เจ็บปวดเหลือเกิน! เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เปิดใจหลังแพ้ ลิเวอร์พูล ชวดแชมป์ คาราบาว คัพ

เจ็บปวดเหลือเกิน! เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เปิดใจหลังแพ้ ลิเวอร์พูล ชวดแชมป์ คาราบาว คัพ
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์ของ เชลซี รับตนกับลูกทีมผิดหวังอย่างมากที่ไม่สามารถคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ได้ หลังแพ้ ลิเวอร์พูล ในนัดชิง ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกระตุ้นแข้ง "สิงห์บูลส์" พัฒนาต่อไป

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมเชลซี  กล่าวให้กำลังใจลูกทีมหลังพลาดท่าให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์ 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมยอมรับผิดหวังที่ไม่สามารถนำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้

แมตช์นี้ทั้งสองทีมมีโอกาสได้สร้างความหวาดเสียวกันเรื่อยๆ แต่ดูเหมือน "สิงโตน้ำเงินคราม" จะมีโอกาสลุ้นมากกว่า สุดท้ายตลอด 90 นาทีไม่สามารถเจาะตาข่ายกันได้ ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที และกลายเป็น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่โหม่งประตูชัยในนาทีที่ 118 ช่วยให้ "หงส์แดง" คว้าแชมป์แรกของฤดูกาลนี้ได้อย่างสุดยอด

โปเช็ตติโน่ เปิดใจถึงนักเตะทุกคนของเชลซีว่า "พวกเขามีความเป็นมืออาชีพ พวกเขาสู้อย่างเต็มที่ และตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้า  พวกเขาคงรู้สึกเจ็บปวด แต่เราจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป และในการแข่งขันระดับนี้กับการสู้กับทีมแบบนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก"

สำหรับการต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษนั้น "พอช" กล่าวว่า "แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากลำบาก เราผิดหวังมากๆ นักเตะรู้สึกผิดหวังที่สุด เราเกือบได้ชัยชนะในเกมนี้ หลัง 90 นาทีพวกเขาเริ่มหมดพลัง (เบน) ชิลเวลล์ และ (คอนเนอร์) กัลลาเกอร์ มีอาการเหนื่อยล้า หลังลงเล่นไป 5 นาที (ในช่วงต่อเวลาพิเศษ) เราจำเป็นต้องเปลี่ยนตัว"

"ทีมรู้สึกว่าบางทีอาจต้องมีการยิงจุดโทษซึ่งคงเป็นเรื่องดีสำหรับเรา เราเล่นด้วยความพยายามอย่างมาก ผมมีความสุขกับพยายามของทุกคน เราต้องรักษาความเชื่อแบบนี้เอาไว้ แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้รับรางวัลในสิ่งที่เราต้องการ"

ขณะเดียวกับ โปเช็ตติโน่ ยอมรับว่าตนผิดหวังไม่แตกต่างจากนักเตะ "สำหรับอารมณ์ของผม ผมรู้สึกเหมือนกับนักเตะ ผมผิดหวังมากๆ มันน่าเจ็บปวดจริงๆ ในเกมฟุตบอลเรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อคุณเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายคุณไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เราพยายามกันมา 7 หรือ 8 เดือน มันน่าเจ็บปวด แต่เราสู้เต็มที่แล้ว" 


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport