ลิเวอร์พูล อาจจะเป็นเจ้าแห่งลีก คัพ เข้าชิงมากที่สุด 14 สมัย ได้แชมป์เยอะที่สุด 10 สมัย แต่นัดชิงลีก คัพ ไม่เคยง่ายเลยสำหรับพวกเขา..
ใน 10 ครั้งที่คว้าแชมป์ ลิเวอร์พูลเช็กบิลคู่ชิงในเวลาปกติ 90 นาทีเพียงแค่ 2 หนเท่านั้น
ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 ปี 1995 และชนะ แมนยูไนเต็ด 2-0 ปี 2003
ที่เหลืออีก 8 สมัย เป็นการได้แชมป์ด้วยเกมยืดเยื้อทั้งหมด
- ได้แชมป์หลังแข่งใหม่ 2 ครั้ง (เวสต์แฮม 1981, เอฟเวอร์ตัน 1984)
- ได้แชมป์ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3 ครั้ง (สเปอร์ส 1982, แมนยูไนเต็ด 1983, เชลซี 2024)
- ได้แชมป์ด้วยการยิงจุดโทษตัดสินอีก 3 ครั้ง (เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2001, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 2012, เชลซี 2022)
ไม่เพียงแค่การชนะเป็นแชมป์เท่านั้น กระทั่งความปราชัยในนัดชิง 4 ครั้ง ก็ยังเป็นเกมยาวถึง 3 หน
- แพ้ในเกมแข่งใหม่ 1 ครั้ง (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1978)
- แพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1 ครั้ง (เชลซี 2005)
- แพ้การดวลจุดโทษตัดสินอีก 1 ครั้ง (แมนฯ ซิตี้ 2016)
เท่ากับว่าในการเข้าชิง 14 ครั้ง (แชมป์ 10 รองแชมป์ 4) ของลิเวอร์พูล ได้บทสรุปในเวลาปกติเพียงแค่ 3 ครั้งหรือเกือบ ๆ 1 ใน 5 เท่านั้นเอง อีก 11 ครั้งที่เหลือต้องตัดสินหลัง 90 นาทีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการแข่งใหม่ ต่อเวลาพิเศษ หรือดวลจุดโทษ
นัดชิงชนะเลิศกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด วันอาทิตย์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งเกมที่คงไม่ง่ายสำหรับลิเวอร์พูล เพราะขึ้นชื่อว่านัดชิงแล้ว ทุกทีมย่อมทุ่มเทเต็มที่
ขณะที่ทีมสาลิกาดงเองก็มีความฝัน พวกเขารอคอยความสำเร็จมานานมากแล้ว
ถ้านับจากแชมป์รายการใหญ่ครั้งล่าสุด อินเตอร์-ซิตี้ส์ แฟร์สคัพ ที่ปรับเปลี่ยนไปเป็น ยูฟ่า คัพ และยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในปัจจุบัน เมื่อปี 1969 มันก็กินเวลา 56 ปี
แต่ถ้านับย้อนขึ้นไปถึงแชมป์ฟุตบอลในประเทศหนล่าสุด การรอคอยของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็แตะ 70 ปีหรือ 7 ทศวรรษเข้าไปแล้ว เพราะนับตั้งแต่วันยิ่งใหญ่อัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ที่เวมบลีย์คว้าแชมป์เอฟเอ คัพสมัยที่ 6 และหนที่ 3 ในรอบ 5 ปีแล้ว ทูนอาร์มี่ก็ไม่ได้ฉลองแชมป์กันอีกเลย
พรีเมียร์ลีกได้แค่เกือบ เป็นรองแชมป์ 2 สมัยในฤดูกาล 1995/96 กับ 1996/97 ยังคงรอแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศนับตั้งแต่เป็นแชมป์สมัยที่ 4 เมื่อฤดูกาล 1926/27
เอฟเอ คัพ เข้าชิงอีก 3 ครั้ง ถูกลิเวอร์พูลถล่ม 0-3 ในปี 1974 และแพ้ 2 ปีซ้อนต่อ อาร์เซน่อล (0-2) ปี 1998 กับ แมนยูไนเต็ด (0-2) ปี 1999
ลีก คัพ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 1960/61 นิวคาสเซิ่ลไปถึงรอบชิงได้อีก 2 ครั้งก็ยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งหมด (ปี 1976 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-2 และปี 2023 แพ้ แมนยูไนเต็ด 0-2)
นับจากแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 1955 นิวคาสเซิ่ลเข้าชิงฟุตบอลถ้วยในประเทศอีก 5 ครั้ง สถิติคือ 0-5 ไม่เคยสมหวังเลย ทั้งยังพ่วงด้วยการเจ็บหนัก ๆ ในพรีเมียร์ลีกอีก 1 ครั้ง
สถิติด้านเกียรติประวัติถูกแช่แข็ง แชมป์ลีกหยุดอยู่ที่ 4 สมัยมา 98 ปี แชมป์เอฟเอ คัพหยุดอยู่ที่ 6 สมัยมา 70 ปี แชมป์ลีก คัพไม่เคยสัมผัส
แน่นอนครับ สภาพทีม มาตรฐานในภาพรวม ประสบการณ์ และองค์ประกอบต่าง ๆ ลิเวอร์พูลดูดีกว่า สถิติการพบกับ นิวคาสเซิ่ล นั้นหงส์แดงไม่แพ้มา 10 ปีเข้าไปแล้วนับตั้งแต่ความปราชัย 0-2 ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2015
เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งเข้ามาทำทีมได้ 2 เดือน จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม คนยิงฝัง 2-0 ยังเป็นนักเตะของนิวคาสเซิ่ลอยู่เลย
แต่อีก 17 เกมต่อมาที่เจอกันในลีกล้วน ๆ สถิติคือ 17-12-5-0 ลิเวอร์พูลกวาด 41 จาก 51 คะแนนเต็ม ไม่แพ้เลยแม้แต่เกมเดียว นิวคาสเซิ่ลได้คะแนนจากลิเวอร์พูลแค่ 5 แต้มเท่านั้น
นัดชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์วันอาทิตย์นี้ผู้สันทัดกรณีทั้งหลายล้วนมองว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสมากกว่า บริษัทรับพนันถูกกฎหมายออกอัตราทีมหงส์แดงเป็นแชมป์จ่ายต่ำกว่าที่แทง (แทง 3 ได้ 2) ขณะที่ทีมสาลิกาดง 4 ต่อ (แทง 1 ได้ 4)
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมฟุตบอล อย่าว่าแต่นี่เป็นนัดชิงชนะเลิศ เตะเกมเดียวรู้ผล
ประวัติความยืดเยื้อในนัดชิงของลิเวอร์พูล ความมุ่งมั่นที่จะเป็นแชมป์สิ้นสุดการรอคอย 70 ปี และบรรยากาศแห่งเวมบลีย์จะปลุกให้ขุนพลในชุดลายทางขาว-ดำวิ่งลืมตาย มันคือเกมแห่งชีวิตของพวกเขา
นอกเหนือไปจากเรื่องเหล่านี้ นิวคาสเซิ่ลยังอาจมอง Third time lucky ของ อาร์เซน่อล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ มิดเดิ้ลสโบรช์ เป็นแรงผลักดัน
อาร์เซน่อล แมนยูไนเต็ด และ มิดเดิ้ลสโบรช์ คือ 3 ทีมที่เคยมีสถิตินัดชิง 0-2 เหมือนนิวคาสเซิ่ลตอนที่เข้าชิงลีก คัพ หนที่สามของตัวเอง
ทั้ง 3 ทีมปลดล็อกสำเร็จได้ในการเข้าชิงครั้งที่ 3 ทั้งหมด
อาร์เซน่อล แพ้นัดชิงปี 1968, 1969 ได้แชมป์ในปี 1987 ในการชิงครั้งที่สาม
แมนยูไนเต็ด แพ้นัดชิงปี 1983, 1991 ได้แชมป์ในปี 1992 ในการชิงครั้งที่สาม
มิดเดิ้ลสโบรช์ แพ้นัดชิงปี 1997, 1998 ได้แชมป์ปี 2004 ในการชิงครั้งที่สาม
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะทำได้ไหม.. รออีกไม่นานก็รู้
-ตังกุย-