เปิด 6 มุมมอง เจมส์ลาลีกา หลังชมเกมซูเปร์โกปา นัดชิง เกม บาร์เซโลน่า ปราบ เรอัล มาดริด
1. ความแข็งแกร่งด้านจิตใจ
นักเตะบาร์ซ่าหลายคนชุดนี้ยังเป็นแค่ดาวรุ่ง แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมาหลังโดน เรอัล มาดริด ขึ้นนำนั้นน่าทึ่งมาก ไม่เสียสมาธิ ไม่ลนลาน ทั้งทีมมีความนิ่ง
นักเตะมี Attitude ที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และต้องทำอะไรเพื่อบรรลุเป้าหมาย
2.แท็คติกของ ฟลิค
หนึ่งในความแตกต่างระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ในเกมนัดชิงก็คือ บาร์เซโลน่า รู้ว่าสิ่งสำคัญคือการเล่นตามแท็กติกที่ ฟลิค วางไว้
แข้งอาซูลกราน่ารู้ดีกว่าพวกเขาจะทำได้ดีก็ต่อเมื่อเป็นฝ่ายครอบครองบอล เพื่อเป็นฝ่ายกำหนดเป็นทิศทางของเกม
พวกเขาจึงทุ่มเทเต็มที่เพื่อให้ได้บอลกลับคืนมา รวมถึงคอยระวังจังหวะสวนกลับของ มาดริด
หลังจากพลาดไปหนึ่งครั้งจนทีมเสียประตู จากนั้น มาร์ค กาซาโด้ ก็กลับมาเป็นคนเดิม เล่นด้วยมุ่งมั่น ขยัน และอ่านเกมอยู่ตลอดเวลา เมื่อรวมกับการทำงานของ เปดรี และ กาบี ก็ทำให้ บาร์เซโลน่า ยึดพื้นที่แดนกลางเอาไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จ
ทุกครั้งที่พลาดเสียบอล นักเตะบาร์ซ่าจะรุมแย่งจากจุดนั้นทันที ทำให้จังหวะโต้กลับของ มาดริด ไม่สามารถใช้ออกได้โดยง่าย
แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณผู้เล่นในแดนหน้าทั้ง ราฟินญ่า,ยามาล และ เลวานดอสฟสกี้ ที่ขยับช่วยเล่นเกมรับตั้งแต่แดนแรกด้วยเช่นกัน
อาจจะไม่ถึงกับเพรสซิ่งด้วยความดุดันทุกครั้ง แต่การขยับ การบีบทางบอลของแนวรุก ช่วยให้แผงมิดฟิลด์สามารถอ่านทิศทางการขึ้นเกมของฝั่ง มาดริด ได้ง่ายขึ้น
บาร์ซ่า จึงมีเกมรับที่ดี ตัดบอลกลับมาได้เร็ว อย่างที่ ฟลิค ออกแบบไว้ คือรับทั้งทีม และเมื่อบอลอยู่กับพวกเขา พวกเขาก็รุกทั้งทีมเช่นกัน
3.เกมรุกอันดุดันกลับมาแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์นี้ บาร์เซโลน่า มีความเคลือบแคลงเกี่ยวเกมรุกของตัวเอง ถึงแม้จะถล่ม บาร์บาสโตร มา 4-0 ในโกปา เดล เรย์ก็ตาม แต่ทีมแพ้คาบ้านใน ลา ลีกา ถึง 2 นัดติด ต่อ แอตเลติโก และ เลกาเนส
เกมรุกที่ใช้โอกาสอย่างสิ้นเปลือง ดูเหมือนจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยแล้ว การทำประตูและ แอสซิสต์ของของ ราฟินญ่า,เลวานดอฟสกี้ และ ลามีน ยามาล นับเป็นเครื่องพิสูจน์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี
4.เซสนี่ ยังไม่น่าไว้ใจ
ในตอนที่ บาร์ซ่า ดึง เซสนี่ เข้ามา ทุกคนต่างตั้งคำถามว่า เปนญ่า จะหลุดเป็นตัวสำรองหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้ว ฟลิค เลือกให้โอกาส เปนญ่า ยึดมือหนึ่งของทีมต่อ จนกระทั่งทัวร์นาเมนท์นี้ เซสนี่ จึงได้โอกาสอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่จากผลงานในรอบชิง แสดงให้เห็นว่านายด่านโปลแลนด์ยังไม่อยู่ในฟอร์มการเล่นที่น่าไว้ใจ เขามีจังหวะออกมาตัดบอล-รับบอลที่ดูไม่นิ่งเท่าไหร่
จากนั้นก็พลาดในการออกมาตัดบอลจาก คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ จนเสียฟาวล์ โดนไล่ออก และทีมเสียประตู
พูดกันเยอะมากว่าถ้า เซสนี่ ไม่พลาดลูกนั้น เผลอๆ บาร์เซโลน่า อาจซัดได้ถึง 6-7 ประตู
5.ยามาล ก้าวไปอีกขั้น
ในเกมนี้หนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของ บาร์ซ่า ก็คือ ลามีน ยามาล การคัมแบ็กกลับมาของเขาจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าช่วยให้เกมรุกของ บาร์เซโลน่า มีสีสันขึ้นและดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ยามาล สมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจังหวะการดวลตัวต่อตัว การจบสกอร์ การตัดสินใจเลือกเล่นในแต่ละชอต มันดีขึ้นเรื่อยๆ
ประตูตีเสมอ 1-1 บ่งบอกถึงคุณภาพของเขาได้เป็นอย่างดี คงไม่เกินเลยที่จะบอกว่าประตูนี้ของเขา เป็นการเหวี่ยงโมเมนตั้มกลับคืนมาอย่างฉับไว และมีผลให้ มาดริด เสียสมาธิ
ทั้งนี้นอกจากเรื่องของสรีระ ทักษะการเล่น-การจบสกอร์แล้ว ในด้านสภาพจิตใจ ยามาล ยังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วย
ในวัยเพียง 17 ปี เขาปะทะกับนักเตะอย่าง รือดิเกอร์ อย่างไม่หวาดหวั่น ขืนรับแรงกดดันจากกลุ่มนักเตะชั้นยอดของ มาดริด ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ขีดสุดของ ยามาล จะไปอยู่ตรงจุดไหนกันนะ ? นี่เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากยิ่ง
6.แชมป์ซูเปร์โกปาฯ นำพาความมั่นใจ ?
แน่นอนว่าการคว้าแชมป์ด้วยฟอร์มการเล่นเช่นนี้สร้างความมั่นใจให้กับนักเตะบาร์เซโลน่าทุกๆคน เพราะแชมป์หนนี้เป็นการโค่น มาดริด คู่อริตลอดกาลอย่างราบคาบ ทำให้ไดนามิกของทีมดีขึ้น ความมั่นใจในตัวเองก็กลับมา
แต่ต้องไม่ลืมว่าฟุตบอลทัวร์นาเมนท์สั้นๆอย่าง ซูเปร์โกปาฯ นั้นแตกต่างจาก เกมยาวอย่าง ลา ลีกา
นักเตะบาร์เซโลน่าเล่นกันสนุก ยิงประตูได้ 5 ลูก เพราะมีพื้นที่มากมายให้โจมตี และ เรอัล มาดริด ไม่ได้เล่นเกมรับใส่พวกเขาเลย แต่ในทางกลับกัน เมื่อเปลี่ยนโหมดสู่ ลา ลีกา ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป
ไม่ว่าทีมใดเจอกับ บาร์เซโลน่า ก็ย่อมต้องวางแผนการเล่นอย่างรัดกุม แทบไม่มีทีมไหนเปิดหน้าแลกแบบ มาดริด
ถ้าสังเกต เราจะเห็นว่า บาร์ซ่า เป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับ มาดริด
ปีนี้ มาดริด พลาดในเกมใหญ่เยอะมาก แพ้ บาร์ซ่า 2 นัดแบบยับๆ ,แพ้ ลิเวอร์พูล,แพ้ มิลาน,เสมอ แอต.มาดริด แต่สามารถเก็บเกมเล็กได้
ส่วน บาร์ซ่า ปีนี้นอกจากย้ำแค้น มาดริด ได้ 2 รอบยิงได้ 9 ลูก ยังถล่ม ทีมที่ใครก็ชนะยากอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ถึง 4-1 กระนั้นกลับพลาดให้ทีมอย่าง เลกาเนส,โอซาซูน่า,เรอัล เบติส,ลาส ปัลมาส,เซลต้า บีโก้
จุดนี้น่าคิดอย่างมาก คุณเล่นดีในเกมใหญ่ แต่คุณเล่นไม่ได้ในเกมเล็ก
คุณอาจจะประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนท์เช่น ซูเปร์โกปา แต่มันยากที่จะคว้าแชมป์บอลลีกที่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ความรอบจัด วิธีการที่หลากหลายในการเอาชนะทีมที่มีแนวทางแตกต่างไปจากทีมใหญ่ๆ
ไม่ต้องมองไกล กลับเข้าสู่โหมดลา ลีกา เกมที่ 20 ในการไปเยือน เคตาเฟ่ นี่ก็พอ คุณคิดว่ามันง่ายหรือยากกว่าการเอาชนะ เรอัล มาดริด ล่ะ ?
#เจมส์ลาลีกา