วันอาทิตย์นี้แล้ว (26 ก.พ.) ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะต่อกรกันในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ที่สนาม เวมบลีย์ เพื่อคว้าโทรฟี่ใบแรกในซีซั่นนี้ให้กับตัวเองให้ได้
ในฝั่งของ ผีแดง เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์ย้ายมาพลิกฟื้นยักษ์ใหญ่ที่หลับไหลมานานหลายปีให้กลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามดังเดิมตั้งแต่ซีซั่นแรกที่อดีตนายใหญ่ อาแจ็กซ์ ย้ายมารับงานกับถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ด้าน สาลิกาดง ก็น่าจับตามองไม่น้อยเนื่องจาก เอ็ดดี้ ฮาว พิสูจน์ฝีมือให้ได้เป็นที่ประจักษ์กับการพาทีมอยู่รอดในลีกสูงสุดได้ และถัดมาเขาก็เนรมิตให้ทีมอีสานมีลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์ รวมถึงมีโอกาสหยิบแชมป์ใบแรกนับตั้งแต่ปี 1955 ที่พวกเขาได้โทรฟี่ เอฟเอคัพ กับการสยบ แมนฯ ซิตี้ 3-1 โน่นเลย
หรือหากจะนับรวมศึก อินเตอร์ ซิตี้ส์ แฟร์ส คัพ เข้าไปด้วยก็ต้องบอกว่า สาลิกาดง ต้องการแชมป์ใบแรกนับตั้งแต่ปี 1969 ที่พวกเขาชนะ อุจเปสต์ เอฟซี ทีมจาก ฮังการี ด้วยสกอร์รวม 6-2
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปลุ้นกันว่าทีมไหนที่จะได้ครองถ้วยแชมป์ เราควรมองย้อนไปที่ผลงานที่ผ่านมาของทั้งสองทีมกันก่อนดีกว่า
1. ฟอร์มล่าสุดของทั้งคู่
-แมนฯ ยูไนเต็ด
ต้องบอกว่า ผีแดง อยู่ในช่วงที่กำลังแข็งแกร่งเหลือหลายเนื่องจากพวกเขาไม่แพ้ใครอีกเลยนับตั้งแต่ถูก อาร์เซน่อล ล้างแค้น 3-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อเดือนม.ค.
นับจากเกมที่ว่าในทุกรายการ แมนฯ ยูไนเต็ด สะกดคำว่าปราชัยไม่เป็นตลอด 7 จาก 9 นัดหลัง จะมีบ้างที่ออกอาการสะดุดในเกมลีกที่โดน ลีดส์ บุกมาเสมอ 2-2 แต่อีกสี่วันให้หลังทีมของ เทน ฮาก ก็ยกทัพไปเอาชนะ ยูงทอง ได้ 2-0 ที่สนาม เอลแลนด์ โร้ด
เท่านั้นไม่พอ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังพยายามเกาะติด อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อย่างไม่ยอมลดลาวาศอกด้วยเมื่อเปิดบ้านคว่ำ เลสเตอร์ ได้ 3-0 ก่อนลงเล่นในรังของตัวเองกำราบ บาร์เซโลน่า 2-1 ทะลุเข้ารอบถ้วย ยูโรปาลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยสกอร์รวม 4-3
4 ก.พ. 2023 : แมนฯ ยูไนเต็ด 2- คริสตัล พาเลซ 1
8 ก.พ.2023 : แมนฯ ยูไนเต็ด 2- ลีดส์ 2
12 ก.พ.2023 : ลีดส์ 0- แมนฯ ยูไนเต็ด 2
16 ก.พ.2023 : บาร์เซโลน่า 2- แมนฯ ยูไนเต็ด 2
19 ก.พ.2023 : แมนฯ ยูไนเต็ด 3- เลสเตอร์ 0
23 ก.พ.2023 : แมนฯ ยูไนเต็ด 2- บาร์เซโลน่า1
-นิวคาสเซิ่ล
อาจมีผลงานที่แผ่วลงไปในหลายเกมหลัง แต่จากภาพรวมต้องยอมรับว่า นิวคาสเซิ่ล กลายเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้แล้วนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนมือเจ้าของ
แต่ถึงอย่างนั้น เดอะ แม็กพายส์ ซึ่งมีดีในเรื่องเกมรับจากการเสียประตูน้อยนิดที่สุดในลีก 15 ลูกจาก 23 นัดทำแต้มหล่นไปไม่น้อยจากการเสมอกับคู่แข่งอย่างถี่ยิบ 11 นัดจนหล่นจากอันดับสามของตารางมาอยู่อันดับห้าแล้วในปัจจุบัน
21 ม.ค.2023 : คริสตัล พาเลซ 0- นิวคาสเซิ่ล 0
24 ม.ค.2023 : เซาธ์แฮมป์ตัน 0- นิวคาสเซิ่ล 1
31 ม.ค.2023 นิวคาสเซิ่ล 2- เซาธ์แฮมป์ตัน 1
4 ก.พ.2023 : นิวคาสเซิ่ล 1- เวสต์แฮม 1
11 ก.พ.2023 : บอร์มนัธ 1-นิวคาสเซิ่ล 1
18 ก.พ.2023 : นิวคาสเซิ่ล 0- ลิเวอร์พูล 2
2. เส้นทางสู่ เวมบลีย์
- แมนฯ ยูไนเต็ด
เหมือนจะถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่แน่นอนว่าพวกเขาเจอด่านแรกที่หินที่สุด และผ่านบททดสอบได้เยี่ยมจากการบู๊กับ แอสตัน วิลล่า ทีมร่วมลีก
จากนั้น ผีแดง ก็ได้เก็บกินสองทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ และแม้จะต้องบู๊กับ ฟอเรสต์ ทีมร่วมลีกอีกรายที่โชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นในระยะหลัง แต่นักเตะของ เทน ฮาก ก็ไม่ก่อความผิดพลาด
10 พ.ย.2022 : แมนฯ ยูไนเต็ด 4- แอสตัน วิลล่า 2
21 ธ.ค.2022 : แมนฯ ยูไนเต็ด 2- เบิร์นลีย์ 0
10 ม.ค.2022 : แมนฯ ยูไนเต็ด 3- ชาร์ลตัน 0
25 ม.ค.2023 : ฟอเรสต์ 0- แมนฯ ยูไนเต็ด 3
1ก.พ.2023 : แมนฯ ยูไนเต็ด 2- ฟอเรสต์ 0
-นิวคาสเซิ่ล
สาลิกาดง ต้องลงเล่นรายการนี้ตั้งแต่เดือนส.ค.เนื่องจากไม่ได้ร่วมฟาดแข้งในถ้วยยุโรป แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ดี ทีมของ ฮาว หวิดแย่ไปเหมือนกันเนื่องจากต้องอาศัยการดวลลูกโทษตัดสินในเกมบู๊กับ คริสตัล พาเลซ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตีตั๋วลงเล่นที่ เวมบลีย์ ได้สำเร็จ
24 ส.ค.2022 : ทรานเมียร์ 1 -นิวคาสเซิ่ล 2
9 พ.ย.2022 : นิวคาสเซิ่ล 0- คริสตัล พาเลซ 0 (นิวคาสเซิ่ล ชนะการดวลลูกโทษ 3-2)
20 ธ.ค.2022 : นิวคาสเซิ่ล 1- บอร์นมัธ 0
10 ม.ค.2023 : นิวคาสเซิ่ล 2- เลสเตอร์ 0
24 ม.ค.2023 : เซาธ์แฮมป์ตัน 0- นิวคาสเซิ่ล 1
31 ม.ค.2023 : นิวคาสเซิ่ล 2- เซาธ์แฮมป์ตัน 1
3.ปัญหาที่สวนทางกัน
-แมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างที่ทราบกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องลุ้นความฟิตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าจอมกระซวกตาข่ายซึ่งบาดเจ็บในเกมล่าสุดกับ บาร์เซโลน่า และยังไม่แน่ว่าเจ้าตัวจะพร้อมออกสตาร์ตเป็น 11 คนแรกหรือไม่
ว่าถึง แรชฟอร์ด ชั่วโมงนี้เขากลายเป็นลมหายใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วเนื่องจากยิงประตูได้รวมกันในทุกรายการ 24 ประตูซึ่งสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ ไม่เคยมีสถิติที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อนเลยนับตั้งแต่ยึดอาชีพพ่อค้าแข้ง
นอกจาก แรชฟอร์ด แล้ว อีกประเด็นที่อดเป็นห่วงแทนทีมของ เทน ฮาก ไม่ได้เลยคือสภาพความฟิตของนักเตะที่ต้องลงสนามอย่างต่อเนื่องทั้งสี่รายการ แถมกุนซือดัตช์โรเตชั่นทีมน้อยมากเนื่องจากนิยมส่งทีมชุดแข็งลงเล่นตลอดแทบทุกนัดจนน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาเสียเปรียบ สาลิกาดง ที่ได้พักมากกว่า
-นิวคาสเซิ่ล
ในทางกลับกัน ทีมของ ฮาว ก็มีปัญหาที่ต้องขบคิด แต่เป็นไปในทางที่ตรงกันข้ามกับคู่แข่งเนื่องจาก เดอะ แม็กพายส์ ไม่อาจใช้บริการ นิค โป๊ป ผู้รักษาประตูทีมชาติ อังกฤษ ที่ติดโทษแบนได้
เท่านั้นไม่พอ มาร์ติน ดูบราฟก้า ประตูมือสองก็ลงเล่นในเกมสำคัญนี้ไม่ได้อีกเนื่องจากติดคัพไทหลังถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ยืมไปใช้งาน และเฝ้าเสาในรายการนี้ไปแล้วสองเกม
เป็นอย่างนี้จึงมีแนวโน้มว่า ลอริส คาริอุส อดีตผู้รักษาประตูทีม ลิเวอร์พูล อาจได้ประเดิมเกมแรกกับ สาลิกาดง ในนัดชิงดำลีกคัพที่ เวมบลีย์ เลยก็เป็นได้ และนับว่าน่าหนักใจแทนแฟนบอล เดอะ แม็กพายส์ ไม่น้อยเนื่องจากโกลด๊อยทช์เสียผู้เสียคนไปแล้วนับตั้งแต่ก่อความผิดพลาดกับ หงส์แดง ในนัดชิงดำ แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2018
ดังจะเห็นว่าหลังย้ายไปเฝ้าเสาให้กับ เบซิคตัส และ อูนิโอน เบอร์ลิน แบบยืมตัว คาริอุส ก็ไม่ได้รับการเซ็นสัญญาอย่างถาวร กระทั่งหลังหมดสัญญากับ เร้ด แมชีน เขาก็ถูกทีมอีสานคว้ามาร่วมก๊วนในช่วงซัมเมอร์ และยังไม่มีโอกาสได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียว
ครั้นจะให้ ฮาว เลือกใช้งาน มาร์ค กิลเลสพี ก็คงไม่ใช่เนื่องจากผู้รักษาประตูอิงลิชวัย 30 ปีรายนี้ซึ่งเป็นเด็กปั้นของทีมมาตั้งแต่ชุดเยาวชนได้เฝ้าเสาให้กับ นิวคาสเซิ่ล แค่สามนัดนับตั้งแต่ย้ายกลับมาจาก มาเธอร์เวลล์ เมื่อซีซั่น 2020/21 และมันเกิดขึ้นตั้งแต่ซีซั่นแรกของเขากับถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ซึ่งล้วนเป็นเกมลีกคัพทั้งสิ้น
4. เฮดทูเฮด
แมนฯ ยูไนเต็ด ฟาดแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล ไปแล้วหนึ่งเกมในลีกซีซั่นนี้ และเคี้ยว เดอะ แม็กพายส์ ไม่ลงโดยเสมอกันไปแบบไม่มีสกอร์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 16 ต.ค.
และไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายมีชัยที่ เวมบลีย์ การล้างตาในเกมลีกที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ก็รอทั้งคู่อยู่ในวันที่ 2 เม.ย.
จะอย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมาสถิติชี้ให้เห็นว่า ผีแดง เหนือกว่า สาลิกาดง ไม่ใช่น้อยเนื่องจาก อสูรแดง ไม่เคยแพ้คู่ปรับรายนี้อีกเลยนับตั้งแต่เดือนต.ค.2019 แต่นั่นเป็นอดีตตอนที่ทีมอีสานยังไม่ได้รับการเทคโอเวอร์จากกลุ่มทุนเงินถัง
รวมเบ็ดเสร็จในทุกรายการที่ต่างก็พะบู๊กันมา แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะ 90 นัด เสมอ 41 นัด และแพ้ 43 นัดโดยผลลัพธ์ในระยะหลังมีดังนี้
6 ต.ค.2019 : นิวคาสเซิ่ล 1- แมนฯ ยูไนเต็ด 0 (พรีเมียร์ลีก)
26 ธ.ค.2019 : แมนฯ ยูไนเต็ด 4-1 (พรีเมียร์ลีก)
17 ต.ค.2020 : นิวคาสเซิ่ล 1- แมนฯ ยูไนเต็ด 4 (พรีเมียร์ลีก)
21 ก.พ.2021 : แมนฯ ยูไนเต็ด 3- นิวคาสเซิ่ล 1(พรีเมียร์ลีก)
11 ก.ย. 2021 : แมนฯ ยูไนเต็ด 4- นิวคาสเซิ่ล 1 (พรีเมียร์ลีกฉ
27 ธ.ค.2021 : นิวคาสเซิ่ล 1- แมนฯ ยูไนเต็ด 1 (พรีเมียร์ลีก)
16 ต.ค.2022 : แมนฯ ยูไนเต็ด 0- นิวคาสเซิ่ล 0 (พรีเมียร์ลีก)
5. คาดไลน์อัพขุนพล 11 คนแรก
- แมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างที่รู้กันว่า ผีแดง ต้องรอดูสภาพความพร้อมของ แรชฟอร์ด รายเดียว นอกนั้นฟิตสมบูรณ์เพียงแต่จะออกอาการล้าหรือเปล่าหลังต้องกรำศึกหนักมาตั้งแต่ต้นซีซั่น
ยิ่งไปกว่านั้น หากเผอิญว่าเกมยืดเยื้อต้องเล่นกันจนถึงช่วงต่อเวลา 120 นาที ทีมของ เทน ฮาก อาจมีปัญหาเร่งไม่ขึ้นก็เป็นได้หากถูก นิวคาสเซิ่ล อาศัยสไตล์วิ่งสู้ฟัดเข้าห้ำหั่น
อย่างไรก็ดี โผ 11 คนแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดของพวกเขาเนื่องจากกุนซือชาวเมืองกังหันลมเน้นย้ำเสียงดังฟังชัดว่าเขาไม่ต้องการคำชมยกเว้นโทรฟี่เท่านั้น
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา , อาร่อน วาน บิสซาก้า , ราฟาแอล วาราน , ลิซานโดร มาร์ติเนซ , ลุค ชอว์ , กาเซมีโร่ , เฟร็ด , บรูโน่ แฟร์นันด์ส , เจดอน ซานโช่ , เวาท์ เว็กฮอร์สต์ , อเลฮานโดร การ์นาโช่
- นิวคาสเซิ่ล
แม้จะมีปัญหาให้น่าหนักใจในตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่เชื่อว่า ฮาว น่าจะเลือกใช้งาน คาริอุส มากกว่า กิลเลสพี ในแง่ของชื่อชั้น และประสบการณ์
นอกนั้นอีก 10 ตำแหน่ง นิวคาสเซิ่ล พร้อมฟาดแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดย ฮาว มีสิทธิ์ส่งทีมที่ดีที่สุดของเขาลงสนามเพื่อหยิบโทรฟี่กลับสู่แดนอีสานเช่นกัน
นิวคาสเซิ่ล (4-3-3) : ลอริส คาริอุส , คีแรน ทริปเปียร์ , ฟาเบียน ชาร์ , สเวน บอตแมน, แดน เบิร์น , ฌอน ลองสตาฟฟ์ , บรูโน่ กีมาไรส์ ,โจ วิลล็อค , มิเกล อัลมิรอน , คัลลั่ม วิลสัน , โชลินตอน