สิงโตน้ำลายเหนียวเคี้ยวอัซซูรี่,เคน ควง เซาธ์เกต สร้างสถิติ! 5 ข้อ อังกฤษ บุกคว่ำ อิตาลี เปิดหัวคัดยูโร

สิงโตน้ำลายเหนียวเคี้ยวอัซซูรี่,เคน ควง เซาธ์เกต สร้างสถิติ! 5 ข้อ อังกฤษ บุกคว่ำ อิตาลี เปิดหัวคัดยูโร
ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย และในที่สุด อังกฤษ ก็เอาชนะ อิตาลี ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจากการฟาดแข้ง ฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือกเกมแรกของกลุ่มซีที่สนาม ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค.

แต่กว่าที่ สิงโตคำราม จะชำระแค้น อัซซูรี่ ได้ด้วยสกอร์ 2-1 หลังโดนคู่ปรับรายนี้คว้าแชมป์ ยูโร หนก่อนได้ที่สนาม เวมบลีย์ จากการดวลลูกโทษตัดสินก็ต้องบอกว่าทีมเมืองผู้ดีร่อแร่ไปเหมือนกันแม้จะเจองานง่ายเกินคาดในครึ่งแรก

1. จอร์จินโญ่ นำทัพ อัซซูรี่


โรแบร์โต้ มันชินี่ นายใหญ่ทีมชาติ อิตาลี ส่ง จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์ทีม เชลซี ลงสนามเป็นตัวจริง ขณะที่ วิลฟรีด ยอนโต้ กับ จานลูก้า สคามัคค่า สองกองหน้าทีม ลีดส์ และ เวสต์แฮม ซึ่งค้าแข้งอยู่ใน พรีเมียร์ลีก เช่นกันมีชื่อนั่งเป็นตัวสำรอง

พร้อมกันนี้ ทีมเมืองมะกะโรนีมอบโอกาสให้ มาเตโอ เรเตกี ดาวยิงวัย 23 ปีของทีม โบคา จูเนียร์ส ที่ถูกปล่อยให้ ติเกร ทีมร่วมลีกอาร์เจนไตน์ยืมตัวอยู่ในเวลานี้ได้ประเดิมสนามรับใช้ชาติเป็นเกมแรกด้วยเนื่องจากเขามีคุณปู่เป็นชาวอิตาเลี่ยนแม้เจ้าตัวจะเกิด และเติบโตในเมืองฟ้าขาวก็ตาม

อย่างไรก็ดี เจ้าบ้านปราศจาก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กัปตันทีมเซ็นเตอร์ฮาล์ฟซึ่งบาดเจ็บ ส่งผลให้ ราฟาเอล โตลอย กับ ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ ได้จับคู่กันคุมเกมรับ ขณะที่ มาร์โก แวร์รัตติ ได้สวมปลอกแขน

และที่สำคัญที่สุด อิตาลี ชุดนี้ไม่มีขุนพลทีม ยูเวนตุส อยู่ในโผเลยแม้แต่รายเดียวซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปีอันเป็นการตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นยุคที่ทีม ม้าลาย กำลังตกต่ำอย่างแท้จริง

2. ผู้ดี ส่ง ฟิลลิปส์ ออกสตาร์ตตามคาด


เป็นไปตามความคาดหมายของสื่อที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ เลือกใช้งาน คัลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางทีม แมนฯ ซิตี้ ลงสนามเป็นผู้เล่น 11 คนแรกแม้สตาร์วัย 27 ปีจะได้ลงเล่นให้กับสโมสรในซีซั่นนี้แค่ 344 นาทีรวมทุกรายการก็ตาม (พรีเมียร์ลีก 56 นาที) โดยเขาได้ประสานงานกับ แจ็ค กรีลิช เพื่อนร่วมทีม เรือใบสีฟ้า

ขณะเดียวกัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งได้ลงเล่นให้กับต้นสังกัดเพียงน้อยนิดเช่นกันยังได้รับใช้ชาติเป็นตัวจริงตามเคย รวมแล้วแผงแบ็คโฟร์ของ สิงโตคำราม เป็นส่วนผสมของสองทีมดังจากเมืองแมนเชสเตอร์เนื่องจาก ลุค ชอว์ , ไคล์ วอล์คเกอร์ และ จอห์น สโตนส์ ได้ลงบู๊เช่นกัน

3. เคน ผงาดดาวซัลโว สิงโตคำราม


ในที่สุด แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติ อังกฤษ ก็สร้างชื่อเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลคนใหม่ของทีม สิงโตคำราม ได้สำเร็จแล้วเมื่อสังหารลูกโทษพาทีมเมืองผู้ดีนำหน้า อิตาลี เพิ่มเป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกไม่นาน

หัวหอกวัย 29 ปีสบโอกาสทองหลังจากผู้ตัดสินเช็ควีเออาร์ก่อนยืนยันว่า โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ และมีหรือที่หัวหอก สเปอร์ส จะปล่อยให้โอกาสสร้างชื่อหลุดมือ

ว่าแล้ว เคน จึงสืบเท้าเข้าสังหารลูกโทษอย่างมั่นใจเอาชนะ จานลุยจิ ดอนน่ารุมม่า ได้สำเร็จเพิ่มผลงานให้ตัวเองคลำเป้าในสีเสื้อของ ทรี ไลอ้อนส์ แซง เวย์น รูนีย์ เป็น 54 ประตูจนได้

สรุปอันดับดาวซัลโวทีม สิงโตคำราม 

แฮร์รี่ เคน 54 ประตู (81นัด)

เวย์น รูนีย์ 53 ประตู (120นัด)

เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน 49 ประตู (106นัด)

แกรี่ ลินิเกอร์ 48 ประตู (80 นัด)

จิมมี่ กรีฟส์  44 ประตู (57นัด)

ไมเคิ่ล โอเว่น 40 ประตู (89นัด)

แน็ต ลอฟท์เฮาส์ 30 ประตู (33 นัด)

อลัน เชียเรอร์ 30 ประตู (63นัด)

ทอม ฟินนีย์  30 ประตู (76นัด)

วิเวียน วู้ดเวิร์ด 23 ประตู (29นัด)

พร้อมกันนี้ ยังมีการแจกแจงด้วยว่า เคน ซัดลูกโทษตุงตาข่ายในการรับใช้ชาติเป็นประตูที่ 18 จากโอกาสได้ยิงทั้งสิ้น 22 ครั้ง

แฮร์รี่ เคน ยิง 22 ครั้ง เข้าประตู 18 ครั้ง

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิง 11 ครั้ง เข้าประตู 9 ครั้ง

เวย์น รูนีย์ ยิง 7 ครั้ง เข้าประตู 7 ครั้ง

อลัน เชียเรอร์ ยิง 7 ครั้ง เข้าประตู 6 ครั้ง

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ยิง 6 ครั้ง  เข้าประตู 6 ครั้ง

4. เซาธ์เกต ครึ่งร้อยนัด


หลังพาทีมบุกมากำชัยเหนือ อิตาลี ที่ เนเปิ้ลส์ ได้แบบหืดจับ เซาธ์เกต ก็สร้างผลงานคุมทีมเมืองผู้ดีคว้าชัยได้เป็นนัดที่ 50 ของเขาพอดีจากการทำหน้าที่เป็นเกมที่ 82

รวมทั้งสิ้น นายใหญ่วัย 52 ปีมีผลงานขี่หลัง สิงโตคำราม กำชัยได้ 50 นัด เสมอ 18 นัด และแพ้ 14 นัดซึ่งการพาทีมชนะครึ่งร้อยนัดทำให้เขาเป็นนายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ รายที่สามที่ประสบความสำเร็จถึงหลักตัวเลขดังกล่าวต่อจาก เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ และ วอลเตอร์ วินเทอร์บ๊อตท่อม ซึ่งคุมทีมเก็บชัยชนะครบ 50 นัดได้ในการทำหน้าที่เป็นนัดที่ 79 และ 82 ตามลำดับ

5. ครึ่งแรก-ครึ่งหลังหนังคนละม้วน


จากที่เล่นได้เหนือกว่า อิตาลี อย่างชัดเจนในครึ่งแรก และนำหน้าอย่างหายห่วง 2-0 อังกฤษ กลับสานต่อผลงานไม่ได้เลยหลังถูกเจ้าบ้านเดินเกมรุกกดดันอย่างหนักตั้งแต่ออกสตาร์ตครึ่งหลังจนทำให้เกมทั้งสองครึ่งเวลาผิดแผกแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

จบ 45 นาทีแรก สถิติแจกแจงออกมาว่าทีมเมืองผู้ดีครองบอลได้มากกว่า 53:47%  และได้ยิง 7 ครั้งเข้ากรอบ 4 ครั้งเป็นสองประตู ขณะที่ อิตาลี ได้ยิง 4 ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบเลย

อย่างไรก็ดี ดูท่าว่า มันโช่ จะจัดหนักลูกทีมในห้องแต่งตัวเนื่องจากทุกคนเล่นกันได้อย่างเลวร้ายใน 45 นาทีแรก และปรากฏว่าเกมของทีม อัซซูรี่ มีชีวิตชีวา และทรงพลังอย่างน่าประหลาดนับตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง สวนทางกับ อังกฤษ ที่เหมือนกระปลกกระเปลี้ย และช็อตไปดื้อๆจนดูราวกับว่าแต่ละคนก้าวขาไม่ออก และตกเป็นรองทุกกระบวนท่า

จนในที่สุด เรเตกี ก็มาแผลงฤทธิ์ตีไข่แตกให้ อัซซูรี่ มีความหวัง กระทั่งช่วงสิบนาทีสุดท้าย ชอว์ มาได้สองเหลืองติดๆกันในเวลาแค่นาทีเดียวจึงโดนไล่ออก แต่พลพรรค ทรี ไลอ้อนส์ สิบชีวิตก็ช่วยกันยันเกมรุกของ อิตาลี ได้สำเร็จ และคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 2-1

แน่นอนว่าหลังโม่แข้งกันครบ 90 นาที เจ้าบ้านพลิกมีมาสถิติที่เหนือกว่าทั้งการครองบอล 58:42% โอกาสยิงประตู 10 ครั้ง แต่เข้ากรอบครั้งเดียว ขณะที่ อังกฤษ ได้ยิงรวมกัน 7 ครั้ง และเข้ากรอบ 4 ครั้งเหมือนครึ่งแรกเป๊ะ

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทีมของ เซาธ์เกต สามารถแก้ลำพิชิตคู่ปรับรายนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดนัดหลังของทุกรายการจนได้หลังจากพวกเขามีผลงานย่ำแย่เสมอ อิตาลี 4 ครั้ง และแพ้ 2 ครั้งก่อนจะประสบความสำเร็จในเกมล่าสุด

ขณะเดียวกัน ทีมเมืองพิซซ่าเสียท่าปราชัยในเกม คัดเลือกยูโร เป็นนัดแรกจาก 41 นัดด้วย และเป็นการปราชัยในรายการดังกล่าวคารังครั้งแรกเช่นกันนับตั้งแต่ปี 1999 ขณะที่ สิงโตคำราม เอาชนะทีมเมืองพิซซ่าได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1961


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport