หลุยส์ รูเบียเลส ประธานสหพันธ์ฟุตบอล สเปน ถูก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ออกคำสั่งแบนเป็นการชั่วคราวแล้วข้อหาก่อเหตุจูบนักเตะทีมชาติหญิง สเปน ในเกมชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ซึ่งทีมกระทิงสาวเอาชนะ อังกฤษ 1-0 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จในการฟาดแข้งที่ ซิดนีย์ ประเทศ ออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ก่อน
รูเบียเลส ก่อเหตุน่าตกใจเมื่อจูบปากของ เฆนิเฟร์ เอร์โมโซ่ หลังจบเกมซึ่งแม้ รูเบียเลส จะกล่าวขอโทษพร้อมยอมรับว่าก่อความผิดพลาด แต่เขาปฏิเสธที่จะลาออกตามเสียงเรียกร้องของหลายฝ่าย
เท่านั้นไม่พอ ถัดมาสหพันธ์ฟุตบอล สเปน ระบุว่าจะฟ้องร้อง เอร์โมโซ่ ด้วยโดยระบุว่าเธอโกหก กระทั่งล่าสุดเมื่อ 26 ส.ค. ฟีฟ่า กระโดดลงมาล้วงลูกเรียบร้อยแล้วด้วยการสั่งแบนการปฏิบัติหน้าที่ของ รูเบียเลส เป็นการชั่วคราวโดยห้ามเขาดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลทั้งในประเทศ และนานาชาติ
"การแบนจะมีผลบังคับทันทีในวันนี้ซึ่งจะกินเวลาในขั้นต้น 90 วันเพื่อดำเนินการสอบสวน" ฟีฟ่า ประกาศบทลงโทษประธานวัย 46 ปีซึ่งมีค่าตอบแทนจากการดำรงตำแหน่งสำคัญดังกล่าวปีละ 250,000 ยูโร (ราว 9.5 ล้านบาท)
พร้อมกันนี้ ฟีฟ่า สั่งห้าม รูเบียเลส หรือเจ้าหน้าที่สหพันธ์ฟุตบอล สเปน ทุกรายติดต่อกับ เอร์โมโซ่ ดาวเตะวัย 33 ปีด้วยในระหว่างการสอบสวนเนื่องจาก สหพันธ์ฟุตบอล สเปน พยายามติดต่อกับ เอร์โมโซ่ ดาวยิงสูงสุดของประเทศซึ่งมีผลงานตะบันได้ 51 ประตูจาก 101 นัดหลายครั้ง แต่ไม่อาจติดต่อกับเธอได้
อย่างไรก็ดี ราฟาเอล เดล อโม่ รองประธาน สหพันธ์ฟุตบอล สเปน ประกาศลาออกไปแล้วเนื่องจากทนไม่ได้ที่ รูเบียเลส ปฏิเสธสละเก้าอี้
"ผมขอลาออกหลังจากยังเห็น หลุยส์ รูเบียเลส ทำหน้าที่ประธาน สหพันธ์ฟุตบอล สเปน ผมเป็นหนี้ หลุยส์ มากมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศไม่อาจยอมรับได้"