ลิเวอร์พูล พบ สเปอร์ส ! 5 ข้อหงส์จิกไก่ศพไม่สวย,กัคโป นำดาวยิงชิงถ้วยคาราบาว

ลิเวอร์พูล พบ สเปอร์ส ! 5 ข้อหงส์จิกไก่ศพไม่สวย,กัคโป นำดาวยิงชิงถ้วยคาราบาว
"แชมป์เก่า" ลิเวอร์พูล ไม่พลาดการตีตั๋วเข้าไปป้องกันแชมป์ คาราบาว คัพ อีกสมัยเมื่อเปิดบ้านไล่ต้อน สเปอร์ส ชนิดสู้กันไม่ได้ 4-0 ในเกมรอบตัดเชือกนัดสองที่ สนาม แอนฟิลด์ เมื่อ 6 ก.พ.ทะลุเข้าไปชิงดำอีกปีโดยมี นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นคู่แข่งในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค. และแน่นอนว่าทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้เข้าชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นสมัยที่ 15 เหนือกว่าทุกสโมสร

1. หงส์ส่ง นูนเญซ เชือดไก่-เคลเลเฮอร์ เฝ้าเสา

อาร์เน่อ สล็อต กุนซือ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนโผตัวจริงสี่รายจากเกมลีกนัดบุกไปทุบ บอร์นมัธ 2-0 

จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ขาด เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่บาดเจ็บทำให้ คอเนอร์ แบรดลีย์ ได้ออกสตาร์ตามคาด ขณะที่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ได้เฝ้าเสาแม้เกมแรกที่บุกไปพ่าย สเปอร์ส 1-0 ผู้จัดการทีมชาวดัตช์จะเปลี่ยนมาใช้บริการของ อลิสซง ซึ่งเกมนี้ได้พักโดยไม่มีส่วนร่วมแม้จะไม่ได้บาดเจ็บ

นอกจากนี้ ดาร์วิน นูนเญซ ได้ออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ เคอร์ติส โจนส์ โดย อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ หลุยส์ ดิอาซ หล่นไปนั่งข้างสนาม

2. ไก่ส่ง ดานโซ่ ประเดิม-แตล สำรอง

แอนจ์ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีม สเปอร์ส จัดทัพโดยส่ง เควิน ดานโซ่ กองหลังตัวใหม่ที่ยืมมาจาก ล็องส์ ลงบู๊ทันทีเนื่องจากทีมประสบกับปัญหาปราการหลังล้มเจ็บหลายราย

อย่างไรก็ดี มาติส แตล หัวหอกที่ยืมมาจาก บาเยิร์น มิวนิค ถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองก่อน

เทียบจากเกมลีกนัดบุกไปสยบ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ ไก่เดือยทอง สลับให้ ป๊าป ซาร์ กลับมาเล่นเป็นตัวจริงแทน ไมกี้ มัวร์ ที่หล่นไปนั่งอยู่ในซุ้ม ขณะที่อีกจุด เปโดร ปอร์โร่ เสียตำแหน่งให้กับนักเตะใหม่

3. กัคโป ปลดล็อก

ลิเวอร์พูล เริ่มเกมได้ไม่ค่อยดีนักแม้จะเป็นเจ้าบ้าน และบุกเข้าหาฝ่ายเดียว แต่โอกาสเบิกสกอร์ของพวกเขาไม่ได้จะแจ้งมากมายนัก แม้ โม ซาลาห์ จะจ่ายให้ โดมินิก โซโบซไล ซัดตุงตาข่าย แต่ชัดเจนว่าเป็นลูกล้ำหน้าโดยไม่ต้องเช็กวีเออาร์

นอกจากนี้ จังหวะโต้กลับที่อันตรายของ หงส์แดง ยังไม่ลงล็อกเท่าที่ควรจึงทำให้ สเปอร์ส ต้านทานเกมรุกได้ กระทั่งในที่สุด โคดี้ กัคโป โชว์ความเด็ดขาดซัดบอลตุงตาข่ายโดย ซาลาห์ มีส่วนอีกครั้งกับการผ่านบอลข้ามฟากจนหลุดไปให้สตาร์ดัตช์เผด็จศึก

จากการส่องให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0 พร้อมตีเสมอเป็น 1-1 จากสกอร์รวม ทำให้ กัคโป เช็กบิลใน แอนฟิลด์ ซีซั่นนี้ได้ 10 เม็ดแล้วจาก 10 นัดหลังซึ่งชัดเจนว่าดาวเตะทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ อยู่ในช่วงพีกของอาชีพนักเตะ

พร้อมกันนี้ กัคโป ยังทะยานนำหน้าเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึก คาราบาวคัพ ซีซั่นนี้ด้วยจากผลงาน 5 ประตู

ด้าน ซาลาห์ แสดงให้เห็นถึงความเข้าขากับ กัคโป โดย คิงโม แอสซิสต์ให้ทีมเมทดัตช์สอยตาข่ายได้ 10 เม็ดแล้ว

กระนั้นก็ดี แม้จะเสียประตูจนได้ แต่ต้องถือว่า ไก่เดือยทอง ไม่เสียหายมากนักหากจะมองดูสถิติหลังจบครึ่งแรกซึ่ง หงส์แดง เหนือกว่าทุกกระเบียดนิ้วทั้งการครองบอล 72.7%:27.3% และโอกาสสยิงของเจ้าบ้าน 11 ครั้งซึ่งเข้ากรอบ 4 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสครั้งเดียว แต่ไม่เข้ากรอบ

4. ซาลาห์ ปิดจ็อบ

ทันทีที่ ลิเวอร์พูล ได้ลูกโทษจากจังหวะที่ ซาลาห์ ไหลบอลเข้าเขตโทษแล้ว นูนเญซ โดน อันโตนิน คินสกี้ ออกมาทำฟาวล์ก็แทบใส่สกอร์เม็ดสองให้กับเจ้าบ้านได้เลยเนื่องจากดาวยิงทีมชาติ อียิปต์ ยิงลูกโทษได้อย่างฉกาจฉกรรจ์จนแทบไม่เปิดโอกาสให้ผู้รักษาประตูได้เซฟบ้างเลย

หลังพาทีมนำห่าง 2-0 ปิดจ็อบได้สำเร็จเนื่องจากเพียงพอต่อการเข้ารอบชิงชนะเลิศ แล้ว ซาลาห์ เพิ่มผลงานการพังประตูในซีซั่นนี้เป็น 26 ประตูเข้าไปแล้วหลังจากซีซั่นก่อนเขาตะบันได้ทั้งสิ้น 25 ประตู

จากสกอร์ดังกล่าว ทำให้ ซาลาห์ พังประตู สเปอร์ส ในทุกรายการกับทุกสโมสรที่เขาลงเล่นได้เป็น 15 เม็ดแล้วจาก 23 นัด และมีแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่เสียประตูให้สตาร์วัย 32 ปีมากกว่า (16 ประตู)

หลังโดนเม็ดสอง สเปอร์ส ไม่มีทางเลือก และต้องขยับดันเกมรุก แต่แน่นอนว่ามันเป็นการเปิดพื้นที่ให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสโต้กลับ กระทั่ง 15 นาทีสุดท้ายในจังหวะที่เจ้าบ้านตัดเกมได้ สกอร์ 3-0 ก็บังเกิดจากโอกาสดังกล่าวโดย โซโบซไล ใส่ชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ดได้สำเร็จ

กระนั้นก็ดี มีหรือ เครื่องจักรสีแดง จะพอใจกับสกอร์ที่ปรากฏหากว่าเกมยังไม่จบ และในที่สุด เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็โขกลูกเตะมุมปิดท้ายให้เจ้าบ้านกำชัยไปแบบท่วมท้น 4-0 โดยนับตั้งแต่ประเดิมสนามกับ เร้ด แมชีน ในเดือนม.ค.2018 ไม่มีกองหลังคนไหนใน พรีเมียร์ลีก คลำเป้าในทุกรายการรวมกันได้มากกว่าดาวเตะดัตช์อีกแล้ว (26 เม็ด)

หลังขยี้ สเปอร์ส สี่ตุง เจ้าพ่อศึก ลีก คัพ เพิ่มประตูได้เป็น 521 เม็ด และเป็นทีมที่คลำเป้าได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้

5. แอนจ์ เสียสถิติ

หลังเกมจบลง ลิเวอร์พูล ครองบอลได้เหนือกว่า 64.1%:35.9% และได้ยิงมากถึง 26 ครั้งเข้ากรอบ 10 ครั้ง ขณะที่ สเปอร์ส ได้ยิง 5 ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบเลย

ด้วยเหตุนี้ ปอสเตโคกลู จึงมีผลงานคุมทีม ไก่เดือยทอง ซัดบอลเข้ากรอบฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวเป็นเกมแรกนับตั้งแต่เขาเข้ามารับงานกับทีมลูกหนังแห่งกรุงลอนดอน

ขณะเดียวกัน สเปอร์ส มีปัญหาเพิ่มขึ้นอีกจนได้เนื่องจาก ริชาร์ลิซอน บาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออก และเชื่อได้เลยว่าสตาร์แซมบ้าจะต้องร้างสนามอีกรอบเพิ่มเติมกับเพื่อนร่วมทีมที่ลงเล่นเกมนี้ไม่ได้ทั้ง เบรนแนน จอห์นสัน , คริสเตียน โรเมโร่ , เดสตินี่ อูโดกี้ , โดมินิค โซลันกี้ ,กูเยลโม่ วิคาริโอ , เจมส์ แมดดิสัน ,  มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน , ราดู ดรากูซิน , ติโม แวร์เนอร์ และ วิลสัน โอโดเบิร์ต

อย่างไรก็ดี เกม เอฟเอ คัพ รอบสี่นัดบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า วันอาทิตย์นี้ ทีมลูกหนังของกรุงลอนดอนยังมี แตล พร้อมลงเล่นหาก ริชาร์ลิซอน ต้องร้างสนาม อีกทั้งยังต้องรอดูกันว่ากุนซือออสซี่จะได้ลูกทีมคนไหนหายเจ็บกลับมาลงเล่นถ้วยน็อกเอาต์บ้างหรือไม่

แต่จะอย่างไรก็ตาม มันย่อมไม่ดีแน่หาก สเปอร์ส จะตกรอบฟุตบอลถ้วยสองรายการในสองนัดแม้พวกเขาจะเข้ารอบน็อกเอาต์ถ้วย ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จเนื่องจากผลงานใน พรีเมียร์ลีก ของทีมเป็นไปอย่างเลวร้ายกระทั่งเชื่อกันว่านายใหญ่ร่างท้วมเป็นเต็งจ๋าคนต่อไปในบรรดากุนซือของ พรีเมียร์ลีก ที่จะโดนปลด

และอย่างที่รู้กันว่า สเปอร์ส มีสถิติที่เลวร้ายในการบุกมาเยือน แอนฟิลด์ โดยหลังจบเกมนี้พวกเขาเพิ่มผลงานชิ้นโบดำแพ้เพิ่มเป็น 11 จาก 15 นัดหลังโดยสามารถบุกมาเสมอได้ 4 นัด แต่ไม่เคยได้เฮเลย

นอกจากนี้ ไก่เดือยทอง ชนะที่ แอนฟิลด์ แค่เกมเดียวจาก 28 เกมนับตั้งแต่ปี 1999 โดยพวกเขากำชัยได้ 2-0 ในซีซั่น 2010/11 จากประตูของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท และ ลูก้า โมดริช โดยซีซั่นนั้นทีมเมืองกรุงจบซีซั่น พรีเมียร์ลีก ได้เหนือกว่า เร้ด แมชีน ด้วย (อันดับห้าและหก)


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport