ประเด็นใบแดงของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ในเกมกับ โอซาซูน่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวางเลยนะครับ บ้างว่า ผู้ตัดสินไม่อ่อนภาษาก็อ่อนไหวเกินเหตุ ทีเสียบสกัดหนักว่านี้ ทำไมได้แค่ใบเหลือง
แต่ในความจริงแล้ว เหตุการณ์มันเป็นอย่างไร กฏเขาว่าไว้อย่างไร เรามาไล่เรียงและทำความเข้าใจกันไปพร้อมๆครับ
นาทีที่ 38 จู๊ด ถูกผู้ตัดสิน มูนวยร่า มอนเตโร่ ชักใบแดงไล่ออกจากสนาม เนื่องจากเข้าใจว่ามิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษด่าคำว่า "f..ck u" ใส่เขา
ในรายงานของ มอนเตโร่ ที่เขียนส่งคณะกรรมการผู้ควบคุมระเบียบวินัย (CTA) ซึ่งเป็นผู้บบังคับบัญชาโดยตรงอันอยู่ภายใต้การบริหารงานของสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ระบุว่า
"ในนาทีที่ 40 เบลลิ่งแฮม ถูกไล่ออกด้วยเหตุผลดังนี้ : จากการที่เขาพูดกับผมซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรด้วยถ้อยคำต่อไปนี้ : "f..ck you"
ด้าน คาร์โล อันเชล็อตติ ให้สัมภาษณ์หลังเกมถึงประเด็นนี้ว่า ผู้ตัดสินเข้าใจภาษาอังกฤษไม่ดีพอ จู๊ด ไม่ได้พูดว่า f..ck you แต่พูดว่า f..ck off ซึ่งคำหลังนี้มันไม่ได้เป็นการก้าวร้าวต่อใครเลย
ส่วน จู๊ด ได้ออกมาอธิบายเช่นกันว่า "มันชัดเจนว่านี่เป็นความผิดพลาด มันมีความผิดพลาดในการสื่อสาร" พร้อมยืนยันให้ย้อนกลับไปฟังเสียงจากเหตุการณ์นี้
"ผมไม่อยากพูดมันอีกครั้งในสิ่งที่ผมได้พูดไป (จู๊ด อ้างว่าเขาพูดคำว่า fuck off) แต่ว่ามันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอย่างคำว่า joder (แม่งเอ๊ย ห่าเอ๊ย คำสบถในภาษาสเปน) เลย และผมอยากให้ทุกๆคนรู้ว่าผมไม่เคยอยากให้ทีมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ 10 คนเลย"
"ถ้าคุณย้อนวีดีโอกลับไปดู คุณจะเห็นได้ว่ามันไม่เหมือนกับที่รายงาน บอก ผมหวังว่าสหพันธ์ฯ (RFEF) จะทบทวนมันดู ผมไม่เคยหยาบคายกับใครเลย"
"ผมไม่เคยหยาบคายกับผู้ตัดสิน ผมดีใจที่วีดีโอเหล่านั้นจะช่วยพิสูจน์ความจริงแม้จะมีรายงานของผู้ตัดสินก็ตาม ผมอยู่ที่นี่เพื่อมาขอโทษเพื่อนร่วมทีมของผมเพราะผมทำให้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในวันนี้"
ทั้งนี้ปฏิกิริยาของ เรอัล มาดริด นั้นได้ออกมาตอบโต้การตัดสินอย่างทันท่วงที และเตรียมยื่นเรื่องอุทธรณ์ใบแดงของ จู๊ด ในวันจันทร์นี้
ข่าวจาก โฆเซ่ เฟลิกซ์ ดิอ๊าซ นักข่าวชื่อดังจาก มาร์ก้า อ้างว่า ภายในทีมเรอัล มาดริด รู้สึกว่า "ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ" แต่คือการเตรียมการไว้แล้วเพื่อที่จะเล่นงานทีม หลังจากที่มีกรณีพิพาทกับคณะกรรมการควบคุมระเบียบวินัย และ สหพันธ์ฯ จากเหตุการณ์ที่ เอ็มบั๊บเป้ โดน การ์ลอส โรเมโร่ เสียบแต่ไม่เป็นใบแดง ในเกมเอสปันญ่อล-เรอัล มาดริด
นอกจากใบแดงของ จู๊ด แล้วฝั่งผู้บริหารทีมชุดขาวก็ยังรู้สึกไม่เป็นธรรมกับอีกหลายๆจังหวะในเกมที่ เอล ซาดาร์ ทั้งจังหวะที่ทีมเสียจุดโทษ รวมถึงอีกหลายๆจังหวะที่ทีมควรได้ฟาวล์ หรือควรได้จุดโทษ แต่กลับไม่ได้
แน่นอนว่าจังหวะที่ทีมเสียจุดโทษในเกมเดร์บี้ มาดริเลนโญ่ กับ แอต.มาดริด ด้วยก็เช่นกันที่ผู้บริหารมาดริดเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ทั้งนี้กฏของคณะกรรมการควบคุมระเบียบวินัย (CTA) ข้อที่ 94 ระบุว่า
"การดูหมิ่น ล่วงเกิน หรือใช้ถ้อยคำหรือทัศนคติที่หยาบคายต่อผู้ตัดสินหลัก ,ผู้ช่วย,ผู้ตัดสินที่ 4 ,ผู้อำนวยการการแข่งขัน หรือหน่วยงานการกีฬา เว้นแต่จะถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงกว่านั้น จะถูกลงโทษด้วยการพักการแข่งขัน 4 ถึง 12 นัด"
กรณีของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม นั้น ก็ต้องรอรายงานและพิสูจน์คำพูดจากวีดีโอการแข่งขันกันต่อไปว่า ที่สุดแล้วมันคือคำไหนกันแน่ระหว่าง f..ck you กับ f..ck off
กับประเด็นนี้ มีหลายคนที่ไม่เชื่อว่า จู๊ด ไม่ได้ด่าผู้ตัดสิน โดยเทียบเคียงจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเกมกับ แอตมาดริด เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เจ้าตัวตะโกนด่าเสียงดังจนได้ยินชัดเจนทั้งสนามว่า
'f..ck you' แต่ไม่ถูกลงโทษใดๆ
สำหรับกรณีคล้ายคลึงกันนี้ ดีเอโก้ กอสต้า เคยถูกแบนถึง 8 เกมด้วยกันหลังด่า ผู้ตัดสิน คิล มานซาโน่ ระหว่างเกม บาร์ซ่า-แอตมาดริด เมื่อเดือนเมษายนปี 2019 ว่า Me cago en tu puta madre (ขออนุญาตเซนเซอร์คำแปลครับ)
หนนั้นไม่มีปัญหาในการตีความสำหรับผู้ตัดสิน เพราะ กอสต้า ด่าเป็นภาษาสเปนอย่างชัดถ้อยชัดคำทั้งประโยค แถมด่าถึง 2 ครั้งติดต่อกัน
-เจมส์ ลาลีกา-