สุดท้ายแล้วบทสรุปของศึก คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2023-24 จบลงด้วยการที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ไปครอง หลังจากพวกเขาเอาชนะ เชลซี 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ รอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับทำให้ "หงส์แดง" ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ครบทั้ง 4 รายการของซีซั่นนี้
นี่ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์รายการนี้เป็นครั้งที่ 10 เข้าไปแล้ว โดยในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ 2 สมัยด้วยกัน ซึ่งมันก็มีทั้งเกร็ดและสถิติที่น่าสนใจที่เกิดจากความสำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาด้วย
- อนาคตของทีม
จากปัญหาอาการบาดเจ็บต่างๆ ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เจอปัญหาในการจัดทีมระดับหนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้เขาจำเป็นต้องใส่ทั้ง เจย์เดน แดนน์ส (18 ปี), บ็อบบี้ คล้าร์ก (19 ปี) และ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ (19 ปี) เป็นตัวสำรอง ก่อนที่จะเปลี่ยนทั้ง 3 คนลงสนาม
การทำแบบนั้นส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ถือเป็นทีมที่ให้ดาวรุ่ง (นักเตะอายุไม่เกิน 19 ปี) มีส่วนร่วมกับนัดชิงดำของรายการนี้มากที่สุดนับตั้งแต่ที่ อาร์เซน่อล เคยทำเอาไว้ถึง 4 คน เมื่อปี 2007 โดยตอนนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ให้ทั้ง เชส ฟาเบรกาส, ธีโอ วัลค็อตต์, เดนิลสัน และ อาร์กม็องด์ ตราโอเร่ ลงเล่นเป็นตัวจริง ก่อนที่ทีมของเขาจะแพ้ เชลซี 1-2
- ฮีโร่ยามจำเป็น
แน่นอนว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ คือหนึ่งในนักเตะที่เป็นประเด็นมากที่สุดของเกมนี้ เพราะนอกจากจะพาทีมคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่การลงเล่นนัดชิงชนะเลิศหนแรกในฐานะกัปตันทีม ลิเวอร์พูล แล้วนั้น นี่ยังนับเป็นหนแรกที่เขาทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ได้อย่างน้อย 2 เกมติดต่อกันอีก
แม้ว่าจะต้องรอจนถึงนาทีที่ 118 กว่าที่ ลิเวอร์พูล จะได้ประตู แต่มันก็ถือเป็นลูกที่คุ้มค่า และนี่ก็ถือเป็นประตูในนัดชิงดำของรายการนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมมากที่สุดนับตั้งแต่เมื่อปี 1977 เลยทีเดียว โดยหนนั้น ไบรอัน ลิตเติ้ล เคยทำประตูให้ แอสตัน วิลล่า ในนาทีที่ 119 จนทำให้ทีมของเขาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษของนัดชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์นัดที่สอง
- คล็อปป์ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเยี่ยม
เชื่อหรือไม่ว่าเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้มันเท่ากับว่าในฤดูกาลนี้ คล็อปป์ ทำการเปลี่ยน 11 ตัวจริงกับการลงเล่นในทุกรายการมากถึง 217 ครั้งเข้าไปแล้ว ทำให้พวกเขาเป็นทีมจาก พรีเมียร์ลีก ที่ต้องทำการปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงมากที่สุดของซีซั่นนี้ ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เยอะมากๆ เพราะของ "เรือใบสีฟ้า" อยู่ที่ 163 หน
- ลากยาวบ่อย
ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีประสบการณ์โชกโชนกับการเล่นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษเป็นอย่างน้อยในนัดชิงชนะเลิศของศึก คาราบาว คัพ/ ลีก คัพ เพราะ 5 ครั้งหลังสุดที่พวกเขาไปถึงรอบชิงดำได้นั้น มันต้องเตะถึงช่วงดังกล่าวเป็นอย่างต่ำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปีล่าสุดที่ชนะ เชลซี 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษอย่างที่รู้กัน, ปี 2022 ที่ไปชนะ เชลซี ในช่วงดวลจุดโทษหลังจบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0, ปี 2016 ที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงดวลจุดโทษหลังเสมอกัน 1-1 ตอนเตะไป 120 นาที, ปี 2012 ที่ดับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในการดวลเป้าหลังเสมอกัน 2-2 ตอนเตะครบในช่วงต่อเวลาพิเศษ และปี 2005 ที่พ่าย เชลซี 2-3 ในการต่อเวลาพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้น จากการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศรายการนี้ที่สนาม เวมบลีย์ 11 เกมนั้น ลิเวอร์พูล ก็ต้องเตะถึงช่วงต่อเวลาพิเศษเป็นอย่างต่ำมากถึง 9 หนด้วยกัน
- เด็กเกร็ดบอล -