คุยหลังเกม มาดริด ชนะ แมนฯซิตี้ ง่ายเกินคาด

มาดริด-ซิตี้ คู่นี้ส่วนใหญ่บอกว่าไม่ควรมาเจอกันเลย ต่างฝ่ายต่างควรจะผ่านเข้ารอบ 16 ด้วยการจบ 8 อันดับแรกของตาราง 

กับ ซิตี้ ถ้าเทียบผลงานที่ผ่านๆมา ถือว่าผิดไปจากมาตราฐานชัดเจน แต่ถ้าใครตาม มาดริด มาตลอด จะรู้ว่า มาดริด บางปีก็จะทรงนี้แหละ ในรอบแบ่งกลุ่มก่อนหน้านี้ก็มีให้เห็นบ่อย ทุกลักทุเล แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดไปได้

ปีนี้กับฟอร์แมตใหม่ มาดริด ก็เอาตัวรอดไปได้อีกเช่นเคย เท่ากับว่า เล่น ชปล. มา 56 ครั้ง ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมได้มากถึง 47 ครั้ง 

และจาก 47 ครั้ง ทะลุถึงนัดชิง 18 ครั้ง ได้แชมป์ 15 ครั้ง 

ดังนั้นถ้าจะพูดว่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมที่ไม่มี เรอัล มาดริด คือ แชมเปี้ยนส์ลีก ปีที่แปลกประหลาดก็คงไม่เกินไปนัก 

การจัดทีม&แท็คติก

ในการจัดทีม ซึ่ง อันเชล็อตติ ได้รับคำชมว่านัดนี้เลือก 11 คนแรกได้ดี 

กุนซืออิตาเลี่ยนวางเกมลงมาในระบบ 4-4-2 ซึ่งเป็นไอเดียหลักที่ยึดโยงมาจากเกมแรกที่ เอติฮัด 

เมื่อสัปดาห์ก่อน จากผังการเล่นจะเห็นได้ว่า มาดริด เล่น 4-2-3-1 แต่เมื่อเทิร์นมาเป็นเกมรับ จะปรับมาเป็น 4-4-2 

มาเกมนี้ จากการพูดคุยร่วมกันของทีมสต๊าฟ โดยเฉพาะ ดาวิเด้ กับ คาร์โล อันเชล็อตติ สองพ่อลูกเห็นพ้องต้องกันว่า ควรออกสตาร์ทเกมด้วยระบบ 4-4-2  แบบเต็มฟอร์มไปเลย 

11 คนแรก ประกอบด้วย กูร์กตัวส์ เป็นผู้รักษาประตู 

แผงแบ็กโฟร์ วัลเวร์เด้,รือดิเกอร์,อาเซนซิโอ,เมนดี้ 

กองกลาง โรดรีโก้ ปีกขวา , จู๊ด ปีกซ้าย คู่กลาง ชูอาเมนี่ กับ เซบาบอส

คู่หน้า เอ็มบั๊บเป้ กับ วินิซิอุส 

เทียบกับเกมก่อนเปลี่ยนแปลงแค่ตำแหน่งเดียว คือ กามาวินก้า หลุดไปสำรอง รือดิเกอร์ ลงมาเสียบตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ และดัน ชูอาเมนี่ ขึ้นไปยืนเป็นหมายเลข 5 ตำแหน่งถนัด

แท็คติก

4-4-2 เป็นแค่ระบบ สิ่งที่ อันเชล็อตติ เน้นคือเรื่องการยืนตำแหน่ง

มาดริด ตั้งรับ แมนฯซิตี้ ตรงพื้นที่แดนสอง หรือ มิดบล็อค ประกบติดตัวต่อตัว ปิดพื้นที่ว่างในแดนกลาง 

อีกข้อสำคัญคือการยืนการยืนตำแหน่งของคู่หน้าอย่าง วินิ กับ เอ็มบั๊บเป้ คือจะต้องยืนค่อนข้างใกล้กันเพื่อปิดพื้นที่ไม่ให้ ซิตี้ บิวด์อัพจากเซนเตอร์ทะลุขึ้นมาตรงกลางได้ง่ายๆ ห้ามทั้งคู่ยืนถ่างออกไปริมเส้น

เพราะถ้ายืนแบบนั้นตามความถนัดของทั้งคู่ที่ชอบเกาะริมเส้น จะเป็นกา่รเปิดโอกาสให้ ซิตี้ บิวด์อัพเกม ทะลุขึ้นมาตรงกลางได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้เล่นแดนกลางของ มาดริด ก็จะต้องทิ้งตัวประกบ ทิ้งพื้นที่ของตัวเองเพื่อไล่เอาบอล จนกลายเป็นการเปิดพื้นที่ให้ ซิตี้ 

ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรมาก แต่แค่การยืนตำแหน่งที่ถูกต้อง ช่วยปิดช่องไฟในการจ่ายบอลของฝั่งตรงข้าม ก็ถือว่าช่วยทีมได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม แท็คติกที่ดีก็ส่วนนึง การจะเอาชนะทีมอย่าง ซิตี้ ได้นั้น performance ส่วนตัวของนักเตะก็มีส้่วนสำคัญอย่างมาก 

ปีกซ้าย กับ ขวา ของทีมอย่าง จู๊ด และ โรดรีโก้ ทำได้ยอดเยี่ยม ทั้งจังหวะมีบอล และไม่มีบอล การเล่นเกมรับอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งภายใต้ระบบการยืน 4-4-2 ถือว่าสองคนนี้ทำงานหนักและต้องเสียสละอย่างมาก 

นอกจากนั้นแล้ว การทำงานในแดนกลางของ ชูอาเมนี่ ก็ยังเข้าขั้นท็อปฟอร์มอีกด้วย ทั้งรับ ทั้งปะทะ ทั้งแย่งบอล ทั้งโควเวอร์พื้นที่ แถมยังมีลูกจ่ายเข้าทำอีก ถือว่าเป็นค่ำคืนที่สุดยอดของ ชูอา หลังจากโดนด่ามาหลายนัดเลย 

เมนดี้ ก็ทำได้ดี วัลเวร์เด้ ก็มาตราฐานสูงอยู่แล้ว ส่วน อาเซนซิโอ เกมนี้มีความพิเศษตรงการเปิดบอลให้ เอ็มบั๊บเป้ ยิงประตูแรก ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อชัยชนะอย่างมาก เพราะการได้ประตูเร็วในเกมลักษณะเช่นนี้ถือเป็นความได้เปรียบมหาศาล 

บอลยาวของ อาเซนซิโอ ไม่ใช่จังหวะฟลุ๊ค เจ้าตัวมักหาโอกาสทำอยู่เสมอๆ และตอนขึ้นมาใหม่ๆ ก็เคยเปิดบอลในลักษณะนี้จนนำไปสู่การได้ประตู จนมีการนำไปเปรียบเทียบกับ เซร์คิโอ รามอส 

นอกจากได้ประตูเร็วแล้ว การที่ ซิตี้ ไม่มี ฮาลันด์ ก็ถือว่าทำให้ความกดดันของแนวรับ มาดริด ลดลงไปพอสมควร เพราะหัวหอกนอร์เวย์ทั้งเเข็งแรง ปราดเปรียว มีสปีดต้นที่จัดจ้าน และจบสกอร์ได้ดีทั้งลูกเท้าและลูกหัว 

สุดท้าย การวิเคราะห์นี้จะสมบูรณ์ไปไม่ได้ หากไม่เอ่ยถึง คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ 

แฮตทริกของเขาช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย จังหวะยิงทั้ง 3 ลูก แสดงให้เห็นว่าเวลานี้หัวหอกฝรั่งเศสอยู่ในช่วงที่ความมั่นใจอยู่ในระดับสูงสุด (18 ประตูจาก 18 เกมหลังสุด)

ยิงแบบคลาสสิคก็ได้, ใช้เทคนิคโยกหลอกก็ได้ หรือจะเป็นเทคนิคการยิงบอลแบบเพียวในลูกที่ 3 นั่นก็ได้ ทุกอย่างครบจบในตัวคนเดียว 

การมีศูนย์แบบนี้ ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะสามารถสร้างความแตกต่าง แม้ในวันที่แท็คติกคู่แข่งจะดูดีกว่าก็ตาม 

เอ็มบั๊บเป้ จึงสมควรถูกยกเป็น MVP อย่างไม่ต้องสงสัย 

ทั้งหมดนี้คือบทสรุปของชัยชนะที่ง่ายเกินคาดของ มาดริด เหนือ แมนฯซิตี้ 

แท็คติกที่เหมาะสม+performance ส่วนตัวนักเตะ 

เมื่อไหร่ก็ตามที่ 2 สิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน เมื่อนั้น ก็ยากที่ใครจะหยุดทีมอย่าง เรอัล มาดริด เพราะควอลิตี้ของนักเตะแต่ละคนอยู่ในระดับที่สูงมากๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

#เจมส์ลาลีกา