เปิด 7 มุมมอง เจมส์ลาลีกา หลังชมเกมซูเปร์โกปา นัดชิง หลัง เรอัล มาดริด พ่าย บาร์เซโลน่า
1.ได้เห็นว่า เรอัล มาดริด มีปัญหาที่ฟังก์ชั่นเกมรับ
จังหวะจะเพรสซิ่งแดนบนทำได้น่าผิดหวัง ไปไม่พร้อมเพรียงกัน คนนึงวิ่งเข้าใส่ อีกคนยังเดินอยู่ ส่วนอีกคนถอยลงไปตั้งรับแบบโลว์บล็อค
เอ้า ! อ่านไลน์กลุ่มบ้าง จะเอาไง จะเพรส หรือจะโลว์บล็อค ?
2.นอกจากฟังก์ชั่นเกมรับแล้ว เรอัล มาดริด ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพผู้เล่นในแนวรับอีกด้วย
ชูอาเมนี่ นี่อาการหนัก ! ลูกกลางอากาศดีจริง ปะทะแข็งแกร่ง แต่เซนเตอร์ฮาล์ฟต้องมีอย่างอื่นด้วย
ความระแวดระวัง การยืนตำแหน่ง การประเมินสถาการณ์ และความชัวร์ในการออกบอลจากแดนหลัง ซึ่งประการหลังนี้สำคัญมากสำหรับเซนเตอร์ทีมใหญ่ที่นิยมเล่นบิวด์อัพ ออกบอล 3 ที พลาด 1 ที แบบนี้ก็ไม่ไหว
คำถามคือ อันเชล็อตติ ควรพอกับการถอย ชูอา ไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟได้หรือยัง ?
เทียบกับ ราอูล อาเซนซิโอ ตัดเรื่องตำแหน่งถนัดตามธรรมชาติออกไป ว่ากันที่ performance ล้วนๆ ก็ยังเห็นว่าแนวรับเด็กปั้นมีผลงานที่ดีกว่า
ส่วน ลูกัส บาสเกซ เขาเคยทำได้ดีในตำแหน่งแบ็กขวา แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนัดชิง ที่อนุญาตให้ ราฟินญ่า วิ่งเล่นตามใจชอบราวกับพื้นที่ตรงนั้นเป็นสวนหลังบ้านตัวเอง มันฟัองว่า ลูกัส ในวันนี้ ในวัย 33 อาจไม่เหมาะกับการลงเล่นแบ็กขวาในเกมใหญ่อีกแล้ว
คำถามคือ มันจะดีกว่ามั๊ย ถ้าเกมใหญ่ ดอนคาร์โล จะถอย พญาเหยี่ยว วัลเวร์เด้ ลงไปเล่นแทนเพื่อ ?
3.วินิ กับปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์
25 มีนาคมปีก่อน วินิซิอุสหลั่งน้ำตาแถลงข่าวในประเด็นโดนเหยียดผิวอย่างรุนแรง ก่อนหล่นวรรคทองตอนท้ายว่า 'yo solo quiero jugar al futbol' (ผมเพียงแค่ต้องการเล่นฟุตบอล)
จากนั้นมา เราจะเห็นได้เป็นระยะว่า วินิซิอุส ไม่ได้เล่นแค่ฟุตบอลอย่างที่พูด แต่ปะทะนอกเกมกับคู่แข่งอยู่บ่อยๆ
ในเกมกับ บาร์เซโลน่า ก็เช่นกัน เขาเสียสมาธิง่ายมาก และไม่พลาดในการต่อล้อต่อเถียงกับนักเตะบาร์ซ่าหลังเกม
โอเค เขาอาจไม่ใช่คนเริ่มก่อน แต่ในวัย 24 ย่าง 25 จากนี้ควรต้องอยู่กับร่องกับรอยได้แล้ว อ้อ..ต้องรอให้โทษแบน 2 นัดจากข้อหาผลัก ดิมิเตรฟสกี้ เสียก่อน
4.มาดริด ต้องการผู้เล่นเข้ามาเสริมทัพ
ข้อรู้ เขียนด้วยความเข้าใจอย่างยิ่งว่าการซื้อนักเตะดีๆสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในตลาดหน้าหนาว ไหนจะเรื่องกรอบเวลา ไหนจะต้องวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน อีกทั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝั่งตัวเองอย่างเดียว
แต่ก็นั่นแหละครับ ถึงกระนั้น ส่วนตัวมองว่าหนึ่งในทางแก้ปัญหาของ เรอัล มาดริด ในช่วงที่เหลือของซีซั่น คือต้องพยายามเสริมทัพในช่วงเดือนมกราคมนี้ให้ได้บ้าง
5.กามาวินก้า ไม่ใช่เบอร์ 5 (ที่ไว้ใจได้)
การถอย ชูอา ไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ และให้ กามาวินก้า ยืนคู่กลางกับ วัลเวร์เด้ ในเกมกับ บาร์ซ่า กลายเป็นไอเดียที่เละเทะที่สุด
นอกจาก ชูอา แล้ว กามาวินก้า ก็มีผลงานที่ย่ำแย่เช่นกัน เขาคุมเกมไม่ได้ ดีเลย์เกมไม่ได้ ตำแหน่งการยืนดูสับสนไปหมด หนำซ้ำยังทำฟาวล์แบบไม่จำเป็นจนเสียจุดโทษ โชคดีที่เขาไม่โดนใบแดงไล่ออกไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงเละกว่านี้
6.อันเชล็อตติ
ผมยืนยันความคิดเดิมของตัวเองอีกครั้งว่าเกมพ่าย บาร์ซ่า 2-5 ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แท็คติก และเชื่อว่านักเตะบางคนหลุดออกจากแท็คติกไปไกลเกินกว่าจะควบคุม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า อันเชล็อตติ ไม่ได้ผิดพลาดอะไร
ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งที่ อันเชล็อตติ ผิดพลาดก็คือการจัดไลน์อัพ 11 คนแรก แน่นอนว่าไม่มีใครรู้อนาคต ลงไปแล้วนักเตะจะเล่นได้หรือไม่ แต่เมื่อ ชูอา,กามา และ ลูกัส ออกทะเลแบบนี้ ดอนคาร์โล ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
7.โอกาสกับรายการอื่นๆที่เหลือ ?
ถึงแม้ว่าจะแพ้ในเกมนัดชิง และ อันเชล็อตติ ยืนยันว่าถ้วยซูเปร์โกปา นั้นมีความหมาย เพราะการคว้าแชมป์ใบนี้คือตัวกระตุ้นไดนามิกของทีมในการทะยานสู่แชมป์รายการหลักในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง
กระนั้นก็ตาม ส่วนตัวมองว่าถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่ มาดริด ยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จใน ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้
ข้อสำคัญคือทีมจะต้องกลับมาสู่ภาวะปกติให้ได้โดยเร็ว กลับมาเล่นในเกมของตัวเอง พยายามแก้ไขจุดบกพร่องที่เกิดขึ้น
การสู้กับ บาร์เซโลน่า คือหนึ่งในไฮไลท์สำคัญเสมอมาในแต่ละฤดูกาล แต่มันไม่ใช่จุดบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าทีมจะสำเร็จหรือล้มเหลว
#เจมส์ลาลีกา