป" คลิ้นส์มันน์ ที่เคยผ่านงานคุมทีมชาติเยอรมนี, สหรัฐอเมริกา ตลอดจนสโมสร บาเยิร์น มิวนิค และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน กล่าว

"ผมไม่คิดจะตำหนิใครทั้งนั้นที่พูดว่า "เขาหายตัวไปไหน?" การทำงานกับทีมชาติเป็นงานที่ครอบคลุมไปทั่วโลก ผมจำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุโรป ผมจำเป็นต้องติดต่อกับโค้ชของนักเตะเกาหลีในทีมยุโรป"

"ผมยังจำเป็นต้องทำความเข้าใจอยู่เสมอกับสิ่งที่ทีมที่ดีที่สุด และทีมชาติที่ดีที่สุดทำอยู่ รวมถึงสิ่งที่่เราจะสามารถทำให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วย"

"ผมเป็นคนบ้างาน ผมหลงใหลที่จะได้ทำงานแบบวิถีคนเกาหลี ผมอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศ 7 วัน 24 ชั่วโมง แต่เชื่อเถิดผมยังทำงานอยู่ตลอดเวลา"

ต่อกรณีนี้มาทำความเข้าใจให้ตรงกันกับวัฒนธรรมการทำงานของเกาหลีใต้ ที่นั่นให้ค่านิยมใช้เวลาในออฟฟิศ กินเวลานานหลายชั่วโมง และมีวันหยุดไม่เยอะเป็นเรื่องปกติ

ในปี 2022 มีรายงานตัวเลขระบุว่าประชาชนชาวเกาหลี่ใต้ทำงานเฉลี่ย 1,901 ชั่วโมงต่อปี มากที่สุดติดอันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว!

ขณะที่บรรดากุนซือก่อนหน้า คลิ้นส์มันน์ รวมถึง เปาโล เบนโต้ โค้ชโปรตุกีสซึ่งทำผลงานไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกฉบับกาตาร์ ล้วนแล้วแต่กินนอนอยู่ในประเทศ และมิต้องสงสัยว่าไปชมแมตช์แข่งขันท้องถิ่นเป็นประจำสม่ำเสมอ

นั่นเองส่งผลให้วิธีการทำงานแบบ "รีโมท" ของโค้ชฉลามขาว ถูกมองว่า "นอกคอก" ยิ่งเพิ่มพูนความกังวลเดิมทีจากการที่เขาร้างรางานมานานตั้งแต่อำลาเก้าอี้กุนซือสหรัฐฯ ในปี 2016 ได้ทำงานระยะสั้นๆ เพียง 10 สัปดาห์กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในซีซั่น 2019/20 ก่อนตอบรับงานคุมทีมโสมขาวเมื่อต้นปี

ตรงจุดนี้ สื่อเกาหลีใต้มองว่าวิธีการทำงานของ คลิ้นส์มันน์ น่าจะได้ผลสำหรับโค้ชที่อยู่มานาน มีความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งในวัฒนธรรม, พื้นเพของนักเตะ และแฟนบอล

"อย่างไรเสีย คลิ้นส์มันน์ เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อ 6 เดือนก่อน จนถึงตอนนี้เขาใช้เวลาอยู่ต่างแดนมากกว่าเกาหลีใต้ ในขณะที่ทีมชาติยังไม่ชนะเลยในยุคของเขา" เหยี่ยวข่าวคนเดิมกล่าวเสริม

"สถานการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับทุกผู้คนที่ข้องเกี่ยวกับฟุตบอลเกาหลี รวมถึงตัวของ คลิ้นส์มันน์ ด้วยเช่นกัน"

เมื่อความกดดันถาโถม เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ก็ยิ่งถูกจับตามากขึ้นไปด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมา คลิ้นส์มันน์ ได้เจียดเวลาไปให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างแดนเกี่ยวกับความเห็นถึง แฮร์รี่ เคน ย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค และ วาทารุ เอ็นโด อำลา สตุ๊ตการ์ท ไป ลิเวอร์พูล

โค้ชคลิ้นซี่ยังดูจะไม่แคร์สื่อใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่เมื่อปลายเดือนสิงหาคม เขาตัดสินใจประกาศรายชื่อนักเตะแข่งกระชับมิตรพบ เวลส์ และ ซาอุดีอาระเบีย แบบรีโมทอีกเช่นเคยในรูปแบบถ้อยแถลงผ่านสื่อมวลชน

มิเท่านั้นยิ่งดูเหมือนจงใจยั่วยุสื่อในประเทศ จากการประกาศลั่นถึงเวลาล้มล้างธรรมเนียมเก่าแก่ของเฮดโค้ชเกาหลีใต้ในการเปิดโต๊ะประกาศโผนักเตะ พลางอธิบายการตัดสินใจเลือกทีม

"ไม่มีชัยชนะมา 6 เกมติดต่อกัน และผมแน่ใจว่าทั้งสื่อเกาหลี และแฟนบอลล้วนอยากให้เขาถูกไล่ออก เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมสำหรับ เอเชียน คัพ ไปกับโค้ชคนใหม่"

"ด้วยเหตุนี้ทั้ง 2 เกมในเดือนกันยายนจึงสำคัญอย่างยิ่งกับเขา" อี ซอง-โม ปิดท้าย

ถ้าหากผลลัพธ์ยังไม่กระเตื้องในทิศทางที่ดีทั้งเกมบู๊ เวลส์ ต่อด้วยวันอังคารที่ 12 ก.ย.ดวล ซาอุฯ ก็มีโอกาสเหมือนกันที่ คลิ้นส์มันน์ จะได้ใช้เวลาอยู่ แคลิฟอร์เนีย ได้มากเท่าที่เขาต้องการ


ที่มาของภาพ : Getty
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport